“อภิสิทธิ์” เสนอรัฐบาลเร่งรัดออกกฎหมายป้องกันการฟอกเงิน หลัง FATF ขึ้นบัญชีดำไทย พร้อมส่งฝ่ายการเมืองชี้แจง ระบุเหตุระเบิด ยิ่งเชื่อมโยงการฟอกเงินจนนำไปสู่แบล็คลิสต์ พร้อมแนะ รมต.ระวังคำพูด
วันนี้ (18 ก.พ.) นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ ผั้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงินเกี่ยวกับการฟอกเงิน (FATF) ประกาศขึ้นบัญชีดำประเทศไทย ในฐานะประเทศที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานระหว่างประเทศว่าด้วยการสกัดการฟอกเงินว่า ถ้าดูจากข้อความที่เขาได้แถลงออกมา คิดว่าหัวใจการแก้ไขอยู่ที่การเร่งรัดการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ ซึ่งรัฐบาลที่ผ่านมาก็ได้อนุมัติไปแล้ว คิดว่าควรต้องเร่งรัดตัวกฎหมาย และติดต่อสื่อสารกับตัวองค์กรให้มากที่สุด โดยใช้ระดับนโยบายเพื่อแสดงให้เห็นว่าฝ่ายการเมืองจริงจังในการที่จะเดินหน้า
ส่วนจะให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ไปชี้แจงที่ประเทศฝรั่งเศสนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จริงๆ แล้วนักการเมืองควรจะไปด้วย เพราะว่าเราถูกกดดันเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง ส่วนจะกระทบต่อความมั่นใจของนักลงทุนหรือไม่นั้น หากประเมินผลกระทบว่าจะกระทบต่อการทำธุรกรรมมากน้อยแค่ไหน ก็เป็นเรื่องที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต้องเร่งทำความเข้าใจ
“เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นยิ่งจะทำให้มีความเชื่อมโยงกับการถูกขึ้นบัญชีดำมากขึ้น ผมถึงได้ย้ำหลายครั้งว่าเวลาเกิดเหตุ รัฐมนตรี และรองนายกฯ ต้องระมัดระวังคำพูด หากพยายามพูดในลักษณะที่พยายามจะปัดไป ขณะที่สายตาวโลกเขาต้องการเห็นว่าเราให้ความสำคัญในเรื่องนั้นๆ ก็จะ ไม่เป็นผลดี หากจะให้ดีที่สุดต้องพูดความจริง และไม่ให้ประชาชนประมาทหรือตื่นตระหนก” นายอภิสิทธิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าประเทศไทยไม่ใช่ต้นเหตุของปัญหา แต่เขามาขอใช้สถานที่ นาอยภิสิทธิ์กล่าวว่า ถูกต้อง ตนก็ได้ย้ำว่านโยบายต่างประเทศ เราไม่ได้มีปัญหาหรือเป็นเป้าหมายของการโจมตี ถึงแม้เขาจะไม่ได้มีเป้าหมายที่คนไทย แต่เกิดในประเทศเรา คนไทยก็เดือดร้อน