“ปลอดประสพ” เลอะหนัก ฉะศาล รธน.หากวินิจฉัย 2 พ.ร.ก.กู้เงิน ขัด รธน.ถือว่าใจดำ ขู่ถ้าน้ำท่วม ศาล รธน.และ ปชป.ต้องรับผิดชอบ เผย ครม.เตรียมถก 117 โครงการทัวร์นกแก้วอุดช่องโหว่กันน้ำท่วม โดยทั้งหมดต้องเสร็จใน 3 เดือน ด้าน “ประชา” เมินรับผิดชอบหาก 2 พ.ร.ก.ฉาวถูกศาล รธน.ตีตก พร้อมเดินแผนสอง ขณะเดียวกันยืนยันเดินหน้าแก้ รธน.ไม่สนเสียงต้าน
นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้สัมภาษณ์ถึงการเสนอโครงการต่างๆ จากการทัวร์ลุ่มน้ำระหว่างวันที่ 13-17 ก.พ.ที่ผ่านมา ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ตนยังไม่เห็นวาระ แต่เชื่อว่าจะมีการนำเข้ามาพิจารณาแน่นอน จากการที่นายกรัฐมนตรี ไปดูโครงการครั้งที่แล้วได้อนุมัติ 117 โครงการ จำนวนงบประมาณทั้งสิ้นเกือบ 5,000 ล้านบาท เพื่ออุดช่องว่างการป้องกันน้ำท่วมที่เราไม่ต้องการให้เกิดขึ้น ซึ่งเป็นการขุดลอกเพื่อให้น้ำระบายเร็วที่สุด และทั้งหมดต้องเสร็จภายใน 3 เดือน บวกลบไม่เกิน 1 เดือน
นายปลอดประสพยังกล่าวถึงกรณีหากศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยต่อคำร้องของพรรคประชาธิปัตย์เกี่ยวกับ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อการวางระบบการบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ และ พ.ร.ก.ปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ ที่กระทรวงการคลัง กู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนฟื้นฟู และพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ในวันนี้ (22 ก.พ.) ว่า ตนไม่เห็นเหตุผลอะไรที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญ เพราะในยุครัฐธรรมนูญฉบับนี้ ได้มี พ.ร.ก.ออกมาในลักษณะนี้แล้วเป็นฉบับที่ 4 และก็เรียบร้อยดี หากครั้งนี้ไม่เรียบร้อย ก็ไม่ทราบว่าเพราะเหตุผลใด
“การที่มาระบุว่าเป็นเรื่องไม่เร่งด่วนนั้น อยากจะถามว่าที่เร่งด่วนนั้นคืออะไร เพราะเหลืออีกไม่กี่เดือนน้ำจะมา แต่กลับมาบอกว่าไม่เร่งด่วน และในระยะยาวก็มีความเร่งด่วนเพราะว่าน้ำเป็นปัญหาของประเทศไทย หากไม่พิจารณาเป็นอื่นก็แสดงว่าใจจืดใจดำกับประชาชนมาก แสดงว่ามีความตั้งใจที่จะไม่ให้รัฐบาลใช้ความพยายามที่จะช่วยประชาชน ผมแปลง่ายๆ แบบนี้ เพราะว่าดูจากเหตุผล”
นายปลอดประสพกล่าวว่า ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหากศาลวินิจฉัยให้ขัดรัฐธรรมนูญนั้น ตนคิดว่าไม่มี เพราะตนเป็นผู้แทนราษฎร พ.ร.ก.เป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเงินการคลังก็จริง แต่ก็เป็นเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เรื่องของสภา ถ้าสภาและรัฐบาลแพ้นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่นี่เป็นเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญคนละขั้นตอนกัน
“ถ้าไม่อนุมัติขึ้นมาแล้วเกิดน้ำท่วม ผมต้องโทษศาลรัฐธรรมนูญกับพรรคประชาธิปัตย์ ให้ประชาชนรับทราบไว้แล้วกัน ท่านต้องรับภาระนี้ไปเต็มๆ จะมาอ้างโน่นอ้างนี่ไม่ได้”
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากการวินิจฉัยของศาลชี้ว่า พ.ร.ก.2 ฉบับขัดรัฐธรรมนูญเพราะเกิดจากกระบวนการของรัฐบาลที่ไม่ถูกต้องจะทำอย่างไร นายปลอดประสพกล่าวว่า ยืนยันว่าถูกต้อง กระบวนการจะไม่ถูกได้อย่างไร อย่างนี้เป็นอำนาจของฝ่ายบริหารใช่หรือไม่ ที่จะออก พ.ร.ก.และที่ออกมาคือเพราะความเร่งด่วนใช่หรือไม่ ใครที่บอกว่าน้ำท่วมไม่เร่งด่วน ตนอยากรู้เหมือนกัน
ส่วนที่กล่าวหาว่านายกฯ ไม่มีโครงการ เป็นเรื่องไม่จริง เพราะมีเยอะ ตนก็ได้อธิบายทุกวัน และจะมาตั้งแง่เพื่ออะไร ศาลรัฐธรรมนูญมีไว้ตีความเรื่องแบบนี้หรือ ศาลรัฐธรรมนูญควรจะไปตีความเรื่องของข้อกฎหมาย เมื่อกรณีที่เกิดความขัดแย้ง แต่นี่ไม่ใช่ นี่เป็นเรื่องของการช่วยเหลือประเทศชาติประชาชนให้พ้นจากน้ำท่วม มันไม่ใช่หน้าที่ และถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย พ.ร.ก.ที่มีการโอนหนี้ ของกองทุนฟื้นฟูขัดรัฐธรรมนูญจะส่งผลกระทบต่อการแก้ไขปัญหานำท่วมแน่นอน เพราะเราต้องการเงินไปลงทุนถ้าไม่มีเงินไปลงทุน แล้วน้ำท่วมคนนั้นก็รับผิดชอบก็แล้วกัน
ด้าน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า รัฐบาลยังไม่ได้เตรียมการใดๆ หาก พ.ร.ก.2 ฉบับถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดกับรัฐธรรมนูญจนเป็นเหตุให้ พ.ร.ก.ต้องตกไป โดยขอรอฟังคำวินิจฉัยของศาลก่อนว่าจะออกมาในทิศทางใด อย่าไปคาดการณ์ล่วงหน้าว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ส่วนตัวก็พร้อมที่จะยอมรับคำตัดสิน หาก พ.ร.ก.ทั้ง 2 ฉบับต้องตกไปจริงก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายกฎหมายพรรคที่จะต้องเป็นผู้พิจารณาต่อไปว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่ยืนยันว่า พ.ร.ก.ทั้ง 2 ฉบับ มีความสำคัญ เนื่องจากรัฐบาลจำเป็นต้องใช้งบประมาณในการฟื้นฟูเยียวยาปัญหาน้ำท่วม เพราะน้ำท่วมในปีที่ผ่านมาได้สร้างความเสียหายและความเดือดร้อนให้กับประเทศเป็นอย่างมาก
พล.ต.อ.ประชากล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบหาก พ.ร.ก.ทั้ง 2 ฉบับขัดต่อรัฐธรรมนูญนั้น ตนมองว่าเป็นเรื่องของความเห็นของแต่ละฝ่ายมากกว่า ซึ่งย่อมมีความแตกต่างกัน ฉะนั้น รัฐบาลคงไม่ต้องรับผิดชอบความเห็นที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมาย
ส่วนการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญในวันพรุ่งนี้ (23 ก.พ.) ที่ฝ่ายค้านเรียกร้องให้เลื่อนวาระการประชุมออกไปก่อน ตนเห็นว่าทางประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ประกาศชัดเจนแล้วว่าจะเริ่มพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญวาระที่ 1 ในวันที่ 23 ก.พ.นี้ คงไม่มีเหตุของความจำเป็นต้องเลื่อนการพิจารณาออกไป
พล.ต.อ.ประชายังกล่าวถึงกรณีที่นายถิรชัย วุฒิธรรม เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ยื่นใบลาออกว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องจริง โดยเป็นการลาออกโดยสมัครใจ ไม่มีการกดดัน โดยสาเหตุที่ออกเป็นเพราะนายถิรชัยมีภารกิจส่วนตัว และหลังจากนี้จะเสนอให้ พล.ต.ต.เกษม รัตนสุนทร ที่ปรึกษารัฐมนตีว่าการกระทรวงยุติธรรมดำรงตำแหน่งแทน