นักลงทุนไม่เชื่อมั่น "ทัวร์นกขมิ้น" แก้ปัญหาน้ำท่วมปี 55 ได้จริง "อมตะ" ยอมรับ รง.แห่ย้ายฐานผลิตไปโชนตะวันออกทุกวัน โดยเฉพาะการบริหารจัดการน้ำที่ผิดพลาดซ้ำซากของ รบ. ที่ปล่อยให้พื้นที่ 2 อำเภอใน จ.พระนครศรีอยุธยา ถูกน้ำท่วมในฤดูแล้งนั้น ยิ่งสร้างความหวาดผวาต่อการลงทุนเป็นอย่างมาก ขณะที่ ส.อ.ท. กังวล พ.ร.ก.กู้เงิน 2 ฉบับสะดุด กระทบความมั่นใจนักลงทุน
นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การลงทุนของภาคอุตสาหกรรม โซนฝั่งภาคตะวันออกของประเทศขณะนี้บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก เนื่องจากนักลงทุนทยอยเข้ามาลงทุนยังในพื้นที่กันอย่างคับคั่งแบบต่อเนื่องรายวัน หลังจากยังเกิดความไม่มั่นใจที่จะเข้าไปลงทุนในพื้นที่ทางโซนภาคกลาง
"แม้ว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) จัดทัวร์นกขมิ้นล่องเหนือแก้ปัญหาน้ำท่วม แต่นักลงทุนก็ยังไม่มั่นใจว่ารัฐบาลจะสามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมปีนี้ได้ โดยเฉพาะการบริหารจัดการน้ำที่ผิดพลาดซ้ำซากของรัฐบาล ที่ปล่อยให้พื้นที่ 2 อำเภอใน จ.พระนครศรีอยุธยา ถูกน้ำท่วมในฤดูแล้งนั้น ยิ่งสร้างความหวาดผวาต่อการลงทุนอีกเป็นอย่างมาก"
นายวิบูลย์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังคงมีกระแสของการลงทุนเข้ามาในพื้นที่แบบรายวันและคาดว่าจะสามารถขายพื้นที่อุตสาหกรรมได้ตามเป้าที่ได้วางแผนเอาไว้ในปีนี้ คือ ประมาณ 2 พันไร่ เพื่อรองรับนักลงทุนหน้าใหม่ และโรงงานอุตสาหกรรมเดิมอยู่ในพื้นที่ก็เตรียมขยายกิจการ การลงทุนเพิ่มขึ้นอีกโดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยานยนต์นั้น ถือว่าเติบโตมากที่สุด รองลงมา คืออุตสาหกรรมเคมี เครื่องมืองานหนัก และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการเกษตร
ด้านสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แสดงความเป็นห่วงพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เงินกู้ 2 ฉบับสะดุด ระบุหากออกเป็นพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ที่ต้องใช้เวลาพิจารณาค่อนข้างนาน จะกระทบแผนแก้ปัญหาน้ำท่วมล่าช้าออกไป จนกระทบความเชื่อมั่นและการตัดสินใจลงทุนในไทย ของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า หาก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ.2555 และ พ.ร.ก.ปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ.2555 ต้องสะดุดลง และต้องออกเป็น พ.ร.บ.แทน ซึ่งต้องใช้เวลาในการพิจารณาค่อนข้างนานอาจเป็นเรื่องใหญ่
"หากต้องออกเป็น พ.ร.บ.จะกระทบถึงแผนงานแก้ปัญหาน้ำท่วมที่จะต้องเร่งดำเนินการทั้งหมดให้ล่าช้าออกไป จนกระทบต่อความเชื่อมั่นและการตัดสินใจลงทุนในไทยของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เพราะขณะนี้นักลงทุนรอดูความชัดเจนเกี่ยวกับแผนการป้องกันน้ำระยะยาวเพื่อให้มั่นใจว่าไทยจะไม่เกิดปัญหาอุทกภัยหนักเหมือนปีที่ผ่านมา"
นอกจากนี้ การจัดตั้งกองทุนประกันภัยพิบัติเป็นอีกหนึ่งทางที่จะช่วยสร้างความมั่นใจ โดยในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2555 จะประชุมเพื่อสรุปรายละเอียดการรับประกันของกองทุนนี้อีกครั้ง โดยประเด็นที่พิจารณากันเพิ่มเติม คือ เมื่อบริษัทประกันภัยรับทำประกันแล้วในส่วนของประกันภัยต่อ อาจจะโอนภาระให้กองทุนทั้งหมด โดยไม่ส่งประกันภัยต่อไปยังต่างประเทศ คาดว่าจะได้ข้อสรุปเพื่อลงนามข้อตกลงกับบริษัทประกันในสัปดาห์หน้า และเปิดขายกรมธรรม์ได้ระหว่างวันที่ 20-24 กุมภาพันธ์ 2555
