“ประพันธ์” จี้ทุกภาคส่วนค้านแก้ รธน.มาตรา 291 หากปล่อยให้ถึงขั้นเลือก ส.ส.ร.จะสายเกินแก้ ชี้สามารถบั่นทอน “ศาล-กองทัพ-องค์กรอิสระ” และลามถึง “สถาบันกษัตริย์” เหตุกฎหมายลูกต่างๆ ที่ขัด รธน.จะตกไปโดยปริยาย เชื่อ “ทักษิณ” หวังกินรวบยึดอำนาจประเทศโดยเบ็ดเสร็จ ด้าน “พิชาย” ระบุกระบวนการแก้ รธน.ครั้งนี้จะเป็นเครื่องมือกระชับมวลชนเสื้อแดงให้แข็งแรงขึ้นมา เพื่อเตรียมรับมือเหตุไม่คาดฝัน
วันที่ 21 ก.พ. เมื่อเวลา 20.30 น. นายประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และ ผศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองคณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้ร่วมพูดคุยในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV
โดย นายประพันธ์กล่าวว่า ชี้ชัดอยู่แล้วว่าเพื่อไทยต้องการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณพ้นมลทิน และช่วยนักการเมืองให้ปลดแอกจากการถูกตัดสิทธิทางการเมือง และบ่วงอีกอย่างที่ต้องการกำจัดก็คือการยุบพรรค
นอกจากนั้นก็จะลามปามไปถึงกระบวนการอื่นๆ ด้วย ทั้งองค์กรอิสระ กองทัพ และศาล ซึ่งเป็นองค์กรที่เขายังไม่สามารถกระชับอำนาจได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ซึ่งรัฐธรรมนูญมีหมวดที่กำกับสิ่งเหล่านี้อยู่ สามารถแก้ได้ ทุกคนก็เห็นว่าทำไมถึงไม่เสนอว่าจะแก้มาตราไหนบ้าง แต่กลับขอตั้ง ส.ส.ร. (สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ) ถ้าแก้รัฐธรรมนูญได้ จะให้กองทัพอยู่ภายใต้อำนาจการเมือง โดยไม่ต้องแก้พรบ.กลาโหม เพราะกฎหมายลูกใดๆที่ขัดรัฐธรรมนูญก็จะตกไปโดยปริยาย และอาจมีเป้าหมายใหญ่ รวมไปถึงองคมนตรี และสถาบันกษัตริย์ โดยที่ไม่ต้องแก้มาตรา 112 เลย
การแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้มีวาระซ่อนเร้นที่อำมหิต หวังกินรวบยึดอำนาจประเทศไทยโดยเบ็ดเสร็จ ถ้าแก้ได้ ควบคุมกองทัพได้ ช่วยพวกตัวเองให้พ้นผิดได้ กระชับอำนาจได้ ก็ไม่ต่างกับฮิตเลอร์ แก้รัฐธรรมนูญเพื่อทำให้ระบอบทักษิณอยู่ในอำนาจได้ยาวนาน อันตรายต่อประชาชนอย่างยิ่ง การแก้ทั้งหมดนี้เพื่อกระชับอำนาจของระบอบประชาธิปไตยแบบนายทุนพรรคการเมืองเท่านั้นเอง ไม่ได้แก้เพื่อวางหลักให้บ้านเมือง
“ถึงบอกว่าทุกฝ่าย ทุกองค์กร ต้องออกมาแสดงจุดยืน มีคนบอกว่าให้รอดูมติก่อน แล้วไปสู้ในสภา แต่ผมมองว่าเขาไม่มีสิทธิแตะต้องรัฐธรรมนูญเลย เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้มาจากประชามติของประชาชน แล้วไม่เคยถามประชาชนเลยว่าต้องการแก้หรือไม่ อีกทั้งเป้าหมายสำคัญคือช่วยทักษิณ ไม่มีเหตุผลให้ต้องแก้เลย” นายประพันธ์กล่าว
นายพิชายกล่าวว่า การแก้รัฐธรรมนูญมีพิธีกรรมซ่อนเร้นที่น่ากลัว คือจะให้เป็นเครื่องมือเคลื่อนไหวมวลชน เนื่องจากการเคลื่อนไหวมวลชนคนเสื้อแดงช่วงนี้เริ่มซบเซา หากปล่อยไปโดยไม่ให้มีการเคลื่อนไหว กระแสอาจตกต่ำลงไป ฉะนั้นการจัดตั้ง ส.ส.ร.ขึ้นมาก็จะทำให้มีการเคลื่อนไหวเป็นขบวนการขนาดใหญ่ มีกลไกทำให้เกิดความกระตือรือร้น เป็นการกระชับมวลชนให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น
ตนประเมินว่ากระบวนการให้เลือก ส.ส.ร.นั้น เสื้อแดงเหล่านี้ก็จะได้มีประเด็น เช่นโจมตีทหาร โจมตีอำมาตย์ มีพวก นปช.คอยเตรียมข้อเสนอให้ ส.ส.ร. และใช้เป็นแนวทางชี้นำมวลชน ปลูกฝังให้รับข้อเสนอเหล่านี้ หาก ส.ส.ร.แก้แตกต่างไปจากข้อเสนอ ก็จะใช้มวลชนกดดัน เพื่อให้เป็นไปตามสิ่งที่เขาชี้นำเอาไว้ ซึ่งก็อาศัยจังหวะนี้กระชับมวลชน เตรียมรับมืออะไรบางอย่างที่อาจเกิดขึ้น อีกทั้งเรื่องนี้เขาสามารถใช้งบประมาณแผ่นดินได้ โดยอ้างว่าเป็นแคมเปญรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย
นายประพันธ์กล่าวว่า ต้องคัดค้านตั้งแต่การแก้มาตรา 291 เลย รัฐบาลไม่มีสิทธิเปิดญัตติแก้รัฐธรรมนูญ เพราะถ้าไปสู่การเลือก ส.ส.ร. มันจะเป็นกระบวนการทางการเมืองอย่างที่นายพิชายพูด หรือ ส.ส.ร.ที่ตั้งมาก็อยู่ภายใต้การกำกับของรัฐบาลอยู่แล้ว กระบวนการรับฟังความคิดเห็นก็จะมีแต่เสื้อแดงที่ไปนั่งเสนอความเห็น คนอื่นพูดคอแตกพวกนี้ก็ไม่ฟังหรอก เพราะเป็นนิสัยของพวกนี้เหิมเกริม อวดดี ไม่ฟังความเห็นต่าง
นายพิชายกล่าวเสริมว่า ถ้า ส.ส.ประชาธิปัตย์ กับ ส.ว.จับมือกัน ถกเถียงกันว่าไม่แก้มาตรา 291 ตรงนี้น่าเป็นประเด็นสำคัญของ ส.ว.ว่าจะเอาตามที่รัฐบาลเสนอมาหรือเปล่า ส.ว.100 กว่าคน ร่วมกับฝ่ายค้านเสียงอาจมากกว่ารัฐบาลก็ได้ ไม่ได้สิ้นหวังอย่างสิ้นเชิง ยังมีหวังในกลไกรัฐสภา
ทางด้าน นายประพันธ์กล่าวว่า ส่วนตนมองว่าเป็นความหวังที่ริบหรี่ ขณะนี้นายทุนเผด็จการรัฐสภาได้ยึดอำนาจในรัฐสภาไปแล้วโดยการเลือกตั้ง ส.ว.120 คน บวกกับ ส.ส.ประชาธิปัตย์ 160 กว่าคน ก็ยังน้อยกว่าพรรครัฐบาลอยู่ดี วาระแรกคือรับหลักการ ก็ยาก เพราะ ส.ว.ไม่ใช่ทั้งหมดที่จะไม่เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญ คงไม่มีทางหวัง โดยวิธีคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณกับพวก เวลาเล่นเกม เขาต้องเล่นเกมที่กำกับควบคุมได้ นั่นก็คือเกมในสภา ฉะนั้นเราต้องสู้ด้วยวิธีอื่น ใช้กระบวนการในสภาไม่ได้ผล ต้องอย่าให้เสื้อแดงยึดพื้นที่ในสนามก่อน ประชาชนต้องลงไปยึดก่อน
