“ปานเทพ” เผยข้อมูลพบ “ทักษิณ” โผล่เป็นคณะกรรมการองค์กรดูแลทุนไหลเข้า-ออกของอเมริกา โดยมีประธานเป็นคนของซีไอเอในไทย เชื่อมโยงรวมหัวกันคอยกอบโกยผลประโยชน์ในประเทศมาตลอด ย้ำสหรัฐฯ จ้องกำจัด “ชาตินิยม-สถาบันกษัตริย์” แต่พลังคนไทยค้านแก้มาตรา 112 มีเกินคาด ทำให้ต้องถอย ด้าน “รศ.ชัยชนะ” ตั้งข้อสังเกตนักวิชาการล้มเจ้าอาจไม่ได้เกิดจากเรียน “คอร์แนล” แต่ฝังใจจาก 6 ตุลา
วันที่ 14 ก.พ. เมื่อเวลา 20.30 น. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ รศ.ชัยชนะ อิงคะวัต อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ร่วมในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV
นายปานเทพกล่าวว่า ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ไทยร่วมมือกับอเมริกาชัดเจน ผ่านทางหน่วยสืบราชการลับ หรือซีไอเอ (CIA : Central Intelligence Agencies) องค์กรหนึ่งที่ไม่ค่อยได้ยินชื่อ คือ โอเอสเอส (OSS : The Office of Strategic Services) หรือสำนักงานบริการทางยุทธศาสตร์ เป็นสาขาปลีกหนึ่งของซีไอเอ โดยทำงานกับขบวนการเสรีไทย
ในเวลานั้นเราเผชิญหน้าลัทธิการปกครองระหว่างประชาธิปไตยกับคอมมิวนิสต์ ซึ่งไทยเลือกที่จะเป็นประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งแน่นอนการปกป้องประเทศจากคอมมิสนิสต์ได้ต้องอาศัยการส่งเสริมลัทธิชาตินิยมเข้าช่วย ตอนนั้นไม่มีเสียงต้านจากอเมริกา
แต่พอสถานการณ์เปลี่ยน หลังสงครามเย็นยุติลง อเมริกาเห็นว่าสิ่งที่เกิดประโยชน์สูงสุด คือ ทุน คือความมั่งคั่ง ทุกประเทศที่ทำผลตอบแทนมายังทุนได้ต้องเปิดเสรี แปรรูปรัฐวิสาหกิจ ถ้าจะให้ดีต้องลดความสามารถในการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นสิทธิมนุษยชน สิ่งแวดล้อม และมาตรการอีกมากมาย เพื่อทำให้เรามีความได้เปรียบน้อยลง สิ่งแรกที่ต้องกำจัด คือ ความเป็นชาตินิยม ถ้าทำให้ลดลงได้เป็นผลดี การคลั่งชาติและสถาบันกษัตริย์เป็นอุปสรรคของทุน เพราะการเลือกตั้งซื้อเสียงเท่านั้นที่สามารถตอบสนองทุนได้ เพราะเมื่อได้รับเลือกตั้งเข้ามาต้องถอนทุนคืน ทำให้เจรจาต่อรองผลประโยชน์ได้ง่าย
นายปานเทพกล่าวอีกว่า ย้อนไปวันที่นายทักษิณเจอจอร์จ ดับเบิลยู. บุช เรื่องตกลงความร่วมมือทางการค้าเสรีไทย-อเมริกา ซึ่งจะเกิดผลกระทบมโหฬาร ก่อนรัฐประหาร 1 วัน นายทักษิณยังไปพูดเรื่องนี้อยู่เลย งานวิจัยของอเมริกาเองระบุว่าถ้าไทยยอมลงนาม ผลประโยชน์อเมริกาจะเพิ่มขึ้นทันที 300 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี
จากเว็บไซต์วิกิลีกส์เราจึงพบรายชื่อกระบวนการโอเอสเอสในไทยว่ามีใครบ้าง ได้ข้อมูลที่น่าสนใจ คือ มีบางองค์กรซึ่งดูแลเรื่องทุนเคลื่อนย้ายทองคำ เงินไหลเข้าไหลออก การอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับทุนของโลก มีประธานเป็นประธานของโอเอสเอส ปลีกหนึ่งของซีไอเอในประเทศไทย และนายทักษิณกลายเป็น 1 ใน 5 ของคณะกรรมการชุดดังกล่าวเมื่อปีที่แล้ว ทำให้เราได้เห็นการเชื่อมโยงว่าโอเอสเอสเห็นประโยชน์จากนายทักษิณในเชิงธุรกิจ
ในอดีต โอเอสเอสเคยทำงานกับคนที่ใกล้ชิดสถาบันกษัตริย์ แต่วันนี้บริบทเปลี่ยนไป เมื่อทุนตอบสนองเป็นใหญ่ คนที่ใช้ก็ต้องเปลี่ยนไปด้วย
จากเว็บไซต์ World Money Fund (ภาพประกอบ 3) ซ้ายสุดเป็นประธานโอเอสเอสของไทย คนที่สอง คือ นายทักษิณ มันมีการเชื่อมโยงกันอยู่จริง
โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า โชคดีทุนประเมินพลาด ในการพยายามทำลายความเป็นชาตินิยมกับสถาบันกษัตริย์ของไทย โดยเชื่อจากการปลุกระดมของฝ่ายซ้ายเก่าว่าคนไทยจะลุกฮือแก้มาตรา 112 โดยคริสตี เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ตั้งใจโพสต์ผ่านทวิตเตอร์ ซึ่งเป็นการทำผิดมารยาทอย่างร้ายแรง แต่สถานการณ์กลับพลิกผัน คนกลับต่อต้านไม่ให้มีการแตะต้องมาตรา 112 ทำให้มหาอำนาจเห็นแล้วว่าเข้ามาได้ยาก ต้องถอยห่าง เพราะคนไทยลุกขึ้นมาต่อสู้ แม้แต่เพื่อไทยยังตัดขาดนิติราษฎร์ เพราะกระแสมันแรงเกินคาด
นายปานเทพยังกล่าวว่า วันนี้สถานการณ์ความวุ่นวายในประเทศ ไม่มีใครรู้ว่าการที่ไทยส่งทหารไปอิรัก เท่ากับว่าเราเลือกข้างอเมริกา ตนเพิ่งทราบว่าระหว่างการเจรจาว่าไทยควรถอนทหารออกจากอิรักหรือไม่ ตอนนั้นมันมีการแลกผลประโยชน์กับการตัด GSP กุ้งของประเทศไทย เลยไปเจรจาว่าไม่อย่างนั้นจะถอนทหารจากอิรัก และแล้วก็แลกกับผลประโยชน์ของคนเพียงไม่กี่กลุ่ม น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ประกาศจัดการผู้ก่อการร้าย นายทักษิณจับนายฮัมบาลี ทั้งที่สกัดให้ไม่เข้ามา ก็ไม่ต้องตกอยู่ในฐานะเลือกข้างใดข้างหนึ่ง หรือนายวิกเตอร์ บูท สมัยนายอภิสิทธิ์ ชัดเจนเลยว่าไทยพยายามให้น้ำหนักทางการทูตอเมริกามากกว่าชาติอื่น ผลที่สุด ไม่น่าเชื่อไทยจะกลายเป็นศูนย์รวมความสุ่มเสี่ยงต่อการก่อการร้ายระหว่างประเทศ
ด้าน รศ.ชัยชนะกล่าวถึงกรณีที่นักวิชาการไทยมักมีแนวคิดตามอย่างตะวันตกว่า เป็นปรากฎการณ์หนึ่งที่นักวิชาการไทยไปศึกษามา แล้วก็ได้รับอิทธิพล มีความเชื่อตามนั้น ซึ่งตนก็ไปศึกษามาเช่นกัน แต่พอได้สอนหนังสือก็เห็นข้อโต้แย้งหลายอย่าง เช่น ปัจจุบันแวดวงวิชาการของไทยพูดเรื่องโพสโมเดิร์น คือทุกอย่างต้อง Deconstruct ต้องผ่าตัดมันออกมา แล้วค่อยคุยกัน แต่จริงๆ ก็มาจากโครงสร้างลัทธิมากซ์ นักวิชาการไทยก็สนุกสนานกับประเด็นนี้
อยากเรียนว่าวาทกรรมนักวิชาการไทยที่มักเอามาจากตะวันตก ควรอ่านทุกอย่างที่ปรากฏ ไม่ใช่อ่านเฉพาะที่เขากำหนดให้อ่าน เช่น โนม ชัมสกี เป็นนักวิชาการที่รู้มันและวิพากษ์วิจารณ์สหรัฐฯ แต่แบบนี้มักไม่อ่าน เพราะนักวิชาการที่อยู่บนโต๊ะมักบอกว่าคนแบบนี้ไม่ได้รับการยอมรับ
รศ.ชัยชนะกล่าวต่อว่า คนที่เป็นคอมมิวนิสต์เก่า ในอเมริกาไม่มีทางที่จะได้เป็นรัฐมนตรีเลย แต่ไทยมีหลายคนที่เคยเข้าป่า และเป็นรัฐมนตรีได้ ประทศไทยนี่แหละที่เรียกว่าเสรี
ส่วนกรณีที่หมาวิทยาลัยคอร์แนล ปลูกฝังความคิดให้นักวิชาการไทย ตนมองแบบให้ความเป็นธรรม ว่าอาจจะไม่เกี่ยวก็ได้ เช่น นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ เป็นนักประวัติศาสตร์ ซึ่งนักประวัติศาสตร์มักยึดติดกับประวัติศาสตร์มากพอควร หรือนายเกษียร เตชะพีระ เป็นคน 6 ตุลา ซึ่งก็เป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ที่ออกมาเขียนวิจารณ์ตอนนี้ แต่นายเสกสรรค์ ประเสริฐกุล ปฏิเสธไม่เกี่ยวกับนิติราษฎร์ เพราะนายเสกสรรค์เป็นคน 14 ตุลา ตรงนี้อาจไม่ได้เกิดจากคอร์แนล แต่เกิดจากเหตุการณ์ 6 ตุลา