เอเอฟพี - คำมั่นสัญญาอันไร้ค่าของประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ที่จะปิดค่ายกักกันผู้ต้องสงสัยคดีก่อการร้าย “อ่าวกวนตานาโม” เป็นบทเรียนให้เห็นว่า น้ำคำที่เคยให้ไว้ด้วยความมุ่งมั่นระหว่างหาเสียง สุดท้ายก็อาจเป็นเพียงลมปาก เมื่อเผชิญกับความยากลำบากทางการเมือง และการขัดขวางจากพรรคตรงข้าม
ความพยายามที่ชะงักงันในการปิดค่ายกวนตานาโมยังสะท้อนถึงประเด็นความมั่นคงภายในที่แสนซับซ้อน และมิอาจแตะต้องได้ ซึ่งอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช เป็นผู้ริเริ่ม และยังคงดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน แม้ความทรงจำเกี่ยวกับเหตุวินาศกรรม 9/11 อาจเลือนหายไปบ้างแล้ว
ฐานทัพเรือสหรัฐฯ ในอ่าวกวนตานาโม ประเทศคิวบา รับนักโทษผู้ต้องสงสัยคดีก่อการร้ายกลุ่มแรก เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2002 หลังจากบุชประกาศสงครามต่อต้านการก่อการร้าย ขณะที่เหตุการณ์ 9/11 ผ่านไปไม่ถึงเดือน
ผ่านมาเกือบครบ 10 ปี นักโทษ 171 ราย ยังคงถูกควบคุมตัว ส่วนใหญ่ไม่ได้รับการเหลียวแลทางกฎหมาย บ้างกำลังเฝ้ารอการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไปยังประเทศอื่นที่ไม่ใช่สหรัฐฯ และอีกอย่างน้อย 40 ราย “ไม่เคย” ได้รับการพิจารณาคดีตามกระบวนการยุติธรรม แต่คนเหล่านี้ถูกสหรัฐฯ ตราหน้าว่า เป็นอันตรายเกินกว่าจะปล่อยให้มีเสรีภาพ
ด้วยมุมมองว่ากวนตานาโมเป็นจุดด่างพร้อยต่อภาพลักษณ์อเมริกา บารัค โอบามา จึงมีประกาศิตให้ปิดสถานกักกันแห่งนี้ “ภายใน 1 ปี” ตั้งแต่นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ วันแรกๆ เมื่อเดือนมกราคม 2009 หลังจากนั้น โอบามายังประกาศด้วยความมุ่งมั่น ณ องค์การบริหารจดหมายเหตุแห่งชาติสหรัฐฯ กรุงวอชิงตัน ว่า “ในฐานะประธานาธิบดี ผมจะไม่ยอมให้ปัญหานี้เรื้อรังต่อไป”
**หาเสียงง่ายกว่าปฏิบัติ**
อย่างไรก็ตาม โอบามาก็ได้เรียนรู้ถึงขอบเขตอำนาจผู้นำประเทศ ขณะพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะร่างระบบกฎหมายขึ้นมาเป็นหลักการดำเนินคดีกับผู้ต้องสงสัยเหล่านี้ แต่สภาครองเกรสแสดงออกอย่างชัดเจนว่า “ไม่เอาด้วย” กับแผนปิดค่ายกวนตานาโม
จูเลียน เซลิเซอร์ ศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน มีความเห็นว่า โอบามาเดินเกมการเมืองผิดพลาดครั้งใหญ่ จนกระทั่งทางเดโมแครตต้องบีบให้โอบามาล้มเลิกความตั้งใจดังกล่าว
นักการเมืองจากทั้งเดโมแครตและรีพับลิกันต่างคัดค้านการส่งตัวนักโทษกวนตานาโม มาดำเนินคดีหรือคุมขังในผืนแผ่นดินสหรัฐฯ ยิ่งไปกว่านั้น สภาคองเกรสยังตั้งกำแพงกันท่า ด้วยการจำกัดงบประมาณสนับสนุนการส่งตัวนักโทษ ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญก่อนการปิดค่ายกวนตานาโม
เสียงคัดค้านที่ทรงอำนาจนี้ยังบังคับให้รัฐสภาสหรัฐฯ ล้มแผนการใช้กฎหมายพลเรือนดำเนินคดีกับ คาลิด ชีกห์ โมฮัมเหม็ด ผู้วางแผนก่อเหตุวินาศกรมม 9/11 โดยศาลทหารกวนตานาโมรับบทบาทผู้พิจารณาคดีของโมฮัมเหม็ด และผู้สมรู้ร่วมคิด
ความจริงทางการเมืองปรากฏในเดือนมีนาคม 2011 บารัค โอบามา ยอมลงนามคำสั่งพิเศษปรับระบบคณะกรรมการทหารในฐานทัพกวนตานาโม ให้อำนาจพิจารณาคดีนักโทษอาชญากรรมสงคราม
แม้รัฐบาลโอบามาเคยเรียกร้องให้นำตัวนักโทษบางรายขึ้นศาลสหรัฐฯ แทนศาลทหาร แต่กลุ่มนักวิจารณ์กลับมองว่า ความพยายามของโอบามายิ่งเป็นการต่ออายุให้ค่ายกักกันกวนตานาโมยืนยาวออกไปอีก
บรรดาที่ปรึกษาของโอบามายืนยันว่า ผู้นำคนนี้ยังมุ่งมั่นที่จะปิดค่ายกวนตานาโม และเชื่อเหลือเกินว่า ค่ายกวนตานาโมเป็นผลเสียต่อความมั่นคงสหรัฐฯ กระนั้นก็ดี ก็ยังไม่ปรากฏแผนงานที่ชัดเจน และขณะที่โอบามากำลังหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 สื่อคาดการณ์ว่า เขาจะหลีกเลี่ยงการเอ่ยถึงประเด็นที่แก้ไม่ตกนี้
โอบามายังสามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า รักษาสัญญาอยู่บ้าง กรณีการยุติสงครามอิรักตามที่ลั่นวาจาไว้ระหว่างการหาเสียงเมื่อปี 2008
**สงครามของ “บุช” ยังไม่จบ**
ในวันพุธ (11) อายุของค่ายกวนตานาโมจะครบรอบ 1 ทศวรรษ ความยืนยาวของค่ายกักกันแห่งนี้แสดงถึงความแข็งกร้าวของนโยบายความมั่นคงภายในที่จอร์จ บุช ริเริ่มไว้ นอกเหนือจากการควบคุมตัวนักโทษในกวนตานาโมโดยไม่ต้องพิจารณาคดีแล้ว ยังรวมถึงการแลกตัวผู้ต้องสงสัยก่อการร้าย การสอดแนม และการดักฟังโทรศัพท์ โดยอ้างถึงความมั่นคงของประเทศ
ส่วนตัวโอบามาก็แสดงอำนาจผู้นำประเทศด้วยการส่งอากาศยานไร้นักบิน (โดรน) ออกไล่ล่าผู้ก่อการร้ายไม่มีหยุดพัก ขณะเดียวกัน กลุ่มนักรณรงค์ตั้งความหวังว่า หากโอบามาชนะเลือกตั้งอีกครั้ง เขาอาจลองหาทางปิดกวนตานาโมอีกสักตั้ง แต่สื่อก็มองว่า วาระ 4 ปีในอนาคต โอบามาจะยุ่งกับปัญหาเศรษฐกิจจนไม่เป็นอันทำอะไร
ฟากฝั่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันไม่ต้องการปิดค่ายกวนตานาโมอยู่แล้ว มิตต์ รอมนีย์ ตัวเต็งผู้สมัครรีพับลิกัน ยิ่งเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนการคงอยู่ของค่ายกักกันกวนตานาโม เพราะฉะนั้น ความหวังในการปิดค่ายกักกันนักโทษดังกล่าวในเร็วๆ นี้ จึงดูเลือนลางเต็มที