เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ตรวจพบโทรเลขการทูตสหรัฐฯซึ่งวิกิลีกส์นำไปเผยแพร่อยู่ในคอมพิวเตอร์ของพลทหาร แบรดลีย์ แมนนิง ผู้ถูกกล่าวหาว่าเผยข้อมูลลับดังกล่าวแก่เว็บไซต์จอมแฉ ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ของกองทัพสหรัฐฯระบุ วานนี้ (18)
เดวิด เชเวอร์ ผู้แทนพิเศษจากหน่วยสืบสวนอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ (CCIU) นำเสนอหลักฐานที่ชัดเจนที่สุดเพื่อเอาผิดกับ แมนนิง ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาล่วงละเมิดความลับทางการครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ
เชเวอร์ ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายนิติคอมพิวเตอร์และวิจัยของ ซีซีไอยู ทำการตรวจสอบคอมพิวเตอร์ซึ่งใช้ระบบปฏิบัติการวินโดว์ 2 เครื่องที่ แมนนิง เคยใช้ขณะทำหน้าที่นักวิเคราะห์ข่าวกรองชั้นผู้น้อยในสงครามอิรัก ระหว่างเดินพฤษภาคม ปี 2009 ถึงเดือนเมษายน ปี 2010
คำที่ถูกค้นบ่อยที่สุดจากคอมพิวเตอร์ทั้ง 2 เครื่อง คือคำว่า “Wikileaks” และ “Julian Assange” ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ดังกล่าว โดยเริ่มมีการค้นหาตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม ปี 2009 เป็นต้นมา
เมื่อพิจารณาจากบทบาทของแมนนิง ซึ่งเป็นนักวิเคราะห์ข่าวกรองว่าด้วยสถานการณ์อิรักโดยเฉพาะ “การค้นคำว่า Wikileaks, Iceland และ Julian Assange บ่อยๆ จึงไม่สอดคล้องกับหน้าที่การงานของเขาเท่าใดนัก” เชเวอร์ ชี้
โทรเลขกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ฉบับเต็มกว่า 10,000 ฉบับยังถูกเก็บไว้ในไฟล์ .zip ในคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง รวมไปถึงหมายเลขบันทึกข้อความสำหรับโทรเลขเหล่านั้นอีก 251,288 หมายเลข
“เท่าที่ผมทราบ วิกิลีกส์เผยแพร่โทรเลขการทูต 251,287 ฉบับ” เชเวอร์เผย พร้อมอธิบายว่า อีก 1 ไฟล์ที่หายไปนั้นเป็นไฟล์ที่เสียหายบางส่วน
ผลการประเมินนักโทษในเรือนจำกวนตานาโมซึ่งถูกพบในคอมพิวเตอร์ของแมนนิง ยังตรงกับสิ่งที่วิกิลีกส์นำออกเผยแพร่อีกด้วย
เจ้าหน้าที่ยังพบเครื่องมือละเมิดลิขสิทธิ์ในคอมพิวเตอร์ทั้ง 2 เครื่อง ซึ่งใช้สำหรับ “ดาวน์โหลดไฟล์จำนวนมากในระยะเวลาอันสั้น” เชเวอร์เผย พร้อมยืนยันว่า การกระทำผิดทั้งหมดเกิดขึ้นระหว่างที่ แมนนิง เป็นผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์เหล่านั้น
ทั้งนี้ เชเวอร์จะสอบทานข้อมูลกับทนายฝ่ายจำเลย ในการพิจารณาคดีซึ่งจะมีขึ้นอีกครั้ง วันนี้(19)
ทีมทนายของแมนนิง พยายามซักไซ้ไล่เลียงเจ้าหน้าที่ข่าวกรองคนอื่นๆในหน่วยงานเดียวกับเขา เพื่อพิสูจน์ว่าระบบความปลอดภัยของเครือข่ายคอมพิวเตอร์อาจหละหลวมอยู่แล้วแต่ต้น นอกจากนี้ ยังหยิบยกภาวะสับสนทางเพศและปัญหาด้านอารมณ์ของแมนนิง มาเป็นเหตุผลเอาผิดกับผู้บังคับบัญชา ซึ่งมิได้ให้คำปรึกษา, ลงโทษทางวินัย หรือเพิกถอนสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลลับจากแมนนิง