xs
xsm
sm
md
lg

“จิตตนาถ” ถาม “สุทธิชัย หยุ่น” ถึงจรรยาบรรณเครือเนชั่น กรณี ม.112 ใครกันแน่ที่ไม่ได้สะท้อนความจริงออกมา ใครกันแน่ที่ทำให้สังคมแตกแยก!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปก ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับวันเสาร์ ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2555
“จิตตนาถ” ถาม “สุทธิชัย หยุ่น” ถึงจรรยาบรรณสื่อเนชั่น หลังบท บก.-คอลัมนิสต์ในเครือ บิดเบือนกล่าวหา “ASTVผู้จัดการ” ปลุกระดม ย้ำปก “เนรคุ่น” สะท้อนความจริง คนส่วนใหญ่ค้านแก้ ม.112 และไม่พอใจ “ปราบดา หยุ่น” ดูถูกคนไทย ยืนยันเสนอทางออกให้สังคมต้านทุนสามานย์-คอร์รัปชัน แต่เนชั่นต่างหาก ปล่อย บก.ร่วมลงชื่อแก้ ม.112 เปิดเวทีให้นิติราษฎร์บิดเบือนข้อมูลสร้างความแตกแยก จี้เคลียร์ข่าว “สุทธิชัย” บินพบ “ทักษิณ”-กอง บก.ยกทีมพบ “ยิ่งลักษณ์”

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล" ให้สัมภาษณ์  

วันนี้ (8 ก.พ.) นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เครือเอเอสทีวีผู้จัดการ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สื่อเครือเนชั่น โดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ได้กล่าวโจมตีเครือเอเอสทีวีผู้จัดการ ผ่านบทบรรณาธิการและคอลัมน์ในเซกชันการเมือง หลังนิตยสาร ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้นำภาพเฟซบุ๊ก นายปราบดา หยุ่น บุตรชาย นายสุทธิชัย หยุ่น บรรณาธิการอำนวยการเครือเนชั่นพาดปก “เนรคุ่น” ซึ่งเป็นผลจากการที่ นายปราบดา โพสต์ข้อความกล่าวหาว่าฝ่ายที่ต่อต้านการแก้ไขหรือยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ส่วนใหญ่จะหยาบคาย ก้าวร้าว และรักความรุนแรงมากถึงมากที่สุด

โดย นายจิตตนาถ กล่าวว่า วันนี้ได้เปิดหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ หน้าสุดท้ายของเซกชันแรก ก็ได้อ่านในเรื่อง “นกน้อยในไร่ มาตรา 112” ออกมา โดยสรุปแล้วเนื้อหาของบทความนี้ บรรณาธิการของเครือเนชั่น กำลังออกมาตอบโต้และบิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีที่สื่อ ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ ได้นำปกของ นายปราบดา หยุ่น ลูกชายของ นายสุทธิชัย หยุ่น บรรณาธิการเครือเนชั่น ที่เป็นหนึ่งในนักเขียนที่สนับสนุนการแก้ไขมาตรา 112 ขึ้นมา โดยปกนี้เราพาดคำว่า “เนรคุ่น” ขึ้นมา เหตุผลที่เราเอาคำว่าเนรคุ่นมาพาด ก็เนื่องจากว่า หลังจากที่นายปราบดา ได้ลงชื่อสนับสนุนในการแก้ไขมาตรา 112 ขึ้นมาแล้ว ก็ได้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างของสังคมมากมาย ส่วนใหญ่แล้วไม่เห็นด้วยกับการที่จะแก้ไขมาตรา 112 รวมไปถึงแนวทางของคณะนิติราษฎร์ที่เป็นเครือข่ายเดียวกัน ก็ยิ่งลำพองหนักขึ้น คือ พูดง่ายๆ ยิ่งไปไกลขึ้น กระทั่งห้ามในหลวงมีพระราชดำรัส ให้ในหลวงสาบานตน หรือว่าให้การเมืองสามารถแทรกแซงสถาบันศาล และสามารถแทรกแซงการแต่งตั้งทหารจากรายปกติของกองทัพได้ ข้อเสนอที่มันเกินพอดีของกลุ่มนิติราษฎร์ ทำให้สังคมไม่พอใจและประณามคนที่มีแนวคิดที่สนับสนุนการแก้ไข มาตรา 112 ขึ้นมาทั่วเลย ไปดูในกระแสเฟซบุ๊กต่างๆ ทั่วไปหมดเลย

แต่แทนที่ นายปราบดา หยุ่น ที่เป็นนักคิดนักเขียน เป็นหัวหน้ากลุ่มจะคิดเห็นว่านี่คนไทยทั้งหมดมีมติแบบนี้นะ ทุกคนรักในหลวง ทุกคนเห็นว่ามาตราอย่างนี้ไม่จำเป็นขึ้นมา กลับใช้สำนวนซีไรต์มาประชดประชัน เขียนว่า วัดจากคอมเมนต์ ของคนที่ด่าคนอื่นว่า “เนรคุณประเทศชาติ” หรือถามคนอื่นว่า “เป็นคนไทยหรือเปล่า” ดูเหมือนว่าบรรดาคนที่กตัญญูและ “เป็นคนไทย” ส่วนใหญ่จะหยาบคาย ก้าวร้าว และรักความรุนแรง มากถึงมากที่สุด เพิ่งเข้าใจว่าคุณสมบัติของความเป็นคนไทยเป็นเช่นนี้เอง ปราบดา หยุ่น นี่เท่ากับว่า แทนที่คุณจะสำนึกในสิ่งที่คนเขาประณามคุณแล้ว คุณกลับไปดูถูกคนไทยที่เขารักชาติ รักแผ่นดิน เพียงเพราะเขาด่าคุณอย่างหยาบคาย แต่คุณกลับไม่มองข้อเสนอกับกลุ่มก้อนของคุณที่ทำขึ้นมา

และตัวคุณคุ่นเองก็บอกว่าอยากจะทำอัลบัมที่ชื่อว่าเนรคุ่นขึ้นมาเหมือนประชดตัวเองออกมาในเฟซบุ๊ก เราก็เลยเห็นว่า คนอย่างนี้เป็นนักคิดนักเขียน เป็นผู้นำทางความคิดของปัญญาชน ยังไม่รู้จักสำนึก เราก็เอาคำว่า “เนรคุ่น” ที่เขาต้องการเอามาพาดปก แล้วก็ว่าด้วยเรื่องแนวคิดของคุณปราบดา หยุ่น เราก็ตั้งคำถามกับเครือเนชั่นด้วย เพราะว่าคุณปราบดา หยุ่น เป็นลูกของคุณสุทธิชัย หยุ่น นักเขียนต่างๆ ในเครือเนชั่นก็เป็นเครือข่ายกัน มีความเกรงอกเกรงใจกัน นักเขียนของเครือเนชั่น ไม่ว่าจะเป็นเนชั่นสุดสัปดาห์ กรุงเทพธุรกิจเอง ก็ค่อนข้างที่จะเปิดกว้างกับการให้มีการแก้ไขมาตรา 112 ไม่เคยพูดถึงผลเสียที่มันเกิดขึ้น พูดอยู่แค่ด้านเดียวว่าน่าจะมีข้อถกเถียงกัน แต่ไม่เคยพูดถึงผลเสีย ก็เท่ากับว่า เป็นการบิดเบือนนั่นเอง

ในเมื่อหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันนี้ ได้กระแหนะกระแหน ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ ผมมั่นใจว่า กระแหนะกระแหนเรา เพราะว่าเขาบอกว่า สื่อมวลชนบางประเภทที่ละทิ้งจรรยาบรรณการตรวจสอบ เสนอทางออกแห่งปัญญาให้กับคนอ่าน ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไข ซึ่งหากกระทำในนามตัวบุคคลถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่กระทำในฐานะที่เป็นสื่อมวลชน เป็นบุคคลสาธารณะ ขณะที่บางครั้งเลยเถิดถึงขั้นด่าทอปลุกปั่น เป็นพวกเนรคุณประเทศชาติ เป็นคนไทยหรือเปล่า สื่อซึ่งควรทำหน้าที่เป็นตัวกลางสำหรับแก้ไขปัญหา เสนอทางออกเป็นแสงสว่าง สำหรับความมืดบอดทางปัญญาแก่สังคม กลับกลายเป็นชนวนตัวเร่งกระตุ้นความขัดแย้งต่อสังคม โดยที่ไม่ยอมแยกสำนึกในตัวตนกับการทำหน้าที่ สื่อกำลังลากตัวเองเข้าไปสู่วังวนความขัดแย้งอีกครั้งหนึ่ง โดยลืมไปว่าบทบาทนั้นไม่ใช่สิ่งที่พึงกระทำ

ก็เท่ากับว่า เครือเนชั่นกำลังออกมาแก้ตัวแทนคุณปราบดา หยุ่น คุณสุทธิชัย หยุ่น ที่ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ นักคิดนักเขียนในเครือเนชั่นทั้งหมด มาหาว่าสื่อเครือเราทำเกินหน้าที่ คือ เป็นการปลุกระดม ปลุกปั่นคน แต่ในความเป็นจริงเราต้องดูกันเป็นประเด็นๆ ไป คำถามว่าเราไม่ได้ปลุกปั่นคน ถ้าดูจากโพลของคนไทยทั้งหมด อาทิตย์ที่ผ่านมา เขาบอกมาเลยว่า คนไทยส่วนใหญ่ไม่มีความสุขกับกรณีการแก้ไขมาตรา 112 ประชาชนคนไทยตามจังหวัดต่างๆ ออกมาต่อต้าน ยกป้ายประท้วง มีการเผาหุ่น แสดงว่านี่ก็คือมติของคนส่วนใหญ่ โพลก็ออกมาแล้วว่าคนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย โพลส่วนใหญ่รักพระเจ้าแผ่นดิน ไม่ได้ต้องการเห็นสิ่งเหล่านี้ที่กำลังเกิดขึ้น นี่ก็คือ ประเด็นที่คนเหล่านี้ไม่มอง

สอง สื่อกรุงเทพธุรกิจกำลังกล่าวหาว่าเราไม่หาทางออกให้กับสังคม ทางออกให้กับสังคมเรามีนะ ก็คือ เราอยู่ภายใต้มาตรานี้ เราไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลย คอลัมนิสต์กรุงเทพธุรกิจ คุณปราบดา หยุ่น คุณสุทธิชัย หยุ่น ใครต่างๆ นานา มติชนก็ไม่เคยที่จะเดือดร้อนอะไรเลย คนที่ได้รับผลกระทบจากมาตรานี้โดยการบิดเบือนเอาไปรังแก คือ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ต่างหาก จากกรณีของ ดา ตอร์ปิโด ที่ไปพูดอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ที่สนามหลวง ออกมาเปิดโปง เพื่อที่จะให้ตำรวจไปดำเนินคดีกับ นางดา ตอร์ปิโด คุณสนธิ กลับโดนกล่าวโทษ ต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ตรงนี้ต่างหากคนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง คือ คุณสนธิ ลิ้มทองกุลต่างหาก ซึ่ง คุณสนธิ ก็ไม่เคยจะออกมาโวยวายในเรื่องนี้ แต่คนที่ไม่เคยโดนกระทบกลับไปมองว่า มาตรา 112 มีปัญหาให้โดนกลั่นแกล้ง ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ กรณี อากง ถ้าไม่แสดงความอาฆาตมาดร้ายออกมาจริงถึง 4 ครั้ง เรื่องโทษไม่เกี่ยว ใครใช้ให้คุณทำถึงตั้งหลายครั้ง เพราะฉะนั้นสองประเด็นที่ผมบอกมาไม่ใช่แล้ว

อันที่สาม ทางออกของสังคม ทุกคนเห็น ทุกคนรักพระเจ้าอยู่หัว การนำเสนอของกลุ่มนิติราษฎร์ หรือการแก้ไขมาตรา 112 พูดง่ายๆ ก็คือว่า เป็นการล้มเจ้าโดยกฎหมาย ล้มเจ้านี่มันล้มได้หลายวิธี คุณจะปฏิวัติเหมือนประเทศทางตะวันตกก็ได้ กับอีกอย่างหนึ่ง คือ คุณใช้ข้อกฎหมายในการจำกัดกรอบ หรือการทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเพียงสัญลักษณ์เท่านั้นเอง แล้วที่แย่ก็คือว่า คุณกำลังจะเปิดให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ได้โดยเสรี คำว่า วิพากษ์วิจารณ์ผมเชื่อว่า ทุกคนใจกว้างพอที่จะวิพากษ์วิจารณ์ แต่จริงๆ แล้วกลุ่มล้มเจ้าไม่ได้ต้องการวิพากษ์วิจารณ์ ต้องการด่าทอ ต้องการบิดเบือน ต้องการยุยงให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสังคมไทย ป้ายสีมากกว่า อย่างนี้ไม่เรียกว่าการวิพากษ์วิจารณ์แล้ว นี่คือสิ่งที่ผมพูดในวันนี้

ก็ต้องถามกลับเหมือนกันว่า สื่อเครือเนชั่นชอบให้ข่าวแบบเต้าข่าวมาตลอดว่าคุณสนธิบินไปหาทักษิณที่ดูไบ แล้วเรื่องมันก็พิสูจน์มาแล้วว่า คุณสนธิ กับ คุณทักษิณ ไม่เคยพบกันเลย แนวทางของสื่อเครือเอเอสทีวี คุณสนธิ จะพูดเอง หรือคุณสนธิ ยังไม่ได้พูด ก็ยังเป็นเช่นเดิมก็คือว่า ไม่เห็นด้วยกับระบบการเมืองปัจจุบัน ที่นักการเมืองคอร์รัปชันโกงกิน ไม่เห็นด้วยกับระบบทุนสามานย์ และคัดค้านการล้มเจ้า การทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเพียงสัญลักษณ์ แนวทางของเราชัดเจนอยู่แล้ว ก็อยากจะถามกับเครือเนชั่น ในฐานะที่นำเสนอข่าวคุณสนธิ เคยมีข่าวว่า คุณสุทธิชัย หยุ่น ที่สังคมมองว่าเป็นนักคิดนักเขียน บินไปพบคุณทักษิณ หลังจากที่พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งที่ดูไบนั้นจริงหรือไม่จริง แล้วทุกวันนี้การวิพากษ์วิจารณ์เครือเนชั่นกับรัฐบาลเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อเทียบกับเครือผู้จัดการ แล้วการเดินคู่ขนานไปกับคณะนิติราษฎร์ ของนักคิดนักเขียนเครือเนชั่น คุณสุทธิชัย หยุ่น จะมีคำตอบให้กับสังคมยังไง

สื่อมวลชนมีหน้าที่สะท้อนความจริงที่เกิดขึ้น แล้วก็ชี้นำในสิ่งที่ถูกต้องที่ควรจะเป็นให้กับสังคม เพราะว่าคนเสพสื่อสามารถรู้จักคำว่า ผิดชอบชั่วดีได้ เมื่อมีอะไรก็พูดไปตรงๆ สื่อมวลชนไม่ได้มีหน้าที่ทำให้เขียนเรื่องธรรมดาๆ ให้คนอ่านแล้วงง หรือว่าบิดเบือนแก้ไขจากผิดให้เป็นถูก หรือว่าให้มันดูโก้ดูเก๋ สื่อเครือเอเอสทีวีผู้จัดการ เราตรงไปตรงมาตลอด ก็อยากจะถามว่า สื่อเนชั่นทุกวันนี้เป็นยังไง ในฐานะที่หลายคนก็เคยมองว่าสื่อเนชั่นเขาเป็นสื่อน้ำดีอย่างหนึ่ง แต่วันนี้ระยะเวลาพิสูจน์สื่อเครือเนชั่นแล้วหรือเปล่า นับตั้งแต่พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งแล้วมีข่าวว่า คุณสุทธิชัย หยุ่น ไปพบคุณทักษิณ ที่ดูไบ ทิศทางการนำเสนอของสื่อเครือเนชั่นเปลี่ยนไป” นายจิตตนาถ กล่าว

เมื่อถามว่า เคยสังเกตการนำเสนอข่าวของเครือเนชั่นที่ผ่านมาหรือไม่ ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่ามีการเปิดพื้นที่ให้กับกลุ่มนิติราษฎร์มากเป็นพิเศษ นายจิตตนาถ กล่าวว่า ใช่ พวกนี้คือเครือข่ายเดียวกัน เพราะอย่างที่บอกสื่อเครือเนชั่น นักคิดนักเขียนหลายคนก็มาจากฝ่ายซ้ายเก่าก็มี นักคิดนักเขียนหลายคนก็เป็นกลุ่มก๊วนของทางคุณปราบดา หยุ่น คุณภิญโญ ไตรสุริยะธรรมา ซึ่งเคยมีความแนบชิดกันตั้งแต่นิตยสารโอเพ่น เป็นกลุ่มกวี ก็ไม่แปลก ถ้าอย่างนี้พูดง่ายๆ ว่า มติชนเลือกแล้วที่จะแปลงกายให้เห็น แต่เนชั่นยังเป็นอีแอบอยู่

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ นักข่าวอาวุโสเครือเนชั่น ก็ไปลงชื่อเป็นคณะรณรงค์แก้ไขมาตรา 112 (ครก.112) ด้วย ถือว่าเป็นสิทธิเสรีภาพหรือดูเหมือนว่าเป็นการเอาความเป็นองค์กรมาปนด้วย นายจิตตนาถ กล่าวว่า ผมว่าทุกอย่างก็เป็นสิทธิและเสรีภาพเขา ผมคิดว่า นักข่าวผู้จัดการไม่มีใครที่ไปลงชื่อ เพราะว่าเราก็เชื่อในแนวคิดของเราอยู่แล้ว คิดว่า คนไหนที่อยากจะลงชื่อ เขาก็คงพร้อมที่จะลาออกจากเครือผู้จัดการ เพราะเขาก็คงไม่กล้าที่จะสู้หน้าเพื่อนร่วมงาน ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ห้าม แต่เครือเนชั่นมีทั้งนักข่าวที่ไปลงชื่อ มีทั้งคอลัมนิสต์ที่เขียนสนับสนุน มีทั้งลูกของบรรณาธิการใหญ่ที่ทำแบบนี้ แล้วมีทั้งบรรณาธิการใหญ่ที่ไม่แตะ ไม่พูดถึงเรื่องเหล่านี้เลย ลึกๆ แล้วคุณกำลังคิดอะไรอยู่หรือเปล่า

เมื่อถามว่า ท่าทีที่ออกมาแบบนั้น จากเดิมที่มีภาพที่มองว่าเครือเนชั่นอิงแอบแนบชิดกับทางฝั่งประชาธิปัตย์มาโดยตลอดในอดีตที่ผ่านมา แล้วพอออกมาเป็นในลักษณะนี้นับว่าเป็นการเหยียบเรือสองแคมไปเลยหรือไม่ นายจิตตนาถ กล่าวว่า ผมก็พูดแทนไม่ได้ แต่ก็อยากจะให้ดูว่าถ้าไปดูคนวงในจริงๆ ก็เช็กได้ว่า อีเวนต์รัฐบาลหลายครั้ง มีสื่อเครือไหนได้ไปจัดบ้าง ผมบอกได้เลยว่า เอเอสทีวีผู้จัดการ ไม่เคยไปรับอีเวนต์อะไรของรัฐบาล แล้วก็เอเอสทีวีผู้จัดการไม่ได้มีเวลาอยู่ในฟรีทีวี ไม่จำเป็นที่จะต้องประคองตัว ไม่ถึงกับต้องทำอะไร ที่สำคัญ เอเอสทีวีผู้จัดการ ไม่มีผู้บริหารคนไหนไปพบกับคุณทักษิณ ชินวัตร มาก่อน ไม่มีผู้บริหารคนไหนเออออห่อหมกสนับสนุนเกี่ยวกับการแก้ไขมาตรา 112 มาก่อน เมื่อถามว่า จุดยืนของเครือเอสทีวีผู้จัดการ ไม่ว่าจะเป็นทีวี หนังสือพิมพ์ หรือสื่อที่เกี่ยวข้อง ชัดเจนว่าเราไม่สนับสนุนในการแก้ไขมาตรา 112 นายจิตตนาถ กล่าวว่า ใช่ครับ

เมื่อถามว่า จากการที่สื่อเครือเนชั่น กล่าวหาว่า ไม่หาทางออกให้กับสังคม ทางออกที่แท้จริงที่เรานำเสนอมาโดยตลอดต่อมาตรา 112 คืออะไร นายจิตตนาถ กล่าวว่า จริงๆ คือ เราให้ความรู้กับสังคมมากกว่า ว่า มันมีอะไรอยู่เบื้องหน้าเบื้องหลัง อย่างที่เราทำเรื่องของ ผ่าแผนชั่วแยงกี้ ศตวรรษแปซิฟิก ปฏิบัติการล้มเจ้า ฮุบขุมทรัพย์พลังงาน พูดง่ายๆ ก็คือว่า ตอนนี้สถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นอุปสรรคต่อระบบทุนนิยมที่จะเข้ามากอบโกยในเรื่องของทรัพยากรเข้ามา ถ้าทุกอย่างเปิดเสรี ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามทุนหมด ทรัพยากรของชาติ อะไรต่างๆ มันก็โดนเอาไปใช้ พูดง่ายๆ ปล้นได้อย่างไม่เหลืออะไร ฉะนั้น กลุ่มที่เป็นกลุ่มทุนก็ต้องมีความต้องการให้สถาบันพระมหากษัตริย์ และการมีชาตินิยมของคนไทยอ่อนแอลง เพื่อที่จะสามารถทำทุกอย่างได้ กรณีของมาตรา 112 การแก้มาตรา 112 ก็เช่นเดียวกัน ทำให้ความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อประชาชน หรือว่าระยะระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชนห่างขึ้น จนในที่สุดทุกๆ อย่างตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือของนักการเมือง หรือว่าระบบการเมืองกับระบบทุนอย่างเดียว มันก็จะทำให้เกิดปัญหาตรงนี้ขึ้นมา ฉะนั้น การแก้มาตรา 112 ก็เป็นภาพเล็กในภาพใหญ่ของศตวรรษแปซิฟิกนั่นเอง นี่คือ การให้ความรู้ นี่คือเราเสนอทางออก เสนอความรู้ให้คนอ่าน ไม่ใช่เรามาปลุกให้คนเกลียด คุณปราบดา หยุ่น เกลียดใคร เราเอาข้อมูลมาให้คนอ่าน แต่เราเอากระแสตอบรับของคนที่ไม่พอใจกับเรื่องนี้มานำเสนอ เราไม่ได้ปลุกระดม แต่ถ้าคุณไปดูเฟซบุ๊ก คนที่เขียนโต้ตอบคุณปราบดา หยุ่น มีกันมากมายมหาศาล เราแค่เอาข้อเท็จจริง มานำเสนอเท่านั้นเอง

เมื่อถามว่า เครือเอเอสทีวีผู้จัดการ จะมีแอกชันอื่นหรือไม่ในการแสดงความไม่เห็นด้วยต่อการแก้ไขมาตรา 112 นอกเหนือจากการให้ความรู้หรือไม่ นายจิตตนาถ กล่าวว่า ไม่ได้ครับ เราเป็นสื่อ การที่ทำให้คนตาสว่าง มองเห็นภาพรวมว่าเรากำลังตกเป็นเหยื่อของอะไร ผมว่าแค่เราทำได้ยิ่งมาก ยิ่งชัดเจน ผมว่าหน้าที่ของเราก็ทำถึงที่สุดแล้วครับ

เมื่อถามว่า ที่ค่ายเนชั่นเป็นสื่อแรกๆ ที่มาให้ข่าวว่า คุณสนธิ ไปพบทักษิณ ความจริงแล้วมันมีกระแสว่าค่ายเนชั่นต่างหากที่ คุณสุทธิชัย หยุ่น บินไปพบทักษิณ ไม่ทราบว่าได้ยินเรื่องนี้หรือไม่ นายจิตตนาถ กล่าวว่า ได้ยินมา ก็เนื่องจากว่าเป็นช่วงเลือกตั้งที่เรากำลังรณรงค์ของการโหวตโนกันอยู่ ซึ่งเราไม่เห็นด้วยที่จะให้นักการเมืองมาบริหารประเทศ โดยที่ไม่มีการปฏิรูปทางการเมืองอย่างจริงจังอีกต่อไป เราก็เลยรณรงค์โหวตโน ซึ่งก็สร้างความเดือดร้อนให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ค่ายเนชั่นตอนนั้นจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์อย่างเหนียวแน่น ก็มีคอลัมนิสต์บางคนก็ปล่อยข่าวออกมา มีการลงอยู่ในสื่อเครือเนชั่น ว่า ได้ข่าวมาว่า คุณสนธิ มีการบินไปพบคุณทักษิณ ที่ดูไบ ไปเจรจากัน ก็อาจจะเกิดมาจากกรณีของการโหวตโน ที่มองว่าเป็นการล้มพรรคประชาธิปัตย์นั่นเอง แต่ก็ได้พิสูจน์ออกมาแล้วว่าอะไรเป็นอะไร

ในที่สุดที่น่าตกใจ ก็คือ กลับมีข่าวว่า ผมก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า ต้องไปถาม ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าที่เขามีข่าวว่า ที่จริงไม่ใช่คุณสนธิบินไปพบคุณทักษิณนะครับ แต่หลังจากที่มีการเลือกตั้งโดยพรรคเพื่อไทยชนะอย่างถล่มทลายแล้ว มีข่าวว่า คุณสุทธิชัย หยุ่น บินเครื่องบินไปที่ดูไบ ไปพูดคุยกับคุณทักษิณเป็นความจริงหรือเปล่า แล้วก็ข่าวที่คณะกองบรรณาธิการของเนชั่น ไปพบกับคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลังจากที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีจริงหรือเปล่า โดยที่ทางค่ายผู้จัดการเราบอกได้เลยว่า เราไม่เคยมีการไปพบกับคุณยิ่งลักษณ์ หรือว่า คุณทักษิณ แม้แต่น้อย แต่เราถามเครือเนชั่นที่เขาลือกัน ค่ายเนชั่นกล้าออกมาปฏิเสธตรงนี้หรือเปล่า แล้วก็อยากจะให้ดูจากความเคลื่อนไหวที่ตั้งคำถามกับการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลกับค่ายเครือเนชั่นซิว่า ค่ายเครือเนชั่นปัจจุบันหลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้เป็นรัฐบาลแล้ว แล้วมีข่าวว่า คุณสุทธิชัย ไปพบคุณทักษิณแล้ว ท่าทีของเครือเนชั่นต่อการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลของรัฐบาลเพื่อไทยเปลี่ยนไปไหม

เท่าที่ผมเห็นผมก็ยังไม่เห็นเครือเนชั่นวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเรื่องอะไรหนักๆ เลยแม้แต่น้อย หรือแม้แต่เรื่องความมั่นคงอย่างเรื่องของสถาบันกษัตริย์ มาตรา 112 เครือเนชั่นก็เลือกที่จะเปิดเวทีให้กับกลุ่มนิติราษฎร์ หรือกลุ่มสนับสนุนแนวคิดนิติราษฎร์ได้ออกมาบิดเบือนข้อเท็จจริง มากกว่าที่จะออกมาให้ความรู้ภาพรวมผลได้-ผลเสียกันทั้งหมดให้คนอ่านได้คิด ฉะนั้น เอาพฤติกรรม เอาการกระทำ เอาสิ่งที่เกิดขึ้นมาเป็นตัววัดดีกว่า ก็จะเห็นว่าค่ายไหนเป็นของจริง ค่ายไหนเป็นของปลอม และผมเป็นคนที่เกลียดวิญญูชนจอมปลอมที่สุด มติชนเขาเผยตัวตนของเขาแล้ว ว่าเขาเป็นแบบนั้น แต่ผมไม่ชอบคนที่แบบใส่เสื้อเป็นผู้ดีอย่างพรรคประชาธิปัตย์แต่จริงๆ ไม่ต่างจากพรรคเพื่อไทย ค่ายเนชั่นเองคุณก็ไม่ต่างไปจากมติชนหรือเปล่า คุณก็ลองไปตั้งคำถามให้กับตัวเองดู ว่าจริงๆ แล้วคุณเป็นสื่อหรือคุณเป็นกระบอกเสียงให้กับระบบทุนนิยมสามานย์กันแน่

“วันนี้ข้อเท็จจริงปรากฏให้เห็นกันว่า ขบวนการล้มเจ้า การเคลื่อนไหวของกลุ่มนิติราษฎร์ นักคิด นักเขียน ที่ต้องการแก้ไข ม.112 การเคลื่อนไหวของนายทักษิณ และ ทนาย โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ที่เขาว่าจ้าง ทุนสามานย์จากตะวันตก เป็นขบวนการที่เชื่อมโยงถึงกัน คงต้องถาม นายสุทธิชัย หยุ่น ที่เชี่ยวชาญเรื่องการต่างประเทศ ว่า ไม่รู้เชียวหรือ? ผู้หลักผู้ใหญ่ในสื่อเครือเนชั่น ที่บอกว่า ตัวเองเป็นสื่อมืออาชีพที่มีจรรยาบรรณสูงส่งจะไม่ทราบ? มองไม่ออก หรือไม่ค้นคว้านำมาเสนอบ้างเลยหรือ” นายจิตตนาถ กล่าว

-บทบรรณาธิการของหนังสิอพิมพ์กรุงเทพธุรกิจฉบับวันพุธที่ 8 ก.พ.2555 “เราต้องไม่เสียเลือดเนื้อ เพราะขัดแย้งเรื่อง ม.112”” บิดเบือนกระแสคัดค้านการแก้ไข ม.112 ว่าต้องการใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา

-คอลัมน์หน้าโฟกัสกรุงเทพธุรกิจ ฉบับเดียวกัน “นกน้อยในไร่ ม.112” แก้ต่างให้ปราบดา หยุ่น ถามหาจรรยาบรรณสื่อค่ายผู้จัดการแต่ไม่ถามตัวเอง


กำลังโหลดความคิดเห็น