xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” กรีดเด็ก พท.หวังอัปเกรดพรรค ต้องก้าวข้าม “แม้ว” เสียก่อน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เพื่อไทยตามป่วนผู้นำฝ่ายค้านถึง ปชป. เอ่ยขอเคล็ดวิชา “มาร์ค” หวังอัปเกรดพรรคเทียบชั้นสถาบันการเมือง เจอสอนให้ก้าวข้าม “ทักษิณ” กรีดกลับห่วงเดินหน้านิรโทษฯ เหมารวมทำขัดแย้งเพิ่ม

วันนี้ (3 ก.พ.) นักศึกษาหลักสูตรพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูงรุ่นที่ 3 สำนักงานกรรมการการเลือกตั้ง เดินทางมาศึกษาดูงานที่พรรคประชาธิปัตย์ โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ บรรยายสรุปถึงโครงสร้างและความเป็นมาของพรรคประชาธิปัตย์ ที่สะท้อนถึงความเป็นสถาบันทางการเมือง เนื่องจากเป็นแหล่งผลิตนักการเมืองมืออาชีพ เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เติบโตและมีบทบาทในพรรคโดยไม่ปิดกั้น ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ก็มีการปรับบทบาทอย่างต่อเนื่อง เช่น การมีระบบ ครม.เงา ที่ช่วยให้เกิดศักยภาพในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง และยังเป็นการสร้างมาตรฐานในฐานะฝ่ายค้านที่ต้องรับผิดชอบต่อสังคมด้วย

จากนั้นเปิดโอกาสให้นักศึกษาสอบถาม โดยช่วงหนึ่ง นายประเสริฐ ชัยกิจเด่นนภาลัย ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในนักศึกษารุ่นนี้ได้ลุกขึ้นถามหลายคำถามเกี่ยวกับการสร้างภาพลักษณ์ ส.ส. ไปถึงการทำให้พรรคเพื่อไทยเป็นสถาบันการเมือง รวมทั้งแนวคิดการแก้ปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมือง ซึ่งนายอภิสิทธิ์แนะนำถึงการพัฒนาพรรคเพื่อไทยให้เป็นสถาบันการเมืองเหมือนพรรคประชาธิปัตย์ว่า ต้องก้าวข้าม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ลดความผูกพันในตัวบุคคลนำแนวคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ดีมาขับเคลื่อนให้ประสบความสำเร็จเพื่อประชาชนแทน ถ้าทำได้ก็จะหลุดพ้นจากเรื่องบุคคลมาสู่การพัฒนาเป็นสถาบันการเมืองได้ ส่วนการหาเสียงอย่างสร้างสรรค์นั้นยังมีปัญหาเรื่องกองเชียร์นักการเมือง ซึ่งตนถูกขัดขวางระหว่างการหาเสียงที่ผ่านมาจนเกือบกลายเป็นการเลือกตั้งเลือด เพราะในระหว่างหาเสียงที่ จ.สมุทรปราการ ก็มีคนเสื้อแดงมาขัดขวางการหาเสียงจนเกิดการปะทะกันระหว่างกองเชียร์ นักการเมืองจึงไม่ควรเพิ่มความขัดแย้งในหมู่ประชาชน และต้องหลีกเลี่ยงไม่สร้างความขัดแย้งใหม่ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการปรองดองด้วย

นายภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า หากจะมีการนิรโทษกรรมก็ควรดำเนินการเฉพาะผู้ที่ทำผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินเท่านั้น แยกผู้กระทำผิดคดีอาญาออกจากผู้ที่เป็นเหยื่อ ซึ่งจะทำให้คนที่ไม่เห็นด้วยมีความเข้าใจมากขึ้น แต่เสียดายที่การนิรโทษกรรมแบบเหมารวมกำลังสร้างความขัดแย้งใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง รวมถึงการเยียวยาที่ควรทำอย่างรัดกุม ใครที่ทำผิดชัดเจนไม่ควรได้รับการเยียวยา เพราะจะทำให้คนยิ่งต่อต้าน เช่น มติ ครม.10 มกราคม ที่ให้จ่ายเงิน 7.75 ล้านบาทนั้น ร้อยละ 90 คนเสื้อแดงได้ประโยขน์จึงถูกต่อต้าน ทั้งนี้ ในส่วนรัฐบาลประชาธิปัตย์ก็มีการเยียวยาผู้กระทบทั้งหมดแล้ว จึงคิดว่าหากรัฐบาลต้องการลดความขัดแย้ง ต้องทำในสิ่งที่คนยอมรับได้ก่อน จากนั้นค่อยทำความเข้าใจไปเรื่อยๆ โดยไม่ลากเรื่องอื่นมาเป็นประเด็นใหม่ เช่น มาตรา 112 ที่กลายเป็นความขัดแย้งภายในมหาวิทยาลัยธรมศาสตร์ ควรหยุดเรื่องร้อนปล่อยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงาน เช่น คอป. รัฐบาลเป็นคู่ขัดแย้งไม่ควรทำเรื่องนี้เอง
กำลังโหลดความคิดเห็น