ปชป.นำผู้ได้รับผลกระทบจากการฆ่าตัดตอนยุค “ทักษิณ” และผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์พฤษภา 35 ฟ้องศาลปกครอง เพิกถอนมติ ครม.เยียวยาแก๊งแดง ชี้ เลือกปฏิบัติ ไม่เป็นธรรม ใช้อำนาจมิชอบจ่ายเยียวยาผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย และยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าบริสุทธิ์จริงหรือไม่ พร้อมแจ้งความ นายกฯ และ ครม.ที่ สน.ดุสิต ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ช่วยคนทำผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน บุกรุกสถานที่ราชการ
วันนี้ (16 ม.ค.) นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายสมชัย เกิดรุ่งเรือง ผู้จัดการมรดกของ ด.ช.จักรพันธุ์ ศรีสะอาด หรือ “น้องฟลุ๊ค” ที่เสียชีวิตจากการปราบปรามยาเสพติดในช่วงรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ นายตรีสิทธิ์ ศิริวรรณ ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์สลายการชุมนุมพฤษภา 35 ได้เดินทางมายื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ต่อศาลปกครองกลาง ขอให้เพิกถอนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่อนุมัติให้มีการจ่ายเงินชดเชยผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย.49-พ.ค.53 และขอให้ศาลพิพากษาสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีมีมติกำหนดกฎเกณฑ์ในการเยียวยาความเสียหายให้กับผู้ได้รับผลกระทบในเหตุการณ์ความรุนแรงในครั้งต่างๆ อย่างเท่าเทียมกันจากข้อเท็จจริงในแต่ละกรณีอย่างเป็นธรรม โดยไม่รวมถึงกรณีผู้กระทำความผิดตามกฎหมายในเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ คำฟ้องระบุว่า มติดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม เยียวยาเฉพาะกลุ่มบุคคลที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์หรือไม่ จากเหตุการณ์ความรุนแรงตามความหมายของมติครม. 10 ม.ค.เช่นผู้ที่ก่อเหตุวางเพลิงเผาทรัพย์ เสียชีวิตจากการประกอบระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่น โดยเฉพาะการชุมนุมที่ราชประสงค์ที่เป็นการชุมนุมที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ทั้งที่การจะได้รับการเยียวยาก็ควรมีการอภัยโทษ หรือนิรโทษกรรมเสียก่อน มิฉะนั้นมติครม.ดังกล่าวจะทำให้ผู้ที่กระทำผิดกฎหมายได้รับการชดเชย ถือเป็นการนำงบประมาณแผ่นดินไปใช้อย่างไม่เหมาะสม ขาดความยุติธรรม เป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบ ขัดต่อหลักนิติธรรม
ยิ่งไปกว่านั้นมติ ครม.ดังกล่าวไม่ได้ครอบคลุมถึงบุคคลที่เข้าข่ายเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงทางการเมืองที่มิได้มีส่วนร่วมในการกระทำผิดแต่กลับไม่ได้รับการเยียวยาอีกหลายกรณีเช่น กรณีตากใบ กรือเซะ พฤษภาทิมฬ 35 จนถึงกรณี 14 ต.ค.16 และ 16 ต.ค19 ทั้งที่รัฐบาลมีหน้าที่ต้องเยียวยาความเสียหายอย่างเท่าเทียมกัน มติครม. 10 ม.ค. จึงขัดกับหลักนิติธรรม และความเสมอภาคตามรัฐธรรมนูญมาตรา 7 และมาตรา 30 จึงขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนมติ ครม.ดังกล่าว
นายสาธิต กล่าวว่า การที่รัฐบาลอ้างว่าปฏิบัติตามแนวทางการปรองดอง ของ นายคณิต ณ นคร ประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติหรือคอป.ที่ให้มีการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบนั้น เห็นว่า ทาง คอป.ให้มีการเยียวยาทั้งทางการเงินและด้านจิตใจ แต่รัฐบาลนี้ก็กลับหยิบยกเฉพาะการเยียวยาด้านการเงินเพื่อตอบสนองสมาชิกพรรคตนเองที่เป็นคนเสื้อแดง อย่างไรก็ตาม ในการฟ้องคดีครั้งนี้ยังไม่ได้มีการขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินเพื่อกำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา คือ ให้สั่งระงับการบังคับใช้ตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวไว้ก่อนจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา เพราะเห็นว่ายังเป็นชั้นของการยื่นฟ้องคดี แต่ถ้าศาลรับคำฟ้องไว้พิจารณาและรัฐบาลยังเดินหน้าปฏิบัติตามมติก็ยื่นของศาลไต่สวนฉุกเฉินเพื่อให้กำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราว
นายสาธิต ยังระบุว่า ในเวลา 15.00 น.ตนและคณะก็จะเดินทางไป สน.ดุสิต เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายกฯ และคณะรัฐมนตรี ต่อพนักงานสอบสวน ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเนื่องจากอนุมัติเงินช่วยเหลือผู้ที่กระทำผิดกฎหมายทั้งคนที่กระทำผิด พ.ร.ก.ฉุนเฉิน รวมทั้งบุกรุกสถานที่ราชการ เป็นต้น