รองโฆษกฯ อ้างรัฐบาลไม่สองมาตรฐาน จ่ายเงินเยียวยาเหยื่อชุมนุมการเมืองทุกกลุ่ม เป็นหลัก กม.เริ่มต้นของการปรองดอง อย่าเอาไปเทียบกับทหาร 3 จังหวัดภาคใต้ โวรัฐบาลพร้อมพิจารณาเพิ่มให้รายละ 10 ล้านก็ยังได้ แขวะ ปชป.อยู่มา 2 ปีกว่าทำไมไม่ทำ
วันนี้ (12 ม.ค.) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด นักจัดรายการทีวี-วิทยุคนเสื้อแดง ในฐานะรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ วิพากษ์วิจารณ์การจ่ายเงินเยียวยาผู้กลุ่มชุมนุมทางการเมืองช่วงปลายปี 2548-2553 ว่า จะเป็นการสร้างความรู้สึกเลือกปฏิบัติว่า ตนมองว่าการเยียวยาครั้งนี้ถือเป็นหลักกิโลเมตรแรกของการสร้างความปรองดอง ไม่ใช่เยียวยาเฉพาะกลุ่ม ไม่ควรประเมินว่าถูกหรือแพง เพราะสังคมไทยบอบช้ำมามาก ไม่ควรนำไปเปรียบเทียบกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่รัฐบาลและกองทัพก็พิจารณาปรับเพิ่มเรื่อยๆ ตามความเหมาะสมชีวิตของคนอย่าว่าแต่ 7 ล้านบาทเลย 10 ล้านถ้าจ้างไปตายจะมีคนไปหรือไม่ ถ้ามีก็ให้ไปลงชื่อที่พรรคประชาธิปัตย์ ถ้ารู้ว่ามาแล้วเสียชีวิต ต่อให้เงินมากกว่านี้ก็คงไม่มีใครมา
นายอนุสรณ์กล่าวต่อว่า ที่เกรงว่าจะเป็นการสร้างบรรทัดฐาน ตนขอยืนยันว่าไม่มี เพราะกรณีนี้ก็ถือเป็นกรณีพิเศษ ระบุว่าเป็นเหตุการณ์ระหว่างปี 2548-2553 หลายครั้งที่การชุมนุมมีการสูญเสีย รัฐบาลแต่ละชุดก็มักจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษา เพื่อจะแก้ไขเยียวยาอยู่แล้ว เพียงแต่รัฐบาลนี้เห็นชอบที่จะดำเนินการตามข้อเสนออย่างเหมาะสม เราไม่ควรไปอิจฉา หรือดูหมิ่นเหยื่อจากการชุมนุมว่าตายเพื่อใคร การเยียวยาผู้เสียชีวิตไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เพราะพวกเขาไม่ได้เตรียมตัวมาตายให้ใครได้ประโยชน์ เราควรมองอย่างเคารพในความเชื่อ ที่ต้องการสร้างพลังแห่งการเปลี่ยนแปลง ปัญหาทุกวันนี้ส่วนหนึ่งเกิดเพราะคิดกันว่าจะปิดผืนฟ้าด้วยฝ่ามือ เกี้ยเซี้ยกันได้ วันนี้ไม่ได้แล้ว เพราะเราไม่ได้อยู่ประเทศเดียวบนโลก สิ่งสำคัญคือต้องไม่ประกาศเขตการใช้กระสุนจริง ต้องไม่ยิงคนบนท้องถนนอีก
“การที่นายอภิสิทธิ์บอกว่ารัฐบาลไม่พูดถึงผู้สูญเสียจากเหตุการณ์ทางการเมืองก่อนปี 48 เช่น พฤษภา 35 ตุลา 16 ตุลา 19 แสดงให้เห็นว่า ฉายาหล่อดีเลย์” ไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วยจริงๆ สมราคาโดยแท้ เพราะมีโอกาสสองปีครึ่งไม่ทำ พอเพื่อนทำนึกอยากทำขึ้นมา ทำใจเถอะครับว่า โอกาสของท่านหมดแล้วจริงๆ และจากนี้ไป รัฐบาลจะเร่งสร้างความสงบสุข ให้กับคนในชาติ จะสร้างสุข สลายทุกข์ โดยจะมีมาตรการตามออกมาเป็นระยะ ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้เกี่ยวข้อง จากเหตุการณ์ไม่สงบต่างๆ จะต้องได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม การเยียวยาครั้งนี้ถือเป็นแสงสว่างแรกที่จุดขึ้นเท่านั้นเอง” นายอนุสรณ์กล่าว
