xs
xsm
sm
md
lg

“คมสัน” ชี้ มธ.ทำถูกห้ามนิติราษฎร์ใช้พื้นที่ - “พิชาย” โต้ “ชาญวิทย์” หนุนแก้ 112 เหตุผลมั่ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“คมสัน” ชี้ธรรมศาสตร์คิดถูก ห้าม “นิติราษฎร์” ใช้พื้นที่ เนื่องจากเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมือง ไม่ใช่เสรีภาพทางวิชาการตามที่อ้าง ด้าน “พิชาย” โต้ “ชาญวิทย์” แก้มาตรา 112 ให้คนหมิ่นสถาบันฯ มากขึ้น จะช่วยให้สถาบันฯ มั่นคงสถาพรได้อย่างไร


วันที่ 1 ก.พ. เมื่อเวลา 20.30 น. คณาจารย์ “กลุ่มสยามประชาภิวัฒน์” ได้แก่ รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองคณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และนายคมสัน โพธิ์คง อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ได้ร่วมพูดคุยในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV

ต่อข้อถามว่าการสั่งห้ามนิติราษฎร์ใช้พื้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในการเคลื่อนไหวมาตรา 112 เป็นการละเมิดหลักสิทธิเสรีภาพหรือเปล่า นายคมสันตอบว่า มีความเข้าใจผิดระหว่างการใช้เสรีภาพ กับการมีเสรีภาพ  

การมีเสรีภาพมีหลายประเภทในทางกฎหมาย เสรีภาพที่ไม่สามารถไปแตะต้องได้เลย เรียกว่าเสรีภาพโดยสมบูรณ์  ได้แก่ เสรีภาพทางความเชื่อ และเสรีภาพทางวิชาการ เช่น เชื่อเรื่องศาสนาในแบบหนึ่ง เป็นเสรีภาพที่จะเชื่อได้ หรือมีมุมมองทางวิชาการอย่างใดอย่างหนึ่ง

การมีเสรีภาพทางความคิดมันห้ามกันไม่ได้ แต่การมีเสรีภาพทางวิชาการ แล้วจะแสดงออกซึ่งความคิดของตัวเองนั้น อันนี้มีข้อจำกัดได้ ในด้านกฎหมายก็มีข้อจำกัดเสรีภาพในด้านการแสดงออกซึ่งเสรีภาพในทางความเชื่ออยู่ เช่น การที่จะปฏิบัติตามพิธีกรรมทางศาสนา ต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย ศีลธรรมอันดี เช่น ศาสนาหนึ่งบอกให้ตัดหัวคนเพื่อบูชายันต์ คนอาจเชื่อได้ แต่แสดงออกไม่ได้ เพราะขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรมอันดี

เสรีภาพทางวิชาการก็เช่นกัน มีเสรีภาพทางความเชื่อได้ แต่การแสดงออกซึ่งสิ่งที่คิด มันต้องกลับไปดูว่าขัดต่อหน้าที่พลเมือง ขัดต่อหลักกฎหมาย และศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเปล่า คิดว่าต้องแยกจากกันให้ดี การมีเสรีภาพกับการแสดงออก เป็นคนละส่วน

นายคมสันกล่าวต่อว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไม่ได้ห้ามการมีเสรีภาพทางวิชาการ แต่กำลังตั้งคำถามต่อนิติราษฎร์ ถึงการแสดงออกซึ่งเสรีภาพทางวิชาการ เพราะการเคลื่อนไหวนั้นอาจกระทบต่อความสงบเรียบร้อย และก่อให้เกิดความขัดแย้งได้

ฉะนั้น สามารถห้ามในการใช้สถานที่ได้ แต่อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไม่ได้ห้ามให้มีเสรีภาพทางวิชาการ และการแสดงออกเสรีภาพทางวิชาการในที่อื่นๆ แต่ถ้าเมื่อใดอธิการบดี ห้ามนิติราษฎร์แสดงออกเรื่องมาตรา 112  หรือห้ามรณรงค์โดยเด็ดขาด อันนี้ถึงจะเรียกว่าจำกัดเสรีภาพทางวิชาการอย่างแท้จริง

ถ้านิติราษฎร์พูดเรื่องแก้มาตรา 112 เฉยๆ เหมือนในอดีต คงไม่มีปัญหา แต่ตอนหลังมีการตั้งคณะกรรมการรณรงค์เพื่อการแก้ไข  นี่มันคือการเคลื่อนไหวทางการมือง ไม่ใช่ทางวิชาการ จะพูดก็พูดไปมหาวิทยาลัยไม่ได้ว่า แต่ที่กำลังห้ามคือนิติราษฎร์เคลื่อนไหวทางการเมือง และมีกลุ่มการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ตนเห็นว่าคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์คิดถูกแล้ว

นายคมสันกล่าวอีกว่า กรณีนายชาญวิทย์ เกษตรศิริ  บอกว่ามาตรา 112 ล้าหลัง ซึ่งจากข้อมูลทางวิชาการ กฎหมายนี้สืบทอดมา 101 ปีแล้ว โดยก่อนปี 2549 ขึ้นไปมีการดำเนินคดีไม่ถึง 100 คดี แต่พอหลังปี  2549 ถึงวันนี้ มีมากถึง 400 กว่าคดี มันแสดงถึงความผิดปกติ

ด้าน นายพิชายกล่าวว่า เสรีภาพที่เป็นปมอยู่ตอนนี้ คือเสรีภาพในการพูด ซึ่งต้องดูว่ามีขอบเขตหรือไม่ ไม่ใช่พูดอะไรก็ได้ เสรีภาพในการพูด มันมีกรอบที่สำคัญกับบริบททางสังคม ประวัติศาสตร์ ไม่มีประเทศใดให้เสรีภาพประชาชนในการพูดได้อย่างสมบูรณ์

ส่วนการที่ นายชาญวิทย์ต้องการแก้ไขมาตรา 112 โดยใช้คำว่าล้าหลัง แค่มีคำว่าล้าหลังก็เห็นแล้วว่านายชาญวิทย์ใช้อารมณ์ และที่บอกว่าเป็นกฎหมายมรดกระบอบอำนาจนิยม ในความจริงแล้วกฎหมายหมิ่นฯทั้งหมด ไม่ว่าจะหมิ่นฯคนธรรมดา หมิ่นฯ ประมุขรัฐต่างประเทศ ต่างก็ก็เป็นมรดกระบอบอำนาจนิยมทั้งนั้น แต่ไม่แตะกฎหมายหมิ่นฯ อื่นๆ เลย

แล้วที่บอกว่าแก้เพื่อให้สถาบันกษัตริย์ของประเทศไทย มั่นคง สถาพร การทำให้คนหมิ่น ใส่ร้ายมากขึ้น จะมั่นคงสถาพรได้อย่างไร ส่วนที่ระบุว่า สถาบันกษัตริย์อยู่คู่กับระบอบประชาธิปไตย ตามมาตรฐานสากลของนานาอารยประเทศ ซึ่งทางสังคมศาสตร์ไม่เชื่อความเป็นสากล เพราะสากลคือสามารถใช้ได้ไม่จำกัดเวลา สถานที่ หลักคิดทางสังคมศาสตร์ไม่มีสากล เพราะมันขึ้นอยู่กับบริบทของสังคมนั้นเป็นหลัก

ส่วนงานเสวนา ของสยามประชาภิวัฒน์ ที่จะจัดขึ้น 6 ก.พ.นี้ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายคมสัน เผยว่า ยังคงเป็นไปตามกำหนดเดิม แม้มีบางกลุ่มนำไปเปรียบเทียบว่าทีนิติราษฎร์กลับไม่ให้ใช้พื้นที่ของมหาวิทยาลัย แต่สิ่งที่สยามประชาภิวัฒน์จะพูดคือหัวข้อ “วิกฤตประเทศไทย ใครคือตัวการ” ไม่ได้พูดเรื่องมาตรา 112 มาตรา 112 เป็นเพียง 1 ปรากฎารณ์เท่านั้นในหลายๆเรื่อง และไม่ใช่เรื่องที่ทางกลุ่มเคลื่อนไหว ที่สำคัญสยามประชาภิวัฒน์ไม่ได้ปลุกระดม แต่ทำหน้าที่ให้องค์ความรู้ทางวิชาการ ไม่ได้เคลื่อนไหวทางการเมือง

นายพิชายกล่าวฝากถึงผู้ที่คิดจะคัดค้านงานสัมนาของสยามประชาภิวัฒน์ว่า  ก่อนจะทำอะไรก็คิดให้ดี สิ่งที่ตัวเองพูดเรื่องเสรีภาพทางวิชาการ นิติราษฎร์ใช้ธรรมศาสตร์พูดเรื่องมาตรา 112 มาเป็นเวลา 2 ปี เสื้อแดงเข้าฟังเต็มห้องประชุม ก็ไม่มีใครไปรบกวนการใช้เสรีภาพของเขา ถ้าจะเคารพเสรีภาพ อย่างที่ตัวเองเรียกร้องนักหนา ง่ายๆ ขอแค่ไม่ไปละเมิดคนอื่นที่เขาใช้เสรีภาพทางวิชาการ  คิดและยึดเอาไว้ ก่อนที่จะไปเรียกร้องหาเสรีภาพในเรื่องอื่น


กำลังโหลดความคิดเห็น