หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 30 มกราคม - 1 กุมภาพันธ์ 2555 รายงานข่าวว่า โครงการ “ไชน่า ซิตี้ คอมเพล็กซ์ “ ซึ่งเป็นศูนย์การค้าส่ง ขนาดใหญ่ของนักลงทุนจีน กลุ่ม “อาซือมา กรุ๊ป” มูลค่าการลงทุน 45,000 ล้านบาท ริมถนนบางนา-ตราด กม. 9 ล้มเสียแล้ว
สัญญาณที่บอกว่า ล้ม ก็คือ บริษัทไทย อาซือ หม่า กรุ๊ป ตัวแทนของอาซือหม่า กรุ๊ป ในประเทศไทย ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน 2 แปลงรวม 40 ไร่ ซึ่งเป็นที่ตั้งโครงการตั้งแต่กลางปีที่แล้ว โดยวางเงินมัดจำไว้ส่วนหนึ่ง หลังจากนั้นก็หายเงียบไปเลย จนเวลาผ่านไปเกือบปี ก็ยังไม่ไป โอนที่ จนเจ้าของที่ดินริบเงินมัดจำ และตกลงขายที่ดินให้กับ ผู้ซื้อรายใหม่คือ บริษัท แสนสิริ จำกัด ( มหาชน) ไปแล้ว
ปีที่แล้ว ในช่วงกลางเดือนมกราคม โครงการนี้ เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติ สิริกิติ์ มีนายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไปเป็นประธานการแถลงข่าวเปิดตัว วาดภาพโครงการอย่างอลังการ์ว่า จะเป็นศูนย์ค้าส่งสินค้าพื้นที่ขนาด 500,000-700,000 ตารางเมตร มีร้านค้ามาเช่าพื้นที่ มากกว่า 10,000 ร้าน เป็นร้านจากจีน 70 % เป็นร้านของคนไทย 30 % ขายส่งสินค้าทุกประเภทตั้งแต่ เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม อะไหล่รถ ไปจนถึงอาหาร ให้กับร้านค้าปลีกในไท ยและส่งออกไปขายต่างประเทศ เหมือนกับ ตลาดค้าส่งสินค้า เมือง อี้อู ( Yi Wu) ในมณฑลเจ้อเจียงของจีน
ข่าวการเปิดตัวโครงการไชน่า ซิตี้ คอมเพล็กซ์ สร้างความหวั่นวิตก ให้กับ ผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอี ในประเทศไทยเป็นอย่างมาก เพราะเหมือนเป็นการเปิดประตูเมือง ให้พ่อค้าจีน เข้ามาค้าขายแข่งกับคนไทยถึงในบ้าน ซึ่งคนที่เปิดประตูให้ก็คือ นายอลงกรณ์ ซึ่งโดยตำแหน่งหน้าที่ จะต้องช่วยเหลือดูแลให้เอสเอ็มอีของคนไทยยืนอยู่ได้ แต่นี่กลับไปร่วมมือกับนักลงทุนจีน ทำลายธุรกิจการค้าของคนไทยเสียเอง
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และพันธมิตรรวม 24 องค์กร จึงทำหนังสือถึงนายอลงกรณ์ ให้ทบทวนโครงการนี้ ซึ่งนายอลงกรณ์ไม่รับปาก แต่จะหาทางช่วยเหลือผู้ประกอบการ ที่ได้รับผลกระทบ
อย่างไรก็ตาม นักธุรกิจไทยอีกส่วนหนึ่ง ไม่เชื่อว่า โครงการนี้จะเกิดขึ้นจริงได้ เพราะ มีความไม่ชัดเจนในเรื่องที่มาที่ไปของผู้ลงทุนจีน มีแต่คนจีน ที่ได้สัญชาติไทย ชื่อ นายวิจิตร หยาง ที่เป็นผู้นำเข้าสินค้าหัตกรรม จากศูนย์ศิลปาชีพ และผู้ผลิตสินค้าโอท็อป ในภาคกลางและภาคเหนือ ไปขายในประเทศจีน เป็นผู้ประสานงาน
นายหยางบอกว่า เขาเป็นเพียง ผู้ประสานงานกับรัฐบาลไทย โดยผ่านนายอลงกรณ์ กับนักลงทุนจีนคือนายต่ง หงฉี ประธานบริษัทอาซือหม่า กรุ๊ป เจ้าของเงินที่จะลงทุนก่อสร้างโครงการดังกล่าวเท่านั้น ซึ่งได้ทำหน้าที่นี้เสร็จแล้ว ต่อจากนี้ไป จะดำเนินการต่อไปอย่างไร เขาไม่รู้ เพราะไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องแล้ว
หลังจาก การเปิดตัวโครงการผ่านพ้นไปแล้ว โครงการไชน่า ซิตี้ คอมเพล็กซ์ ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆเลย ที่ดินบริเวณที่ตั้งโครงการมีเพียงป้ายชื่อโครงการ เท่านั้น ไม่มีวี่แววว่า จะมีการก่อสร้างใดๆเลย ทั้งๆที่ในการแถลงข่าวเปิดตัว มีการกำหนดว่า จะเริ่ม ก่อสร้าง ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2554 และเปิดดำเนินการ ในไตรมาสที่สองของปีนี้
นักธุรกิจที่ไม่เชื่อว่า โครงการนีจะเกิดขึ้นจริงวิเคราะห์ว่า เป้าหมายที่แท้จริงของโครงการไชน่า ซิตี้ คอมเพล็กซ์ หากไม่ใช่ การสร้างข่าว เพื่อปั่นราคาที่ดินในบริเวณใกล้เคียง ก็อาจจะเป็นการจับเสือมือเปล่าของ กลุ่มนักลงทุนจีนที่อยู่เบื้องหลัง กล่าวคือ จัดงานเปิดตัวโครงการ สร้างภาพความยิ่งใหญ่ เอาตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงพาณิชย์ของไทย เป็นเครื่องหมายรับประกัน เพื่อดึงดูดความสนใจ และสร้างความเชื่อมั่นให้พ่อค้าจีน เข้ามาเช่าพื้นที่ โดยวางงินดาวน์ล่วงหน้า ก่อนที่โครงการจะเริ่มก่อสร้าง และใช้เงินดาวน์นี้แหละ เป็นเงินทุนในการดำเนินงาน โดยไม่ต้องควักกระเป๋าตัวเองเลย
แม้แต่ ที่ดินที่ประกาศว่า จะเป็นที่ก่อสร้างโครงการ ก็เพิ่งจะมาทำสัญญาจะซื้อจะขาย วางมัดจำ กัน หลังจากนายอลงกรณ์ แถลงเปิดตัวโครงการไปแล้ว 3 เดือน ถ้าไม่เรียกว่า จับเสือมือเปล่า แล้ว จะเรียกว่าอะไร
คนที่รู้ดีที่สุดว่า เกิดอะไรขึ้นกับโครงการไชน่า ซิตี้ คอมเพล็กซ์ ก็คือ นายอลงกรณ์ เพราะถึงขนาดเอาตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ไปเป็นหลักประกัน สร้างภาพความน่าเชื่อถือให้กับโครงการ ทั้งๆที่รู้ว่า เป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม สำหรับผู้ที่มีหน้าที่ดูแล คุ้มครองธุรกิจการค้าของคนไทย ก็แสดงว่า คงใม่ใช่เพียงการรับจ้าง สร้างภาพ ใช้เส้นสายทางการเมือง ให้เป็นประโยชน์กับคนปั้นโครงการนี้ขึ้นมาเท่านั้น แต่อาจจะมีส่วน่วมในการจับเสือมือเปล่าด้วยก็เป็นได้