บลจ.กรุงศรี ต่อยอด "กรุงศรีโกลด์ลิงค์คอมเพล็กซ์รีเทิร์น" กอง 2 ชูผลตอบแทนจูงใจ 29.99% จากการลงทุนในตราสารหนี้ลิ้งค์ราคาทองคำ เสนอขายไอพีโอถึง 19 ตุลาคมนี้ คาดราคาทองไปต่อ หลังปัญหาหนี้ยุโรปยังน่าห่วง
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงศรี จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทยังคงมีมุมมองที่ดีต่อราคาทองคำ แม้ปัจจุบันราคาทองคำจะมีความผันผวนและมีการปรับลดราคาลงมา แต่ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุนในการเข้าลงทุน เพื่อรับผลตอบแทนเมื่อราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากปัจจัยต่างๆไม่ว่าจะเป็นในส่วนของปัญหาหนี้สินยุโรปและปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐ รวมทั้งความต้องการทองคำที่เพิ่มสูงขึ้น ยังคงเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาทองคำมีการปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต จากการที่ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยโดยเฉพาะในช่วงที่มีเหตุการณ์ที่ส่งผลลบต่อเศรษฐกิจและการลงทุน
ทั้งนี้ จากมุมมองดังกล่าว กรุงศรีแอสเซทจึงเสนอทางเลือกให้กับนักลงทุนโดยการเสนอขายหน่วยลงทุนกองทุนเปิดกรุงศรีโกลด์ลิงค์คอมเพล็กซ์รีเทิร์น18M2 (KFGLCR18M2)ร่วมกับธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด(ไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นครั้งที่สอง หลังประสบความสำเร็จจากการขายกองทุน KFGLCR18M1 ที่ผ่านมา โดยกองทุนดังกล่าว เป็นกองทุนตราสารหนี้แบบอิงกำไรจากการปรับเพิ่มขึ้นของราคาทอง เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนสูงสุดถึง 29.99% ซึ่งจะเสนอขายครั้งเดียวระหว่างวันที่ 12 - 19 ตุลาคม 2554 นี้
โดยกองทุนเปิดกรุงศรีโกลด์ลิงค์คอมเพล็กซ์รีเทิร์น18M2 มีนโยบายนำเงินลงทุน 95% ไปลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศที่อยู่ในระดับสามารถลงทุนได้ (Investment grade) และอีก 5% ลงทุนในออปชั่นที่ให้ผลตอบแทนในอัตราระหว่าง 0% - 29.99% ของเงินต้น ทั้งนี้ ผู้ลงทุนจะได้รับเงินลงทุนคืนเต็มจำนวนเมื่อครบอายุกองทุน 18 เดือน โดยนักลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนส่วนเพิ่มระหว่าง 0% - 29.99% อ้างอิงกับจากการเปลี่ยนแปลงราคาของหน่วยลงทุน SPDR Gold Trust (กองทุนอีทีเอฟที่ลงทุนในทองคำ) อย่างไรก็ตามหากมีวันใดในระหว่างอายุกองทุนที่ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 25% ขึ้นไป ผู้ลงทุนยังคงได้รับผลตอบแทน 5.00% ต่อ 18 เดือน
ทั้งนี้ กองทุนได้ทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินเต็มจำนวนในส่วนของการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศทั้งหมดของกองทุน กองทุน KFGLCR18M2 เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำแต่ต้องการหาผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากเงินธนาคาร และมีมุมมองว่าราคาทองคำน่าจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นแต่ไม่เกิน 25% ภายใน 18 เดือนข้างหน้าและไม่ต้องการขาดทุนหากราคาทองคำปรับลดลง ผู้ที่สนใจสามารถลงทุนในกองทุนขั้นต่ำเพียง 10,000 บาท
นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.กรุงศรี กล่าวว่า ที่ผ่านมาราคาทองคำมีความผันผวนมากขึ้น โดยความผันผวนของราคาทองคำ ณ สิ้นเดือน ก.ค.54อยู่ที่เฉลี่ย13.42% สิ้นเดือน ส.ค. 54 อยู่ที่เฉลี่ย 16.38% และสิ้นเดือน ก.ย. 54 อยู่ที่เฉลี่ย 18.66 % โดยราคาปิดในเดือนก.ย.54 สูงสุดที่ $1,900.23 ต่อออนซ์และต่ำสุดที่ $1,608.8 ต่อออนซ์ ขณะที่ปัจจุบันราคาทองคำอยู่ที่ $1,666.26 ต่อออนซ์ ซึ่งความผันผวนนี้มีสาเหตุมาจาก 2 ประการ คือ หนึ่งความกังวลเรื่องหนี้สินภาครัฐของประเทศกลุ่มยูโรโซนที่ยังไม่มีความชัดเจนในการแก้ไขปัญหาในขณะเดียวกันโอกาสที่รัฐบาลกรีซจะผิดนัดชำระหนี้ก็มีสูงมากขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนปรับสถานะจากการถือทองคำมาถือเงินสดเพิ่มมากขึ้น และสองแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งตัวเพิ่มมากขึ้นในระยะสั้นจากการทำ Operation Twist ของธนาคารกลางสหรัฐ
โดยปัจจุบันนักวิเคราะห์มองว่าราคาทองคำที่ $1,600 ต่อออนซ์เป็นระดับที่เหมาะสม ต่างจากช่วงเวลาที่ผ่านมาที่ซื้อขายกันในราคาที่สูงกว่าที่ควรจะเป็น ทั้งนี้ กรุงศรีแอสเซทมองว่าแนวโน้มราคาทองคำในอนาคตสามารถปรับตัวขึ้นได้อีกเนื่องจากปัญหาของประเทศในกลุ่มยูโรโซนที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้ในระยะเวลาอันสั้น รวมถึงอุปสงค์ของทองคำจากนักลงทุนจีนกับอินเดียยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีปริมาณสูงถึง 1099.4ตัน และ 745.4ตัน ตามลำดับ คิดรวมแล้วเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ของความต้องการทั้งโลก (ข้อมูลจาก World Gold Council) รวมถึงการปรับเพิ่มสัดส่วนในการถือครองทองคำของธนาคารกลางในหลายประเทศ โดยรัสเซียมีการปรับเพิ่มขึ้นอีก 41.8 ตัน ไทยเพิ่มขึ้นอีก 9.3 ตัน เม็กซิโกเพิ่มขึ้นอีก 99.2 ตัน เกาหลีใต้เพิ่มขึ้นอีก 25 ตัน เช่นกัน แสดงให้เห็นถึงมุมมองต่อราคาทองคำว่ายังสามารถปรับตัวสูงขึ้นต่อไปได้อีก
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงศรี จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทยังคงมีมุมมองที่ดีต่อราคาทองคำ แม้ปัจจุบันราคาทองคำจะมีความผันผวนและมีการปรับลดราคาลงมา แต่ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุนในการเข้าลงทุน เพื่อรับผลตอบแทนเมื่อราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากปัจจัยต่างๆไม่ว่าจะเป็นในส่วนของปัญหาหนี้สินยุโรปและปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐ รวมทั้งความต้องการทองคำที่เพิ่มสูงขึ้น ยังคงเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาทองคำมีการปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต จากการที่ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยโดยเฉพาะในช่วงที่มีเหตุการณ์ที่ส่งผลลบต่อเศรษฐกิจและการลงทุน
ทั้งนี้ จากมุมมองดังกล่าว กรุงศรีแอสเซทจึงเสนอทางเลือกให้กับนักลงทุนโดยการเสนอขายหน่วยลงทุนกองทุนเปิดกรุงศรีโกลด์ลิงค์คอมเพล็กซ์รีเทิร์น18M2 (KFGLCR18M2)ร่วมกับธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด(ไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นครั้งที่สอง หลังประสบความสำเร็จจากการขายกองทุน KFGLCR18M1 ที่ผ่านมา โดยกองทุนดังกล่าว เป็นกองทุนตราสารหนี้แบบอิงกำไรจากการปรับเพิ่มขึ้นของราคาทอง เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนสูงสุดถึง 29.99% ซึ่งจะเสนอขายครั้งเดียวระหว่างวันที่ 12 - 19 ตุลาคม 2554 นี้
โดยกองทุนเปิดกรุงศรีโกลด์ลิงค์คอมเพล็กซ์รีเทิร์น18M2 มีนโยบายนำเงินลงทุน 95% ไปลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศที่อยู่ในระดับสามารถลงทุนได้ (Investment grade) และอีก 5% ลงทุนในออปชั่นที่ให้ผลตอบแทนในอัตราระหว่าง 0% - 29.99% ของเงินต้น ทั้งนี้ ผู้ลงทุนจะได้รับเงินลงทุนคืนเต็มจำนวนเมื่อครบอายุกองทุน 18 เดือน โดยนักลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนส่วนเพิ่มระหว่าง 0% - 29.99% อ้างอิงกับจากการเปลี่ยนแปลงราคาของหน่วยลงทุน SPDR Gold Trust (กองทุนอีทีเอฟที่ลงทุนในทองคำ) อย่างไรก็ตามหากมีวันใดในระหว่างอายุกองทุนที่ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 25% ขึ้นไป ผู้ลงทุนยังคงได้รับผลตอบแทน 5.00% ต่อ 18 เดือน
ทั้งนี้ กองทุนได้ทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินเต็มจำนวนในส่วนของการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศทั้งหมดของกองทุน กองทุน KFGLCR18M2 เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำแต่ต้องการหาผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากเงินธนาคาร และมีมุมมองว่าราคาทองคำน่าจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นแต่ไม่เกิน 25% ภายใน 18 เดือนข้างหน้าและไม่ต้องการขาดทุนหากราคาทองคำปรับลดลง ผู้ที่สนใจสามารถลงทุนในกองทุนขั้นต่ำเพียง 10,000 บาท
นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.กรุงศรี กล่าวว่า ที่ผ่านมาราคาทองคำมีความผันผวนมากขึ้น โดยความผันผวนของราคาทองคำ ณ สิ้นเดือน ก.ค.54อยู่ที่เฉลี่ย13.42% สิ้นเดือน ส.ค. 54 อยู่ที่เฉลี่ย 16.38% และสิ้นเดือน ก.ย. 54 อยู่ที่เฉลี่ย 18.66 % โดยราคาปิดในเดือนก.ย.54 สูงสุดที่ $1,900.23 ต่อออนซ์และต่ำสุดที่ $1,608.8 ต่อออนซ์ ขณะที่ปัจจุบันราคาทองคำอยู่ที่ $1,666.26 ต่อออนซ์ ซึ่งความผันผวนนี้มีสาเหตุมาจาก 2 ประการ คือ หนึ่งความกังวลเรื่องหนี้สินภาครัฐของประเทศกลุ่มยูโรโซนที่ยังไม่มีความชัดเจนในการแก้ไขปัญหาในขณะเดียวกันโอกาสที่รัฐบาลกรีซจะผิดนัดชำระหนี้ก็มีสูงมากขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนปรับสถานะจากการถือทองคำมาถือเงินสดเพิ่มมากขึ้น และสองแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งตัวเพิ่มมากขึ้นในระยะสั้นจากการทำ Operation Twist ของธนาคารกลางสหรัฐ
โดยปัจจุบันนักวิเคราะห์มองว่าราคาทองคำที่ $1,600 ต่อออนซ์เป็นระดับที่เหมาะสม ต่างจากช่วงเวลาที่ผ่านมาที่ซื้อขายกันในราคาที่สูงกว่าที่ควรจะเป็น ทั้งนี้ กรุงศรีแอสเซทมองว่าแนวโน้มราคาทองคำในอนาคตสามารถปรับตัวขึ้นได้อีกเนื่องจากปัญหาของประเทศในกลุ่มยูโรโซนที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้ในระยะเวลาอันสั้น รวมถึงอุปสงค์ของทองคำจากนักลงทุนจีนกับอินเดียยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีปริมาณสูงถึง 1099.4ตัน และ 745.4ตัน ตามลำดับ คิดรวมแล้วเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ของความต้องการทั้งโลก (ข้อมูลจาก World Gold Council) รวมถึงการปรับเพิ่มสัดส่วนในการถือครองทองคำของธนาคารกลางในหลายประเทศ โดยรัสเซียมีการปรับเพิ่มขึ้นอีก 41.8 ตัน ไทยเพิ่มขึ้นอีก 9.3 ตัน เม็กซิโกเพิ่มขึ้นอีก 99.2 ตัน เกาหลีใต้เพิ่มขึ้นอีก 25 ตัน เช่นกัน แสดงให้เห็นถึงมุมมองต่อราคาทองคำว่ายังสามารถปรับตัวสูงขึ้นต่อไปได้อีก
