xs
xsm
sm
md
lg

กองทุนปรับเป้าดัชนี1,100จุด แนะแบ่งเงิน50%เก็บของถูก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.กรุงศรีปรับกรอบดัชนีหุ้นไทยใหม่เหลือ 1,100 จุด จาก 1,200 จุด ที่เคยมองไว้ก่อนต้นปี หลังปัจจัยลบจากอเมริกา- ยุโรป ถาโถมไร้ปัจจัยบวกหนุน ขณะที่กองทุนหุ้นในบลจ.กรุงศรี ยังลงทุนแบบ Fully invest มั่นใจระยะยาวหุ้นไทยยังไปต่อ ด้าน บลจ.เกียรตินาคิน ชี้ตลาดหุ้นไทยยังผันผวน โดยมีปัจจัยต่างประเทศเป็นตัวแปร แนะนักลงทุนแบ่งเงิน 50% เก็บของถูก

นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงศรี จำกัด กล่าวว่า ในส่วนของตลาดหุ้นไทยมีความเป็นไปได้ที่ดัชนีหุ้นไทยจะดิ่งลงต่อไปอีก เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจโลกที่นักลงทุนมีความกังวลกับปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งดัชนีที่ 1,200 จุดที่เคยมองไว้ก่อนหน้านี้ก็อาจจะลดลงเหลือแค่ 1,100 จุด หรืออาจจะน้อยกว่าที่เคยเปิดตัวไว้ก่อนต้นปี ซึ่งปลายปีอาจจะได้เม็ดเงินในส่วนของกองทุนลดภาษีอย่าง LTF-RMF เข้ามาช่วยให้ตลาดหุ้นไทยคึกคักได้บ้าง

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกองทุนหุ้นในบลจ.กรุงศรี นั้นก็ยังลงทุนตามเดิมคือ Fully invest โดยถือเงินสดเพียง 2-3% ซึ่งเรามองว่าการลงทุนหุ้นเหมาะกับการลงทุนระยะยาวแม้ว่าระยะสั้นอาจมีการผันผวนระหว่างทางจากปัจจัยลบ แต่เชื่อว่าระยะยาวดัชนีหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับตัวได้

สำหรับปัญหาเศรษฐกิจโลกนั้นต้องยอมรับว่าอเมริกาและกลุ่มยุโรปในบางประเทศมีปัญหาทางด้านเศรษฐกิจค่อนข้างมาก ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงนักลงทุนหันไปถือเงินสดหรือในสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ซึ่ง IMF เองก็มีการเตรียมการกับปัญหาที่เกิดขึ้น โดยในกลุ่มยุโรปนั้นต้องยอมรับว่ามีบางประเทศที่ยังแข่งแกร่งอยู่เช่น เยอรมัน และฝรั่งเศส ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินยูโรไม่อ่อนค่าลง ทั้งนี้การแก้ปัญหานั้นอาจจะต้องมีบางประเทศยอมถอนตัวออกจากกลุ่มอียู เช่นประเทศที่อ่อนแอ หรือประเทศที่เศรษฐกิจแข่งแกร่ง

ด้านนายศุภกร สุนทรกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เกียรตินาคิน จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางของตลาดหุ้นไทยที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 วันที่มีการซื้อขายที่ผ่านมา แน่นอนว่าส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของกองทุนที่ลงทุนในหุ้นอยู่บ้าง โดยกลยุทธ์การลงทุนของเราในตอนนี้ ก็ยังคงสัดส่วนการถือหุ้นเอาไว้เท่าที่ยังถือได้ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ เห็นชัดเจนว่าเกิดจากความไม่มั่นใจของนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ จนเกิดการเทขายหุ้นออกมาเพื่อเอาเงินกลับไปชดเชยส่วนที่ขาดทุนในต่างประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินบาท รวมถึงเงินสกุลอื่นๆ ด้วย

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าราคาหุ้นในช่วงนี้ถือว่าถูกมากแล้ว P/E อยู่ที่ระดับ 10 เท่า แต่จากความไม่มั่นใจดังกล่าว ประกอบกับยังไม่มีข่าวดีเข้ามา ส่งผลให้นักลงทุนยังไม่กล้าเข้าไปลงทุน แม้ว่าจะเป็นโอกาสก็ตาม

ทั้งนี้ แม้ว่าความผันผวนที่เกิดขึ้นในขณะที่ สำนักวิจัยหลายๆ แห่งเริ่มปรับเป้าดัชนีใหม่ไปบ้างแล้ว แต่ยังไม่เห็นสัญญาณการปรับเป้ากำไรของบริษัทจดทะเบียน ดังนั้น เราเองยังเชื่อว่าดัชนีจะกลับขึ้นไปที่ระดับ 1,000 จุดได้อีกครั้ง โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 1,100 จุด ซึ่งกรอบเดิมที่เราให้ไวที่ 1,164 จุด นั้น อาจจะต้องมีการทบทวนกันใหม่ ซึ่งต้องดูปัจจัยบวกเข้ามาประกอบด้วย

นายศุภกรกล่าวว่า สำหรับนักลงทุนที่จะเข้าในช่วงนี้ หากพอรับความเสี่ยงได้ แนะนำให้ใส่เงินลงไปประมาณ 50% พอร์ต เพราะดัชนีระดับนี้ถือเป็นราคาที่ถูกมาก หลังจากนั้น อาจจะรอจังหวะเข้าอีกครั้งหากดัชนีรีบาวนด์ลงมาอีก

"ในระยะสั้น ดัชนีหุ้นไทย จะยังผันผวนต่อไปอีก โดยมีปัจจัยจากต่างประเทศเป็นตัวแปรสำคัญ เพราะขณะนี้ยังไม่มีข่าวดีที่มีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ถึงแม้ในช่วงที่ผ่านมา เฟดจะประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา แต่นักลงทุนก็ไม่ได้ตอบรับมากนัก แต่ก็เชื่อว่าในที่สุดแล้ว สหรัฐเองก็ต้องมาตรการอะไรออกมาบ้าง"นายศุภกรกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น