แนะนลท.จัดAsset Allocation มั่นใจช่วยกระจายความเสี่ยงได้

บลจ.กรุศรี แนะนักลงทุนจัดพอร์ตการลงทุนแบบ Asset Allocation มั่นใจช่วยกระจายความเสี่ยงจากความผันผวนของสินทรัพย์ได้ พร้อมชูกองทุน"หุ้นระยะยาวอยุธยาปันผล" และ "อยุธยาหุ้นปันผลเพื่อการเลี้ยงชีพ" ดาวดเด่นกองทุนประหยัดภาษี

นายฉัตรรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงศรี จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ถึงแม้ว่าจะมีความผันผวนจากภาวะเศรษฐกิจโลกจากปัญหาหนี้ยุโรป และเศรษฐกิจของสหรัฐฯ แต่เราประเมินว่าระยะยาวตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับตัวขึ้น สำหรับการบริหารกองทุนหุ้นของบลจ.กรุงศรีนั้นเราใช้วิธีการบริหารแบบ Active fund ถือครองแต่หุ้นที่มีศักยภาพ ซึ่งที่ผ่านมาเราไม่ได้มีการปรับลดสัดส่วนการถือเงินสดแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตามอยากแนะนำให้นักลงทุนจัด Asset Allocation จัดสรรเงินลงทุนในพอร์ตอย่างเหมาะสม เช่นในพอร์ตมี หุ้น ตราสารหนี้ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ ทองคำ เป็นต้น ซึ่งนักลงทุนต้องสามารตอบโจทย์การลงทุนของตัวเองได้ เรามองว่าการจัด Asset Allocation นั้นจะช่วยสามารถกระจายความเสี่ยงจากพอร์ตการลงทุนได้

สำหรับแผนการงานในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2554 นี้เราจะเน้นการเพิ่มยอดขายกองทุนประหยัดภาษี LTF-RMF ซึ่งก็จะเหมือนกับหลายปีที่ผ่านมาเกี่ยวกับการออกโปรโมชั่นเอาใจนักลงทุน อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากโปรโมชั่นแล้วเรายังเน้นผลการดำเนินงานของกองทุนของเราเป็นจุดขายอีกด้วย โดยกองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยาปันผล (AYF Dividend Stock LTF) และกองทุนเปิดอยุธยาหุ้นปันผลเพื่อการเลี้ยงชีพ (AYF Dividend Stock RMF) ได้รับรางวัลการันตีจากบริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสริช (ประเทศไทย) อีกด้วย

"อยากแนะนำให้นักลงทุนจัดสรรพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสม ลงทุนอย่างมีเป้าหมาย ซึ่งอาจจะใช้วิธีการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ หรือ dollar cost average ก็จะช่วยให้นักลงทุนกระจายความเสี่ยงจากการลงทุน และยังเป็นการถัวเฉลี่ยต้นทุนในการลงทุนให้ลดน้อยลงด้วย" นายฉัตรรพี กล่าว

ขณะที่รายงานข่าวจากบลจ.กรุงศรี เปิดเผยว่า ตามที่บลจ.ได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองชั้นต้นกรณีขอเพิกถอนคำสั่งอายัดของกรมสรรพากรในส่วนของเงินจำนวน 8,227,879.60 บาทของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ศาลาแอทสาทรหรือ (SSPF) ในวันที่ 16 กันยายน 2554 นั้น ซึ่งทางศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งรับคำฟ้องดังกล่าวไว้พิจารณาเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2554 แล้ว และคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล

ก่อนหน้า นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ. กรุงศรี จำกัด กล่าวว่า ในส่วนของตลาดหุ้นไทยมีความเป็นไปได้ที่ดัชนีหุ้นไทยจะดิ่งลงต่อไปอีก เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจโลกที่นักลงทุนมีความกังวลกับปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งดัชนีที่ 1,200 จุดที่เคยมองไว้ก่อนหน้านี้ก็อาจจะลดลงเหลือแค่ 1,100 จุด หรืออาจจะน้อยกว่าที่เคยเปิดตัวไว้ก่อนต้นปี ซึ่งปลายปีอาจจะได้เม็ดเงินในส่วนของกองทุนลดภาษีอย่าง LTF-RMF เข้ามาช่วยให้ตลาดหุ้นไทยคึกคักได้บ้าง

ทั้งนี้ในส่วนของกองทุนหุ้นในบลจ.กรุงศรี นั้นก็ยังลงทุนตามเดิมคือ Fully invest โดยถือเงินสดเพียง 2-3% ซึ่งเรามองว่าการลงทุนหุ้นเหมาะกับการลงทุนระยะยาวแม้ว่าระยะสั้นอาจมีการผันผวนระหว่างทางจากปัจจัยลบ แต่เชื่อว่าระยะยาวดัชนีหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับตัวได้