“ชวนนท์” ซัดเพื่อไทยแก๊งแดงไม่เป็นลูกผู้ชาย หวังลอยแพนิติราษฎร์ หลังกระแสไม่เอาด้วยแก้ ม.112 ยันยื่นตีความ 2 พ.ร.ก.ไม่ทำกฎหมายสะดุด ท้าเดิมพันยุบสภาหากศาลชี้ขัด รธน. ด้าน “อรรถวิชช์” ย้ำไม่ใช่เรื่องเรงด่วน ทั้งที่ทำเป็น พ.ร.บ.งบประมาณเพิ่มเติมได้ แต่จงใจเลี่ยงการตรวจสอบจากสภา
วันนี้ (29 ม.ค.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคพื่อไทยออกมาปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับกลุ่มนิติราษฎร์ หลังจากถูกกระแสสังคมต่อต้านอย่างหนักจากการรณรงค์แก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า การชิ่งหนีนิติราษฎร์ของพรรคเพื่อไทยเป็นความพยายามเอาตัวรอด พร้อมตั้งคำถามว่าหากพรรคเพื่อไทยและ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้เหตุใดจึงเพิ่งออกมาคัดค้าน
“เพราะถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ มีความจริงใจที่จะต่อต้าน ทำไมเพิ่งโผล่ออกมาเมื่อกระแสสังคมไปไม่ได้ จึงชิ่งหนีโหนกระแสเอาตัวรอดปล่อยนิติราษฎร์ตายคาธรรมศาสตร์ แต่ปมมีหลักฐานยืนยันเป็นคลิปวิดีโอที่โฆษก นปช.สนับสนุนคณะนิติราษฎร์ในการแก้กฎหมายอาญามาตรา 112 แต่เมื่อกระแสตีกลับก็ทิ้งเรือเอาตัวรอด ไม่เป็นลูกผู้ชาย จะโดดเรือหนีง่ายๆ อย่างนี้คณะนิติราษฎร์ไม่น่าจะยอม” นายชวนนท์กล่าว พร้อมนำคลิปข่าวของสำนักข่าวดีเอ็นเอ็นของคนเสื้อแดงที่เป็นผู้นำเสนอข่าว โฆษก นปช.สนับสนุนนิติราษฎร์แก้กฎหมายอาญามาตรา 112 มาเปิดให้สื่อมวลชนดูด้วย
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่า การยื่นตีความ พ.ร.ก.โอนหนี้ฯ และกู้เงิน 3.5 แสนล้านบาทต่อศาลรัฐธรรมนูญ ไม่กระทบต่อการบังคับใช้ของกฎหมายนี้ตามที่พรรคเพื่อไทยออกมากกล่าวหา แสดงให้เห็นถึงความไม่เข้าใจต่อหลักการการทำงานของรัฐบาลและองค์กรอิสระ เพราะเมื่อ พ.ร.ก.ทั้ง 4 ฉบับมีผลบังคับใช้แล้วรัฐบาลก็เดินหน้าต่อไปได้ ถ้ามั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิด จะออกมาโวยวายทำไม แต่สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องการให้ตีความเพราะสาระของ พ.ร.ก.ทั้ง 2 ฉบับ ไม่ได้เป็นเรื่องเร่งด่วนตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ
ส่วน พ.ร.ก.ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 3 แสนล้านบาทนั้น แม้ว่าพรรคจะไม่ได้ยื่นตีความแต่ก็เห็นว่ามีรายละเอียดที่ควรจะปรับปรุงแก้ไข เนื่องจากมีการกำหนดกรอบเวลาที่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมจะได้รับประโยชน์เฉพาะในปี 2554 เท่านั้น เท่ากับว่าพี่น้องภาคใต้ที่ประสบอุทกภัยในเดือนมกราคม ปี 2555 จะไม่ได้รับประโยชน์จาก พ.ร.ก.นี้ ซึ่งเป็นการเลือกปฏิบัติที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขโดยด่วน
ด้าน นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี โฆษก ครม.เงาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเหตุผลที่พรรคประชาธิปัตย์จะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีวาม พ.ร.ก.2 ฉบับในวันจันทร์นี้ว่า ไม่ใช่การยื่นแก้เกี้ยว แต่มั่นใจว่า พ.ร.ก.ทั้งสองฉบับไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญรัฐบาลต้องยุบสภาหรือไม่ก็ลาออก
พร้อมกับนำ พ.ร.ก.กู้เงิน 3.5 แสนหมื่นล้านบาทมาแสดงต่อสื่อมวลชน ว่ามีรายละเอียดเพียง 3 แผ่นกระดาษ โดยไม่มีรายละเอียดโครงการ ระบุแต่เพียงการขออำนาจให้รัฐบาลกู้เงินเท่านั้น ทำให้เห็นชัดเจนว่าหลายโครงการรัฐบาลอาจเลื่อนไปทำปี 56-ปี58 ไม่ใช่เริ่มดำเนินการปีนี้ ชี้ว่ารัฐบาลพยายามหลีกเลี่ยงกลไกตรวจสอบของรัฐสภา เพราะสามารถออก พ.ร.บ.งบประมาณเพิ่มเติมปี 2555 ได้ แต่รัฐบาลกลับเลือกที่จะออกเป็น พ.ร.ก.เพื่อหนีการตววจสอบจากรัฐสภาแทน
สำหรับ พ.ร.ก.โอนหนี้ ก็ไม่จำเป็นเร่งด่วน เพราะหนี้กองทุนที่ออกเป็นพันธบัตรรัฐบาลจะถึงกำหนดชำระในเดือนกันยายน จึงมีเวลาที่รัฐบาลจะออกเป็น พ.ร.บ.ได้ เพราะแม้ว่ารัฐบาลจะมีเงินชำระหนี้ดังกล่าวในขณะนี้ก็ไม่สามารถดำเนนการได้เพราะยังไม่ครบกำหนด
นอกจากนี้ยังไม่มีข้อความบัญญัติห้ามสถาบันการเงินผลักภาระให้ประชาชนที่ฝากหรือกู้เงิน หลังจากที่กฎหมายฉบับนี้ได้ผลักภาระการชำระดอกเบี้ยหนี้ส่วนนี้ไปให้ธนาคารต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่ม โดยปัญหาดังกล่าวยังส่งผลต่อนโยบายด้านการเงินของประเทศแล้ว ดูได้จากการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ของ กนง.ซึ่งไม่มีธนาคาใดลดดอกเบี้ยตาม แสดงให้เห็นถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นต่อระบบการเงินในอนาคต อีกทั้งสิ่งที่รัฐบาลควรทำเพื่อแก้ปัญหาคือ การนำกลไกการลดภาษีนิติบุคคลธรรมดาจากร้อยละ 30 เป็น ร้อยละ 23 เพื่อมาใช้แก้ปัญหา รัฐบาลกลับไม่ทำ และยังมีความไม่โปร่งใสในการออก พ.ร.ก.ด้วย เนื่องจากผู้บริหารแบงก์ชาติไม่มีโอกาสเห็นเนื้อหากฎหมายนี้เลยทั้งที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง
