xs
xsm
sm
md
lg

“ปู” ร่วมลงนามข้อตกลง 6 ฉบับ ในโอกาสวันชาติอินเดีย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
“นายกฯ” ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง 6 ฉบับรวด ในโอกาสวันชาติอินเดีย มุ่งมั่นสู่การเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ พร้อมพัฒนาความร่วมมือในทุกระดับ ตั้งเป้าการค้าเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่า ภายในปี 2014

วันนี้ (26 ม.ค.) นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเข้าร่วมการหารือแบบเต็มคณะ กับ นายมานโมฮาน ซิงห์ นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐอินเดีย เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ทั้งในระดับทวิภาคี และความสัมพันธ์อาเซียน-อินเดีย ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ห้อง Conference Room เรือนรับรองของรัฐบาล สรุปสาระสำคัญดังนี้

นายกรัฐมนตรีได้แสดงความขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่อบอุ่นของรัฐบาลอินเดีย ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในฐานะนายกรัฐมนตรีที่ได้มาเยือนอินเดีย และรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับเชิญในฐานะแขกเกียรติยศของรัฐบาลอินเดียในปีนี้ พร้อมกับแสดงความยินดีกับการเฉลิมฉลองครบรอบ 62 ปีของการสถาปนาอิสรภาพของสาธารณรัฐอินเดีย

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับความสัมพันธ์กับประเทศอินเดีย ผ่านนโยบาย Look West และ Look East เพื่อเพิ่มความใกล้ชิดระหว่างกัน พร้อมกับชื่นชมการเติบโตของอินเดียในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งทวีความสำคัญมากขึ้นในระดับโลก นอกจากนี้ นักธุรกิจอินเดียยังติดอันดับ 500 คนของนักธุรกิจโลก ในการจัดลำดับของนิตยสาร the Fortune 500

นอกจากนี้ ไทย-อินเดีย จะครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูต 65 ปี ในปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีสู่ความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ ภายใต้ผลประโยชน์ร่วมกันทั้งในระดับภูมิภาคและโลก

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี เห็นว่า ประเด็นหลักของการพัฒนาสู่ความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ มีดังนี้ประการแรก : การขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจในเชิงลึก ซึ่งรวมถึงการลดอุปสรรคทางการค้าการลงทุนระหว่างกัน การเร่งรัดการเจรจาความตกลงเขตการค้าเสรีไทย-อินเดีย ให้แล้วเสร็จภายในเดือน มี.ค.เพื่อให้สามารถนำไปปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมได้ในกลางปีนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเสนอให้มีการตั้งเป้าการค้าเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่า ภายในปี 2014 และทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้มีการจัดตั้ง CEO Forum เพื่อสนับสนุนความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนจากทั้ง 2 ประเทศ

ประการที่สอง การขยายความร่วมมือที่มีอยู่เพิ่มเติมในสาขาหลัก ได้แก่ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เทคโนโลยีสารสนเทศและการบริการ วิทยาศาสตร์เพื่อการเกษตร การศึกษา วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม โดย นรม.เสนอให้มีการจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรม

ในขณะเดียวกัน ควรขยายความร่วมมือในสาขาใหม่ๆ อาทิ การจัดการภัยพิบัติ พลังงาน การสำรวจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ การจัดการทรัพยากรน้ำ ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพจัด Water Summit ในเดือน พ.ค.นี้ด้วย และทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องให้มีการจัดตั้ง Thailand - India Foundation เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระดับประชาชนทั้งสองฝ่าย

ประการที่สาม : การเพิ่มความเชื่อมโยงและความร่วมมือระหว่าง ไทย-อินเดีย และอาเซียน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เสนอให้มีการจัดตั้งประตูทางเศรษฐกิจที่เชื่อมต่ออินเดีย กับภูมิภาคอาเซียน ทั้งทางพื้นดิน อากาศ และทางทะเล ผ่านกรอบความร่วมมือที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็น อาเซียน-อินเดีย BIMSTEC MGC และ East Asia Summit โดยขณะนี้ ไทยกำลังพัฒนาความเชื่อมโยงทางทะเล ระหว่างอ่าวบังกอล มหาสมุทรอินเดีย ผ่านท่าเรือน้ำลึกทวาย

ประการที่สี่ : ความร่วมมือทางทหารและความมั่นคง ไทยและอินเดียมีความเชื่อมโยงทางทะเล และสามารถมีความร่วมมือเพื่อความมั่นคงทางทะเล ซึ่งจะมีการลงนาม MoU ด้านความร่วมมือทางทหารในวันนี้ด้วย ซึ่งจะทำให้กองทัพไทย-อินเดีย มีความใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ จะมีการตั้งคณะทำงานด้านความมั่นคง เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเพื่อต่อสู้กับการก่อการร้าย อาชญกรรมข้ามชาติ แรงงานผิดกฎหมาย ยาเสพติด ซึ่งจะมีการหาข้อสรุปเพื่อทำ Treaty on Extradition and the Mutual Legal Assistance Treaty on Civil and Commercial Matter

ประการสุดท้าย ไทยและอินเดีย จะร่วมมือกันเพื่อต่อสู้กับความท้าทายต่างๆ ของโลก ผ่านความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวสนับสนุนบทบาทของอินเดียในองค์การสหประชาชาติ พร้อมกับชื่นชมอินเดียที่ได้ให้ความสำคัญกับความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนาและประสบความสำเร็จในเวทีโลก ซึ่งไทยประสงค์ที่จะร่วมมือด้วย อาทิ ความร่วมมือเรื่องสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การพัฒนาทางสังคม การลดความยากจนทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นว่า การเยือนอินเดียของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ จะยิ่งช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ทั้งในระดับทวิภาคี และความสัมพันธ์ อาเซียน-อินเดียให้ยิ่งแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในระหว่างการหารือทวิภาคีระหว่างนายกรัฐมนตรีกับนายกรัฐมนตรีอินเดีย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้เสนอเกี่ยวกับการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการเพื่อการลงทุน (BOI) แห่งแรกในมุมไบ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2555 รวมทั้งเสนอให้มี forum ด้านการลงทุน India-Thailand Investment Forum เพื่อเสริมสร้างการลงทุน โดยการนำนักธุรกิจชั้นนำมาพบปะเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ซึ่งทางอินเดียได้รับไปพิจารณา

ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือมีการร่วมลงนามความตกลง 6 ฉบับร่วมกัน ซึ่งประกอบไปด้วย

1.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางทหาร : รมว.กห.กับ รมว.กห.อินเดีย
2.ความตกลงว่าด้วยการโอนตัวนักโทษ : รมว.กต.กับ รมว.มท.อินเดีย
3.พิธีสารฉบับที่สองเพื่อแก้ไขกรอบความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งเขตการค้าเสรี ไทย - อินเดีย : รมว.พณ.กับ รมว.พณ.อินเดีย
4.แผนความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ค.ศ.2012-2014 : ปลัด กต.กับ ปลัด วท.อินเดีย
5.แผนปฏิบัติการว่าด้วยโครงการทางวัฒนธรรม ค.ศ.2012-2014 : รองปลัด วธ.กับ ปลัด วธ. อินเดีย
6.บันทึกความเข้าใจ MoU on the Establishment of Council’s Chair of Multiple Disciplines : รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการจุฬาฯ กับประธาน ICCR

จากนั้นนายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีอินเดีย แถลงข่าวร่วมกัน สารสำคัญ ดังนี้ นายกรัฐมนตรีอินเดีย กล่าวแสดงความดีใจที่ได้มีโอกาสต้อนรับนายกรัฐมนตรีในการเดินทางเยือนอินเดียอย่างเป็นทางการ และรู้สึกเป็นเกียรติที่นายกรัฐมนตรีตอบรับเป็นแขกเกียรติยศในงานวันชาติ ซึ่งนับเป็นผู้นำประเทศคนที่ 3 ที่ได้รับเกียรติสูงสุดเช่นนี้ อินเดีย หวังว่า ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศจะแน่นแฟ้นและพัฒนายิ่งขึ้นทั้งในระดับทวิภาค และในระดับภูมิภาค

โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีแก่สาธารณรัฐอินเดียในโอกาสวันชาติอินเดีย ซึ่งจะมีการจัดงานเฉลิมฉลองในวันที่ 26 มกราคม 2555 และรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับเชิญมาร่วมงานในปีนี้ พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีอินเดีย ที่รัฐบาลอินเดียได้ให้ความช่วยเหลือไทยในปัญหาอุทกภัยที่ผ่านมา

สาธารณรัฐอินเดียถือเป็นประเทศที่มีความสำคัญและมีบทบาทอย่างมากในการประชุมสุดยอดต่างๆ อาทิ การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก การประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และการประชุมภูมิภาคที่สำคัญอื่นๆ ซึ่งทั้งสองประเทศตกลงที่จะร่วมมือกันจัดการปัญหาเพื่อมุ่งสู่การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ โดยในโอกาสนี้ ไทย-อินเดีย ได้ทำความตกลงที่จะให้มีการจัดทำ FTA ให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ พร้อมทั้งจะขยายความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจโดยการจัดตั้ง CEO Forum และพัฒนาขยายความเชื่อมโยงระหว่างอินเดีย ไทย และอาเซียน

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้แจ้งแก่นายกรัฐมนตรีอินเดียถึงการสนับสนุนโครงการฟื้นฟูมหาวิทยาลัยนาลันทา (Nalanda University) เป็นจำนวนเงินประมาณ 1 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ และจะมีเอกชนร่วมให้การสนับสนุนในโครงการนี้ด้วย

โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยยินดีให้การสนับสนุนทางอินเดียที่ต้องการเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติภายหลังการแถลงข่าวสร็จสิ้น นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐอินเดีย เป็นเจ้าภาพเลี้ยงเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรี โดยบรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างชื่นมื่น นายกรัฐมนตรีได้กล่าวในงานถึงการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างไทย-อินเดีย ที่มีมาช้านาน ไทยและอินเดียน่าจะสามารถสร้างความใกล้ชิดและผลประโยชน์ร่วมกันได้มากขึ้น ทั้งในระดับทวิภาคีและระดับภูมิภาค ด้วยการตั้งคณะทำงานร่วมกันเพื่อแสวงหาลู่ทางแนวใหม่และรวดเร็วกว่า อาทิ การจัดประชุม CEO Forum เพื่อส่งเสริมการลงทุนและการสร้างโครงข่ายทางธุรกิจ และการแสวงหาความร่วมมือเพิ่มเติมในด้านอื่นๆผ่านการประชุมต่างๆ ในระดับภูมิภาค เช่น BIMSTEC, EAS, ASEAN - India Summit
กำลังโหลดความคิดเห็น