ทางการเขมรไล่ที่ชาวบ้านสวายจรุม ดันขึ้นไปปลูกบ้านรอบวัดแก้วฯจนแน่น ตัดถนนเส้นใหม่ขึ้นช่องตาเฒ่าหวังใช้ขนยุทโธปกรณ์หากเผชิญหน้ากับทหารไทย ระบุ ทภ.2 หวังใช้ความขัดแย้งที่ภูมะเขือเป็นชนวนจัดการขั้นเด็ดขาด “ปูแดง” ให้เร่งปรับความเข้าใจกับเขมร อย่าปะทะ
เมื่อวันที่ 18 ม.ค. เวลา 20.12 น. เว็บไซต์ฟิฟทีนมูฟ รายงานสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังการรุกเข้ารื้อทำลายหมู่บ้านสวายจรุม ใน ต.กันต๊วด อ.จอมกะสานต์ จ.พระวิหาร หมู่บ้านแห่งสุดท้ายในเขตพื้นที่กันชนของแผนบริหารจัดการปราสาทพระวิหาร ห่างจากตัวปราสาทประมาณ 10 ก.ม. ของคณะทำงานระดับชาติพื้นที่ปราสาทพระวิหารของกัมพูชา เมื่อช่วงส่งท้ายปีเก่า และดำเนินการส่งมอบพื้นที่เกือบ 3 แสนไร่ ให้กับองค์การพระวิหารแห่งชาติ เมื่อ 10 มกราคม 2554 วานนี้ (17 มกราคม 2555) แหล่งข่าวในพื้นที่พระวิหารของฟิฟทีนมูฟได้สำรวจพื้นที่เขาพระวิหาร ทั้งในฝั่งกัมพูชาและบนเขาพระวิหารอันเป็นที่ตั้งของตัวปราสาท พบว่าหมู่บ้านสวายจรุมซึ่งเคยเป็นชุมชนใหญ่ มีชาวบ้านอยู่อาศัยร่วม 300 ครอบครัว มีวัดและโรงเรียน ปัจจุบันแทบไม่มีสิ่งปลูกสร้างหลงเหลือ คณะทำงานระดับชาติฯ ของกัมพูชาใช้เครื่องจักรรื้อทำลายจนราบคาบ เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับพัฒนาทั้งในด้านอนุรักษ์และการท่องเที่ยว ตามแผนบริหารจัดการปราสาทพระวิหาร ที่ยังคาราคาซังอยู่ที่คณะกรรมการมรดกโลกของยูเนสโก
จากการสำรวจล่าสุด พื้นที่โดยรอบวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ที่กัมพูชาปลูกสร้างละเมิดเขตไทย มีการตั้งชุมชนชาวกัมพูชาอยู่อย่างหนาแน่น มีบ้านเรือนปลูกติดกันตลอดแนวถนน นับประเมินด้วยสายตาไม่น้อยกว่าร้อยหลังคาเรือน แหล่งข่าวระบุว่าชาวกัมพูชารุกเข้ามาปลูกบ้านเรือนมากขึ้นนับตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว และหนาแน่นยิ่งขึ้นหลังการไล่ที่บ้านสวายจรุม โดยชาวสวายจรุมบางส่วนที่ไม่ยอมอพยพไปอยู่ในหมู่บ้านธรรมชาติสมเด็จเดโช ที่รัฐบาลจัดสรรที่ดินไว้ให้ ได้พากันขึ้นมาตั้งบ้านเรือนบริเวณรอบวัดแก้วฯ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นครอบครัวของทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บนปราสาท
การเข้าตั้งบ้านเรือนของชาวกัมพูชาบริเวณรอบวัดแก้วฯ ในเขต 4.6 ตร.กม. ของไทย เป็นการละเมิดข้อตกลงที่มีต่อกันระหว่างรัฐบาลไทยกับกัมพูชา ตามปรากฎในบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-กัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทาง บก ปี 2543 หรือ MOU 43 ฉบับที่มิได้ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 รัฐบาลไทยโดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศมิได้ให้ความใส่ใจและทำการประท้วงต่อการกระทำของประเทศกัมพูชาและชาวกัมพูชา ดังกล่าว
นอกจากการเร่งพัฒนาพื้นที่ในแผนบริหารจัดการโดยไล่ที่ชาวสวายจรุมแล้ว กัมพูชากำลังเร่งตัดถนนเส้นใหม่มุ่งมายังช่องตาเฒ่า ทำหน้าที่เป็นถนนสายยุทธศาสตร์สำหรับการลำเลียงกำลังพลและยุทโธปกรณ์หากเกิดเหตุเผชิญหน้าทางทหารกับไทย นอกจากนี้ ถนนเส้นดังกล่าวจะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางของนักเที่ยวจากฝั่งไทย หากการเจรจาเปิดด่านแห่งใหม่ที่ช่องตาเฒ่าสำเร็จ ซึ่งจะถูกใช้แทนที่ประตูห้วยตานีที่ถูกฝ่ายกัมพูชาปิดตาย ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวจากฝั่งไทยขึ้นชมปราสาทพระวิหาร
หลังความตึงเครียดที่ภูมะเขือเมื่อวันที่ 16 มกราคม จากการที่ฝ่ายกัมพูชาไม่พอใจและขอให้ไทยนำพระพุทธรูปขึ้นประดิษฐานที่พลาญยาวและภูมะเขือออกจากพื้นที่ จนความตึงเครียดขยายไปตลอดแนวชายแดนเขาพระวิหาร จากช่องซำแตทางตะวันออกของปราสาทพระวิหารใกล้กับเขาสัตตะโสม จนถึงภูมะเขือที่อยู่ทางตะวันตกของปราสาท ล่าสุดพบว่าฝ่ายกัมพูชามีการวางกำลังอย่างหนาแน่นในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่บนตัวปราสาทมีการกำลังทหารจำนวนมาก เคลื่อนไหวคึกคักและคอยตรวจสอบความเคลื่อนไหวของทหารฝั่งไทยตลอดเวลา ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะชาติตะวันตก มีประมาณร้อยคนต่อวัน เที่ยวชมพื้นที่ปะปนกับทหารกัมพูชา ขณะสถานการณ์ที่ภูมะเขือยังคงความตึงเครียดต่อเนื่อง แม้มีการเจรจาในหลายระดับเพื่อคลี่คลายไม่ให้เกิดการปะทะ
แหล่งข่าวหลายแหล่งของฟิฟทีนมูฟให้ข้อมูลที่สอดคล้องกันว่า ฝ่ายทหารของไทยต้องการจัดการปัญหาพิพาทบนพื้นที่เขาพระวิหารให้เบ็ดเสร็จและราบคาบ โดยเห็นว่าความขัดแย้งที่ภูมะเขือจะเป็นชนวนหนึ่งที่สามารถนำไปสู่การจัดการขั้นเบ็ดเสร็จได้ เนื่องจากพร้อมทั้งด้านกำลัง อาวุธยุทโปกรณ์และเครื่องไม้เครื่องเครื่องมือ รอเพียงปัจจัยของเงื่อนเวลาและโอกาส แต่ความพยายามของฝ่ายทหารไม่ประสบผลเนื่องด้วยสองสาเหตุสำคัญ ประการหนึ่งฝ่ายกัมพูชาไม่ต้องการเล่นด้วย เพราะทราบดีว่าหากมีปะทะอีกครั้งผลจะต่างจากคราวเดือนกุมภาพันธ์ 2554 อย่างสิ้นเชิง และการที่ประเทศไทยมีรัฐบาลของทักษิณ ชินวัตร ที่มี “ปูโง่ตามสั่ง” นั่งหัวโต๊ะย่อมเป็นทางสะดวกและเป็นประโยชน์ต่อกัมพูชามากกว่า ประการที่สอง พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งดูแลพื้นที่เขาพระวิหารโดยตรง ถูกล้วงจิกและสั่งการโดยตรงจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของรัฐไทยใหม่ กระทั่งกระดิกตัวดำเนินการใดนอกเส้นทางของรัฐบาลไม่ได้
กรณีความตึงเครียดที่ภูมะเขือครั้งล่าสุด มีกระแสข่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ โทรศัพท์ตรงถึงแม่ทัพภาคที่ 2 สั่งการให้เร่งปรับความเข้าใจกับกัมพูชา อย่าให้มีการปะทะและให้เปิดผามออีแดงให้นักท่องเที่ยวขึ้นชมได้ตามปกติในวันรุ่งขึ้น เป็นความพยายามรักษาสัมพันธ์อันดีของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยกับรัฐบาลฮุน เซน เพื่อผลประโยชน์ใหญ่ของผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญของพรรค ในการหาประโยชน์จากทรัพยากรใต้ทะเลในพื้นที่ซึ่งกัมพูชาอ้างสิทธิ์รุกล้ำ
วิทยุเอเชียเสรี ภาคภาษาเขมร รายงานว่า พล.อ.เตีย บัญ รัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชา และเป็นประธานคณะกรรมาธิการชาติท้องทะเลของกัมพูชา1 กล่าวระหว่างการประชุมสรุปงานประจำปี 2554 ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ แหลมจงวา (แหลมปลาซิว) เมื่อวันที่ 18 มกราคม ที่ผ่านมา ว่า กระทรวงกลาโหมมียุทธศาสตร์ต่อต้านการรุกรานทางทะเลจากประเทศข้างเคียง ต่อต้านอาชญากรรมข้ามแดน ป้องกันพื้นที่สำรวจแร่ น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นกว่าที่ผ่านมา
พล.อ.เตีย บัญ กล่าวว่า ที่สำคัญสุด การค้นหาแร่ของกำลังดำเนินการอย่างรวดเร็ว แล้วจะก้าวไปสู่อนาคตในไม่ช้า คือสามารถกลายเป็นเศรษฐกิจหนึ่งที่สำคัญของเรา มันอยู่บนที่ที่เราเห็นว่าเป็นทะเลของเรานี่เอง พร้อมกล่าวต่อว่า กองทัพเรือได้สัญญาว่าจะปฏิบัติตามบทบัญชานี้เป็นอย่างดีและจะร่วมมือกับหน่วยที่เกี่ยวข้อง จัดเตรียมระบบสู้รบ ระบบการป้องกัน พยายามสร้างป้อมฐานและดูแลรักษาอาวุธยุทธภัณฑ์ต่าง ๆ ให้อยู่ในสภาพที่ดี
ศูนย์ข่าวต้นมะขามรายงานด้วยว่า พล.อ.ปล ซาเรือน ผู้บัญชาการทหารสูงสุดและรองประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงท้องทะเลกัมพูชา กล่าวระหว่างพิธีสรุปงานประจำปีของกองทัพเรือในโอกาสเดียวกันว่า กองทัพเรือได้เข้าร่วมอย่างแข็งขันในการป้องกันความมั่นคงในพื้นที่รับผิดชอบของตน และการป้องกันอาณาเขตทางทะเล ความร่วมมือระหว่างประเทศและการเข้าร่วมของกองทัพเรือในประชาคมอาเซียน มีส่วนในการเสริมขีดความสามารถและความชำนาญ พล.อ.ปล ซาเรือน กล่าวย้ำว่า กองทัพเรือมีเป้าหมายสำคัญในกิจการป้องกันเขตแดนทางทะเล เขตแดนทางบก การรักษาความมั่นคงทางทะเล ป้องกันหมู่เกาะ ท้องทะเลของกัมพูชา เนื่องจากพื้นที่ทางทะเลเต็มไปด้วยผลประโยชน์และทรัพยากรมหาศาล ซึ่งมีคุณค่าสำหรับเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
พล.ร.อ.ซัว ซาริน ผู้บัญชาการและเสนาธิการกองทัพเรือ ได้กล่าวสรุปผลการดำเนินงานปี 2554 และทิศทางเป้าหมายการดำเนินงานสำหรับปี 2555 ว่า ในปี 2554 ความมั่นคงและสันติสุขสังคมได้รับผลกระทบจากการรุกรานของกองกำลังหัวรุนแรงไทย บนบูรณภาพดินแดนของกัมพูชาในพื้นที่ชายแดนหลายแห่ง และในด้านเศรษฐกิจก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน ความั่นคงในท้องทะเลของกัมพูชาเป็นประเด็นสำคัญที่ได้รับความใส่ใจและความร่วมมืออย่างเต็มที่จากหน่วยงานรัฐ องค์การที่ดิน8 และภาคเอกชน โดยเฉพาะความร่วมมือจากหน่วยงานของประเทศข้างเคียงในภูมิภาค
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 17 มกราคม คณะกรรมาธิการความมั่นคงท้องทะเลของกัมพูชา ได้ออกเอกสารมติและยุทธศาสตร์ใหม่ เพื่อขยายการป้องกันเขตแดนทางทะเลของกัมพูชาให้มีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันพื้นที่เศรษฐกิจโดยเฉพาะในเขตทางทะเลของกัมพูชา
ตามรายงานของแหล่งข่าว ทหารที่ชายแดนเขาพระวิหาร มีการทยอยถอนตัวกลับบางส่วน โดยลำเลียงทหารลงมาด้วยรถจีเอ็มซีและรถบัส รวมประมาณ 150 คน ซึ่งคาดว่าเป็นทหารที่ถูกส่งขึ้นไปเพิ่มระว่างความตึงเครียดที่ภูมะเขือ เมื่อวันที่ 16 มกราคม เพื่อเป็นการคลี่คลายสถานการณ์ ลดการเผชิญหน้าและความตึงเครียดที่มีสูงในพื้นที่ชายแดนหลายจุด โดยเฉพาะที่ภูมะเขือ มออีแดง และช่องซำแต แหล่งข่าวไม่ยืนยันว่าเป็นการสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนใหม่ หรือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ระยะหลังล้วงลูกสั่งการตรงถึงแม่ทัพภาคที่ 2 อย่างใกล้ชิด ขณะนี้ยังไม่มีรายงานข่าวว่า ฝ่ายทหารได้ถอนกำลังทหารจำนวนมากพร้อมยุทโธปกรณ์ที่ถูกส่งเข้าตรึงพื้นที่ช่วงก่อนหน้า ออกจากพื้นที่
แหล่งข่าวในพื้นที่เขาพระวิหาร รายงานว่า เมื่อประมาณ 16.00 น. วันที่ 18 มกราคม 2555 ที่บ้านไร่ทิพย์ ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ชาวบ้านพบผู้ต้องสงสัยคล้ายเป็นชาวกัมพูชามาด้อมมองที่บริเวณใกล้ฐานปืนใหญ่ สอบถามไม่รู้เรื่องจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ทหารปืนใหญ่มาคุบควมตัว เจ้าหน้าที่ทหารได้นำตัวไปสอบสวนเป็นเวลาร่วมสองชั่วโมง จากนั้น เมื่อเวลาประมาณ 18.30 น. จึงส่งตัวผู้ต้องสังสัยให้กับตำรวจที่ตู้ยามภูมิซรอล
ภายหลังการสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าเป็นชายไม่ทราบชื่อ ผิวดำแดง ผมเผ้ารุงรัง สวมเสื้อผ้าเก่าขาด ดูน่ากลัว ตาขวาง สอบถามไม่ได้ความ บางครั้งพูดไทย บางครั้งพูดเขมร ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นคนสัญชาติไทยหรือกัมพูชา เพราะคนในพื้นที่ส่วนหนึ่งก็ปะปนระหว่างสองเชื้อชาตินี้และพูดได้สองภาษา เมื่อเจ้าหน้าที่ให้เขียนชื่อบนกระดาษก็เขียนเป็นตัวอักษรภาษาไทยที่อ่านไม่ได้ความ กลับหัวกลับหาง แต่ตัวอักษรค่อนข้างสวย เบื้องต้นจึงสันนิษฐานว่าอาจเป็นไปได้ว่าเป็นบุคคลไม่สมประกอบ และรอญาติติดต่อรับตัว หรือหากเป็นสายลับก็ถือว่ามีทักษะขั้นสูง
แหล่งข่าวระบุว่า เมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ในพื้นที่ดังกล่าวเคยมีกรณีคนแปลกหน้าปีนต้นใม้แขวนป้ายขาวสองป้ายข้างสวนปาล์มใกล้ฐานปืนใหญ่ ในเหตุการณ์ปะทะเดือนเดียวกัน มีกระสุนปืนใหญ่ตกลงในพื้นที่ 3 ลูก จากนั้นชาวบ้านจึงมีความตื่นตัว คอยสอดส่องเป็นหูเป็นตา ตรวจสอบคนแปลกหน้าและพฤติกรรมผิดสังเกต พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่
**ทหารไทย-เขมรยังตรึงกำลังเข้ม
วานนี้ (19 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเกิดเหตุทหารกัมพูชาไม่พอใจที่ฝ่ายไทยอัญเชิญพระพุทธรูปไปประดิษฐานที่บริเวณพลาญยาว ด้านภูมะเขือ ทิศตะวันตกของเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าเขตแดนยังไม่ชัดเจนและทำให้บรรยากาศค่อนข้างตึงเครียดและทหารไทยได้รับคำสั่งให้เตรียมพร้อม ส่งผลให้นักท่องเที่ยวที่จะขึ้นชมทะเลป่า ภูผาหมอก บริเวณผามออีแดงลดน้อยลงอย่างมาก ร้านค้าปิดลง
ขณะที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา รอบเขาพระวิหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บริเวณภูมะเขือ ด้านทิศตะวันตกของเขาพระวิหาร ปรากฏว่าทหารทั้ง 2 ฝ่ายยังคงตรึงกำลังอย่างเต็มที่ แต่นายทหารที่คุมกำลังทั้ง 2 ฝ่ายในพื้นที่ยังคงมีการพูดคุยเจรจากันเพื่อป้องกันเหตุเข้าใจผิด ขณะที่ทหารไทยจำนวนประมาณ 1 กองร้อยที่เข้าไปเสริมกำลังรอบเขาพระวิหารนั้นยังไม่มีการถอนกำลังออกมาแต่อย่างใด
เมื่อวันที่ 18 ม.ค. เวลา 20.12 น. เว็บไซต์ฟิฟทีนมูฟ รายงานสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังการรุกเข้ารื้อทำลายหมู่บ้านสวายจรุม ใน ต.กันต๊วด อ.จอมกะสานต์ จ.พระวิหาร หมู่บ้านแห่งสุดท้ายในเขตพื้นที่กันชนของแผนบริหารจัดการปราสาทพระวิหาร ห่างจากตัวปราสาทประมาณ 10 ก.ม. ของคณะทำงานระดับชาติพื้นที่ปราสาทพระวิหารของกัมพูชา เมื่อช่วงส่งท้ายปีเก่า และดำเนินการส่งมอบพื้นที่เกือบ 3 แสนไร่ ให้กับองค์การพระวิหารแห่งชาติ เมื่อ 10 มกราคม 2554 วานนี้ (17 มกราคม 2555) แหล่งข่าวในพื้นที่พระวิหารของฟิฟทีนมูฟได้สำรวจพื้นที่เขาพระวิหาร ทั้งในฝั่งกัมพูชาและบนเขาพระวิหารอันเป็นที่ตั้งของตัวปราสาท พบว่าหมู่บ้านสวายจรุมซึ่งเคยเป็นชุมชนใหญ่ มีชาวบ้านอยู่อาศัยร่วม 300 ครอบครัว มีวัดและโรงเรียน ปัจจุบันแทบไม่มีสิ่งปลูกสร้างหลงเหลือ คณะทำงานระดับชาติฯ ของกัมพูชาใช้เครื่องจักรรื้อทำลายจนราบคาบ เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับพัฒนาทั้งในด้านอนุรักษ์และการท่องเที่ยว ตามแผนบริหารจัดการปราสาทพระวิหาร ที่ยังคาราคาซังอยู่ที่คณะกรรมการมรดกโลกของยูเนสโก
จากการสำรวจล่าสุด พื้นที่โดยรอบวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ที่กัมพูชาปลูกสร้างละเมิดเขตไทย มีการตั้งชุมชนชาวกัมพูชาอยู่อย่างหนาแน่น มีบ้านเรือนปลูกติดกันตลอดแนวถนน นับประเมินด้วยสายตาไม่น้อยกว่าร้อยหลังคาเรือน แหล่งข่าวระบุว่าชาวกัมพูชารุกเข้ามาปลูกบ้านเรือนมากขึ้นนับตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว และหนาแน่นยิ่งขึ้นหลังการไล่ที่บ้านสวายจรุม โดยชาวสวายจรุมบางส่วนที่ไม่ยอมอพยพไปอยู่ในหมู่บ้านธรรมชาติสมเด็จเดโช ที่รัฐบาลจัดสรรที่ดินไว้ให้ ได้พากันขึ้นมาตั้งบ้านเรือนบริเวณรอบวัดแก้วฯ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นครอบครัวของทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บนปราสาท
การเข้าตั้งบ้านเรือนของชาวกัมพูชาบริเวณรอบวัดแก้วฯ ในเขต 4.6 ตร.กม. ของไทย เป็นการละเมิดข้อตกลงที่มีต่อกันระหว่างรัฐบาลไทยกับกัมพูชา ตามปรากฎในบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-กัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทาง บก ปี 2543 หรือ MOU 43 ฉบับที่มิได้ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 รัฐบาลไทยโดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศมิได้ให้ความใส่ใจและทำการประท้วงต่อการกระทำของประเทศกัมพูชาและชาวกัมพูชา ดังกล่าว
นอกจากการเร่งพัฒนาพื้นที่ในแผนบริหารจัดการโดยไล่ที่ชาวสวายจรุมแล้ว กัมพูชากำลังเร่งตัดถนนเส้นใหม่มุ่งมายังช่องตาเฒ่า ทำหน้าที่เป็นถนนสายยุทธศาสตร์สำหรับการลำเลียงกำลังพลและยุทโธปกรณ์หากเกิดเหตุเผชิญหน้าทางทหารกับไทย นอกจากนี้ ถนนเส้นดังกล่าวจะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางของนักเที่ยวจากฝั่งไทย หากการเจรจาเปิดด่านแห่งใหม่ที่ช่องตาเฒ่าสำเร็จ ซึ่งจะถูกใช้แทนที่ประตูห้วยตานีที่ถูกฝ่ายกัมพูชาปิดตาย ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวจากฝั่งไทยขึ้นชมปราสาทพระวิหาร
หลังความตึงเครียดที่ภูมะเขือเมื่อวันที่ 16 มกราคม จากการที่ฝ่ายกัมพูชาไม่พอใจและขอให้ไทยนำพระพุทธรูปขึ้นประดิษฐานที่พลาญยาวและภูมะเขือออกจากพื้นที่ จนความตึงเครียดขยายไปตลอดแนวชายแดนเขาพระวิหาร จากช่องซำแตทางตะวันออกของปราสาทพระวิหารใกล้กับเขาสัตตะโสม จนถึงภูมะเขือที่อยู่ทางตะวันตกของปราสาท ล่าสุดพบว่าฝ่ายกัมพูชามีการวางกำลังอย่างหนาแน่นในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่บนตัวปราสาทมีการกำลังทหารจำนวนมาก เคลื่อนไหวคึกคักและคอยตรวจสอบความเคลื่อนไหวของทหารฝั่งไทยตลอดเวลา ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะชาติตะวันตก มีประมาณร้อยคนต่อวัน เที่ยวชมพื้นที่ปะปนกับทหารกัมพูชา ขณะสถานการณ์ที่ภูมะเขือยังคงความตึงเครียดต่อเนื่อง แม้มีการเจรจาในหลายระดับเพื่อคลี่คลายไม่ให้เกิดการปะทะ
แหล่งข่าวหลายแหล่งของฟิฟทีนมูฟให้ข้อมูลที่สอดคล้องกันว่า ฝ่ายทหารของไทยต้องการจัดการปัญหาพิพาทบนพื้นที่เขาพระวิหารให้เบ็ดเสร็จและราบคาบ โดยเห็นว่าความขัดแย้งที่ภูมะเขือจะเป็นชนวนหนึ่งที่สามารถนำไปสู่การจัดการขั้นเบ็ดเสร็จได้ เนื่องจากพร้อมทั้งด้านกำลัง อาวุธยุทโปกรณ์และเครื่องไม้เครื่องเครื่องมือ รอเพียงปัจจัยของเงื่อนเวลาและโอกาส แต่ความพยายามของฝ่ายทหารไม่ประสบผลเนื่องด้วยสองสาเหตุสำคัญ ประการหนึ่งฝ่ายกัมพูชาไม่ต้องการเล่นด้วย เพราะทราบดีว่าหากมีปะทะอีกครั้งผลจะต่างจากคราวเดือนกุมภาพันธ์ 2554 อย่างสิ้นเชิง และการที่ประเทศไทยมีรัฐบาลของทักษิณ ชินวัตร ที่มี “ปูโง่ตามสั่ง” นั่งหัวโต๊ะย่อมเป็นทางสะดวกและเป็นประโยชน์ต่อกัมพูชามากกว่า ประการที่สอง พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งดูแลพื้นที่เขาพระวิหารโดยตรง ถูกล้วงจิกและสั่งการโดยตรงจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของรัฐไทยใหม่ กระทั่งกระดิกตัวดำเนินการใดนอกเส้นทางของรัฐบาลไม่ได้
กรณีความตึงเครียดที่ภูมะเขือครั้งล่าสุด มีกระแสข่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ โทรศัพท์ตรงถึงแม่ทัพภาคที่ 2 สั่งการให้เร่งปรับความเข้าใจกับกัมพูชา อย่าให้มีการปะทะและให้เปิดผามออีแดงให้นักท่องเที่ยวขึ้นชมได้ตามปกติในวันรุ่งขึ้น เป็นความพยายามรักษาสัมพันธ์อันดีของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยกับรัฐบาลฮุน เซน เพื่อผลประโยชน์ใหญ่ของผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญของพรรค ในการหาประโยชน์จากทรัพยากรใต้ทะเลในพื้นที่ซึ่งกัมพูชาอ้างสิทธิ์รุกล้ำ
วิทยุเอเชียเสรี ภาคภาษาเขมร รายงานว่า พล.อ.เตีย บัญ รัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชา และเป็นประธานคณะกรรมาธิการชาติท้องทะเลของกัมพูชา1 กล่าวระหว่างการประชุมสรุปงานประจำปี 2554 ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ แหลมจงวา (แหลมปลาซิว) เมื่อวันที่ 18 มกราคม ที่ผ่านมา ว่า กระทรวงกลาโหมมียุทธศาสตร์ต่อต้านการรุกรานทางทะเลจากประเทศข้างเคียง ต่อต้านอาชญากรรมข้ามแดน ป้องกันพื้นที่สำรวจแร่ น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นกว่าที่ผ่านมา
พล.อ.เตีย บัญ กล่าวว่า ที่สำคัญสุด การค้นหาแร่ของกำลังดำเนินการอย่างรวดเร็ว แล้วจะก้าวไปสู่อนาคตในไม่ช้า คือสามารถกลายเป็นเศรษฐกิจหนึ่งที่สำคัญของเรา มันอยู่บนที่ที่เราเห็นว่าเป็นทะเลของเรานี่เอง พร้อมกล่าวต่อว่า กองทัพเรือได้สัญญาว่าจะปฏิบัติตามบทบัญชานี้เป็นอย่างดีและจะร่วมมือกับหน่วยที่เกี่ยวข้อง จัดเตรียมระบบสู้รบ ระบบการป้องกัน พยายามสร้างป้อมฐานและดูแลรักษาอาวุธยุทธภัณฑ์ต่าง ๆ ให้อยู่ในสภาพที่ดี
ศูนย์ข่าวต้นมะขามรายงานด้วยว่า พล.อ.ปล ซาเรือน ผู้บัญชาการทหารสูงสุดและรองประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงท้องทะเลกัมพูชา กล่าวระหว่างพิธีสรุปงานประจำปีของกองทัพเรือในโอกาสเดียวกันว่า กองทัพเรือได้เข้าร่วมอย่างแข็งขันในการป้องกันความมั่นคงในพื้นที่รับผิดชอบของตน และการป้องกันอาณาเขตทางทะเล ความร่วมมือระหว่างประเทศและการเข้าร่วมของกองทัพเรือในประชาคมอาเซียน มีส่วนในการเสริมขีดความสามารถและความชำนาญ พล.อ.ปล ซาเรือน กล่าวย้ำว่า กองทัพเรือมีเป้าหมายสำคัญในกิจการป้องกันเขตแดนทางทะเล เขตแดนทางบก การรักษาความมั่นคงทางทะเล ป้องกันหมู่เกาะ ท้องทะเลของกัมพูชา เนื่องจากพื้นที่ทางทะเลเต็มไปด้วยผลประโยชน์และทรัพยากรมหาศาล ซึ่งมีคุณค่าสำหรับเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
พล.ร.อ.ซัว ซาริน ผู้บัญชาการและเสนาธิการกองทัพเรือ ได้กล่าวสรุปผลการดำเนินงานปี 2554 และทิศทางเป้าหมายการดำเนินงานสำหรับปี 2555 ว่า ในปี 2554 ความมั่นคงและสันติสุขสังคมได้รับผลกระทบจากการรุกรานของกองกำลังหัวรุนแรงไทย บนบูรณภาพดินแดนของกัมพูชาในพื้นที่ชายแดนหลายแห่ง และในด้านเศรษฐกิจก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน ความั่นคงในท้องทะเลของกัมพูชาเป็นประเด็นสำคัญที่ได้รับความใส่ใจและความร่วมมืออย่างเต็มที่จากหน่วยงานรัฐ องค์การที่ดิน8 และภาคเอกชน โดยเฉพาะความร่วมมือจากหน่วยงานของประเทศข้างเคียงในภูมิภาค
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 17 มกราคม คณะกรรมาธิการความมั่นคงท้องทะเลของกัมพูชา ได้ออกเอกสารมติและยุทธศาสตร์ใหม่ เพื่อขยายการป้องกันเขตแดนทางทะเลของกัมพูชาให้มีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันพื้นที่เศรษฐกิจโดยเฉพาะในเขตทางทะเลของกัมพูชา
ตามรายงานของแหล่งข่าว ทหารที่ชายแดนเขาพระวิหาร มีการทยอยถอนตัวกลับบางส่วน โดยลำเลียงทหารลงมาด้วยรถจีเอ็มซีและรถบัส รวมประมาณ 150 คน ซึ่งคาดว่าเป็นทหารที่ถูกส่งขึ้นไปเพิ่มระว่างความตึงเครียดที่ภูมะเขือ เมื่อวันที่ 16 มกราคม เพื่อเป็นการคลี่คลายสถานการณ์ ลดการเผชิญหน้าและความตึงเครียดที่มีสูงในพื้นที่ชายแดนหลายจุด โดยเฉพาะที่ภูมะเขือ มออีแดง และช่องซำแต แหล่งข่าวไม่ยืนยันว่าเป็นการสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนใหม่ หรือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ระยะหลังล้วงลูกสั่งการตรงถึงแม่ทัพภาคที่ 2 อย่างใกล้ชิด ขณะนี้ยังไม่มีรายงานข่าวว่า ฝ่ายทหารได้ถอนกำลังทหารจำนวนมากพร้อมยุทโธปกรณ์ที่ถูกส่งเข้าตรึงพื้นที่ช่วงก่อนหน้า ออกจากพื้นที่
แหล่งข่าวในพื้นที่เขาพระวิหาร รายงานว่า เมื่อประมาณ 16.00 น. วันที่ 18 มกราคม 2555 ที่บ้านไร่ทิพย์ ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ชาวบ้านพบผู้ต้องสงสัยคล้ายเป็นชาวกัมพูชามาด้อมมองที่บริเวณใกล้ฐานปืนใหญ่ สอบถามไม่รู้เรื่องจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ทหารปืนใหญ่มาคุบควมตัว เจ้าหน้าที่ทหารได้นำตัวไปสอบสวนเป็นเวลาร่วมสองชั่วโมง จากนั้น เมื่อเวลาประมาณ 18.30 น. จึงส่งตัวผู้ต้องสังสัยให้กับตำรวจที่ตู้ยามภูมิซรอล
ภายหลังการสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าเป็นชายไม่ทราบชื่อ ผิวดำแดง ผมเผ้ารุงรัง สวมเสื้อผ้าเก่าขาด ดูน่ากลัว ตาขวาง สอบถามไม่ได้ความ บางครั้งพูดไทย บางครั้งพูดเขมร ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นคนสัญชาติไทยหรือกัมพูชา เพราะคนในพื้นที่ส่วนหนึ่งก็ปะปนระหว่างสองเชื้อชาตินี้และพูดได้สองภาษา เมื่อเจ้าหน้าที่ให้เขียนชื่อบนกระดาษก็เขียนเป็นตัวอักษรภาษาไทยที่อ่านไม่ได้ความ กลับหัวกลับหาง แต่ตัวอักษรค่อนข้างสวย เบื้องต้นจึงสันนิษฐานว่าอาจเป็นไปได้ว่าเป็นบุคคลไม่สมประกอบ และรอญาติติดต่อรับตัว หรือหากเป็นสายลับก็ถือว่ามีทักษะขั้นสูง
แหล่งข่าวระบุว่า เมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ในพื้นที่ดังกล่าวเคยมีกรณีคนแปลกหน้าปีนต้นใม้แขวนป้ายขาวสองป้ายข้างสวนปาล์มใกล้ฐานปืนใหญ่ ในเหตุการณ์ปะทะเดือนเดียวกัน มีกระสุนปืนใหญ่ตกลงในพื้นที่ 3 ลูก จากนั้นชาวบ้านจึงมีความตื่นตัว คอยสอดส่องเป็นหูเป็นตา ตรวจสอบคนแปลกหน้าและพฤติกรรมผิดสังเกต พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่
**ทหารไทย-เขมรยังตรึงกำลังเข้ม
วานนี้ (19 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเกิดเหตุทหารกัมพูชาไม่พอใจที่ฝ่ายไทยอัญเชิญพระพุทธรูปไปประดิษฐานที่บริเวณพลาญยาว ด้านภูมะเขือ ทิศตะวันตกของเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าเขตแดนยังไม่ชัดเจนและทำให้บรรยากาศค่อนข้างตึงเครียดและทหารไทยได้รับคำสั่งให้เตรียมพร้อม ส่งผลให้นักท่องเที่ยวที่จะขึ้นชมทะเลป่า ภูผาหมอก บริเวณผามออีแดงลดน้อยลงอย่างมาก ร้านค้าปิดลง
ขณะที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา รอบเขาพระวิหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บริเวณภูมะเขือ ด้านทิศตะวันตกของเขาพระวิหาร ปรากฏว่าทหารทั้ง 2 ฝ่ายยังคงตรึงกำลังอย่างเต็มที่ แต่นายทหารที่คุมกำลังทั้ง 2 ฝ่ายในพื้นที่ยังคงมีการพูดคุยเจรจากันเพื่อป้องกันเหตุเข้าใจผิด ขณะที่ทหารไทยจำนวนประมาณ 1 กองร้อยที่เข้าไปเสริมกำลังรอบเขาพระวิหารนั้นยังไม่มีการถอนกำลังออกมาแต่อย่างใด