ไทยยอมสยบถก “จีบีซี” เขมรกร้าวไม่มีปะทะหากพูดกันรู้เรื่อง

“ยุทธศักดิ์” เผยผลถกจีบีซี พร้อมเข้า ครม.อังคารหน้า สองฝ่ายเห็นพ้องยึดคำสั่งศาลโลก ตั้งคณะทำงานวางหลักถอนชุมชนพ้นวัดแก้วฯ-รายละเอียดของผู้สังเกตุการณ์ มันใจไม่เสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว พร้อมถ่ายทอดอารมณ์ “เตีย บัญ” บอกยิง ฮ.ไทย เสียใจสุดซึ้ง เป็นเรื่องเข้าใจผิด จะไม่ให้เกิดขึ้นอีก ไม่มีอีกแล้วในเรื่องของการปะทะหากพูดจากันรู้เรื่องแบบนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 21 ธ.ค. ที่สนามบินสุวรรณภูมิ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้นำคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี) ครั้งที่ 8 เดินทางไปประชุมที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ประกอบด้วย พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฎิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ร่วมด้วย พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมทั้ง พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกระทรวงกลาโหม พล.ท.ธวัชชัย สุมทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ที่เดินทางไปประชุมก่อนในรายละเอียดก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ ที่ประชุมมี พล.อ.เตีย บัญ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมถึงนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพกัมพูชา โดยเฉพาะ พล.ท.ฮุน มาเน็ต รองผู้บัญชาการทหารบก ก็ร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การหารือกันในครั้งนี้ถึงความร่วมมือของ 2 ประเทศ ทั้งทางบก ทางทะเล และอากาศ รวมถึงวาระที่เราจะดำเนินการตามคำสั่งชั่วคราวของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) ว่าทั้ง 2 ประเทศจะดำเนินการอย่างไรบ้าง โดยสาระการประชุมทั้ง 17 ข้อ ประกอบด้วย ด้านความมั่นคงและรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน 1.ความร่วมมือด้านแรงงาน 2.การป้องกันและปราบปรามยาเสพติด 3.การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมอื่นๆ ในพื้นที่ชายแดน 4.ความร่วมมือด้านการต่อต้านการก่อการร้าย 5.ความร่วมมือในการเก็บกู้ กวาดล้างทุ่นระเบิด 6.ส่งเสริมความมั่นคงทางทะเล 7.การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหน่วยทหารและตำรวจของกัมพูชากับหน่วยงานด้านความมั่นคงของไทยในพื้นที่ชายแดน 8.ประเด็นอื่นๆ

นอกจากนี้ ด้านความร่วมมือด้านอื่นๆ ประกอบด้วย 1.ความร่วมมือด้านการค้าบริเวณชายแดน 2.ความร่วมมือด้านเกษตร 3.ความร่วมมือด้านสาธารณสุข 4.ความร่วมมือด้านท่องเที่ยว 5.ความร่วมมือด้านรักษาสิ่งแวดล้อม 6.ความร่วมมือด้านพัฒนาคุณภาพชีวิต การศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม 7.ความร่วมมือด้านบรรเทาภัยพิบัติ 8.ความร่วมมือด้านข้อมูลข่าวสารสาธารณะ 9.เรื่องอื่นๆ

ส่วนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ 5 ข้อ นั้น คือ 1.การปรับกำลังทหารของทั้งสองฝ่ายที่ประจำการในพื้นที่เขตปลอดทหาร 17.3 ตารางกิโลเมตร 2.รายละเอียดในการเข้าปฏิบัติงานของผู้สังเกตการณ์จากประเทศอินโดนีเซีย-ไทย-กัมพูชา ฝ่ายละ 9 คน รวม 27 คน 3.จุดตรวจร่วม 3 จุด ประกอบด้วย ประตูเหล็ก เขาช่องบันไดหักวัดแก้วสิขาคีรีสวาระ 4.การจัดระเบียบวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ตลาด และชุมชนโดยรอบปราสาทพระวิหาร 5.การออกหลักเกณฑ์ในการเข้าออกพื้นที่ปราสาทพระวิหารของเจ้าหน้าที่องค์การยูเนสโก

หลังจากนั้น เวลา 20.40 น. พล.อ.ยุทธศักดิ์ พร้อมด้วย ผบ.เหล่าทัพ ร่วมกันแถลงข่าวถึงผลการประชุม จีบีซี ในครั้งนี้ว่า จะนำผลการประชุมทั้งหมดในวันนี้เสนอเข้าที่ประชุม ครม.ในวันอังคารหน้า และหากมีประเด็นที่เกี่ยวข้องจะนำเข้าสู่รัฐสภาตามมาตรา 190 ต่อไป ทั้งนี้การประชุมเป็นการปฏิบัติการตามมาตรการชั่วคราวของศาลโลก สองฝ่ายเห็นชอบด้วยกันในการจัดตั้งคณะทำงานร่วม JWG เพื่อพิจารณาตามมาตรการชั่วคราวที่ศาลโลก ได้สั่งการให้ดำเนินการชั่วคราว โดยจะเริ่มดำเนินการเมื่อได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล และไทยเป็นเจ้าภาพในการประชุมครั้งแรก สำหรับแนวทางในการดำเนินการของฝ่ายไทยจะนำผลการประชุมเสนอต่อ ครม.ต่อไป

เมื่อถามว่า กรณีที่กัมพูชาเสนอให้ถอนกำลังทหารในวันที่ 20 ม.ค.55 พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า ได้ยกเลิกไปแล้ว เพราะเราได้จัดตั้งคณะทำงานร่วมขึ้นมา ซึ่งจะเป็นคนพิจารณาในการดำเนินการในรายละเอียดของการปรับกำลังเพื่อทดแทนกำลังกัน แต่ไม่ได้เป็นการถอนกำลัง ส่วนคณะทำงานร่วมในวันอังคารหน้าจะรู้เรื่องเพราะต้องเสนอขออนุมัติจากรัฐบาลก่อน ทั้งนี้คณะทำงานร่วมจะเป็นสองชาติ ระหว่างไทยกับกัมพูชา เป็นคนละชุดกับผู้สังเกตุการณ์ กำลังทหารที่มีการปรับนั้นเป็นการทดแทนกำลัง เรามีกำลังที่จะดูแผ่นดินไทยเท่าไหร่ก็เท่านั้น เราจะไม่เสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว ทั้งนี้ การเข้าไปจะอยู่ที่คณะทำงานร่วมในการพิจารณาในอนาคต เราจะไม่พูดในเรื่องอดีต วันนี้จะพูดเรื่องใหม่ที่จะมีคณะกรรมการร่วมเข้ามาในกรณีที่ศาลสั่งตามมาตรการชั่วคราว ทั้งนี้คณะทำงานร่วมจะประชุมได้หลังจากเข้า ครม.เรียบร้อยแล้ว โดยที่นายกรัฐมนตรีได้มีการอนุมัติจัดตั้งของฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาได้จัดตั้งมาหารือกัน ก็จะมีการประชุมในที่ กทม.ทันที หากสิ้นต้นปี ม.ค.ปีหน้า ก็จะเรียกประชุมได้เลย โดยคณะทำงานชุดนี้จะมีการพิจารณาเรื่องการถอนชุมชนกัมพูชาออกจากวัดแก้วสิขาคีรีสาวาระ และรายละเอียดของผู้สังเกตุการณ์ ส่วนเรื่องกรอบเวลาในการทำงานยังไม่ได้พูดถึง

“เรายังไม่ได้มีการพูดถึงเวลา เพียงเราพูดถึงหลักการและขั้นตอนในการทำงานก่อน ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าวไม่ได้เป็นการประวิงเวลา เพียงแต่เราปฏิบัติตามมาตรการศาลโลก และเราไม่ได้ปฏิเสธการปฏิบัติตามศาลโลก และวันนี้ได้พบกับ พล.อ.เตีย บัญ ท่านพูดกับผมในเรื่องยิง ฮ.ของกองทัพเรือว่าท่านไม่ค่อยสบาย ขอให้เรื่องนี้เป็นเรื่องอุบัติเหตุ เนื่องจากการประสานงานความไม่เข้าใจเรื่องติดต่อสื่อสาร ไทยขอให้เอา ฮ.ลง แต่เจ้าหน้าที่รับเรื่องไม่สามารถติดต่อกำลังพลในพื้นที่ได้ จึงเกิดความเข้าใจผิด และสถานที่วางตัวห่างกัน 50 เมตร จึงไม่ทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวน่านฟ้าเป็นของพื้นที่ใคร เขาเสียใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น และจะไปแก้ไขไม่ให้เกิดขึ้นอีก นอกจากนี้จะสอบสวนเรื่องนี้ว่าเกิดจากความผิดพลาดอย่างไร และจะหามาตรการไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต โดยจะหามาตรการในการแก้ไขตรงไหนบ้าง ต่อไปนี้จะไม่มีเกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวอีก” พล.อ.ยุทธศักดิ์​ ระบุ

เมื่อถามว่า กดดันหรือไม่ว่าคนไทยจับตามองว่าเราจะเสียดินแดนในระหว่างการประชุม จีบีซี พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า ตนไม่ได้ไปคนเดียว ไปกับ ผบ.เหล่าทัพ ปลัดกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ สมช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็ไปด้วย และทุกคนมีประสบการณ์ ฉะนั้นผมมั่นใจว่าไม่ได้กดดัน ทุกคนไปจะช่วยผมได้ ทั้งนี้ตนคิดว่าสองประเทศมีความปราถนาจะอยู่ร่วมกัน ต้องการจะมีคุณภาพชีวิตกับประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดน และมีการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจ พล.อ.เตีย บัญ บอกว่า จะไม่มีอีกแล้วในเรื่องของการปะทะหากพูดจากันรู้เรื่องแบบนี้ ทั้งนี้การประชุมคณะกรรมการ JWG ไม่มีปัญหาอะไร ขณะนี้ทหารดูแลพื้นที่ ทหารยังไม่ได้มีการปรับกำลังออก เพราะเรามีกำลังที่ดูแลอยู่ในเวลานี้ ทั้งนี้เราไม่ต้องรายงานเรื่องนี้ต่อศาลโลก เพราะเราดำเนินการของทั้งสองประเทศให้ปฏิบัติการตามศาลโลกเท่านั้น