“ยิ่งลักษณ์” ปลื้ม นายกฯ อินเดีย จัดพิธีต้อนรับเยือนอย่างเป็นทางการ วางพวงมาลา “คานธี” ก่อนถก รมว.ต่างประเทศ หารือประเด็นสัมพันธ์ 2 ชาติ, ลดขั้นตอนวีซ่า, อำนวยความสะดวกทางธุรกิจและเร่งรัดคดี 6 หญิงไทย
วันนี้ (25 ม.ค.) ที่ประเทศอินเดีย เมื่อเวลา 10.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะได้เดินทางไปยังราษฎร์ปฏิภาวัน เพื่อเข้าร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ โดยมี นายมานโมฮาน ซิง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐอินเดีย และคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงฝ่ายอินเดีย รอให้การต้อนรับ โดยมีการตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ จากนั้นนายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐอินเดีย เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์และถ่ายภาพ ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีการต้อนรับ นายกรัฐมนตรีและคณะ ได้ออกเดินทางจากราษฎร์ปฏิภาวันไปยังราษฎร์ฆาฎอนุสรณ์สถานมหาตมะ คานธีเพื่อวางพวงมาลา พร้อมทั้งเขียนข้อความสดุดีมหาตมะ คานธีในสมุดเยี่ยม
ต่อมาเวลา 11.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการให้นาย S.M. Krisna รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐอินเดียเข้าเยี่ยมคารวะ ณ ห้อง131 โรงแรม Taj Palace สรุปสาระสำคัญดังนี้ โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความขอบคุณรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สำหรับการต้อนรับและการรับที่จะเป็นเจ้าภาพการประชุม JC ไทย-อินเดีย ซึ่งได้ปูทางสำหรับการเยือนครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรี รวมทั้งการผลักดันของรัฐมนตรีต่างประเทศอินเดีย ให้มีการลงนามความตกลงในหลายสาขาระหว่างกันในช่วงค่ำวันนี้
โอกาสนี้ทั้งสองฝ่ายต่างยืนยันที่จะให้ความสำคัญในประเด็นความร่วมมือที่เป็นประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย และนายกรัฐมนตรี ได้แสดงความชื่นชมต่อนโยบายต่างประเทศของอินเดียที่ให้ความสำคัญกับอาเซียนมากขึ้น ซึ่งไทยเองก็เห็นความสำคัญของอินเดียในฐานะส่วนหนึ่งของภูมิภาคเอเชียตะวันออก และสนับสนุนการเข้ามามีบทบาทมากขึ้นของอินเดียในภูมิภาคและในโลก
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงประเด็นที่จะมีการหารือระหว่างการพบปะกับ นายกรัฐมนตรีอินเดีย ในช่วงค่ำวันนี้ ว่าจะเป็นการหารือเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ไทย-อินเดียไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ เพื่อให้ไทยและอินเดียสามารถทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดทั้งระดับภูมิภาคและโลก โดยระหว่างการเยือนครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีสนันสนุนการเร่งรัดการเจรจาความตกลงเขตการค้าเสรีให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อเชื่อมโยงความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ
นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า ไทยให้ความสำคัญเรื่องความเชื่อมโยง (Connectivity) และขอให้คณะทำงานร่วมด้านความเชื่อมโยงได้เร่งให้มีการประชุมกันโดยเร็ว เพื่อหารือถึงโครงการต่างๆ เช่น การเชื่อมโยงผ่านท่าเรือทวาย
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินเดีย ได้หารือเกี่ยวกับประเด็นอื่นๆ อาทิ การลดขั้นตอนด้านวีซ่า เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยวและการดำเนินธุรกิจระหว่างกัน รวมทั้งการจัดตั้ง Thai-India Foundation เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระดับประชาชน ซึ่งในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอให้อินเดียพิจารณาช่วยดูแลและเร่งรัดกระบวนการยุติธรรมของผู้หญิงไทยที่ถูกคุมขังในอินเดีย จำนวน 6 ราย ด้วยเหตุผลทางมนุษยธรรม ทั้งนี้ ไทยเองไม่ประสงค์แทรกแซงในกระบวนการยุติธรรมของอินเดีย