xs
xsm
sm
md
lg

“ยิ่งลักษณ์” โยน “กิตติรัตน์” ปธ.แจง พ.ร.ก.กู้ต่อสภา - ศาล รธน.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นางฐิติมา ฉายแสง รักษาการโฆษกรัฐบาล (แฟ้มภาพ)
รักษาการโฆษกรัฐ แถลง “ยิ่งลักษณ์” โอ่กลางวง ครม.ไปอินเดีย, ดาวอส ประสบความสำเร็จสูง นัด ครม.ลงพื้นที่เร่งรัดงานน้ำท่วม 13-17 ก.พ.นัดถกสัญจรอุดร 21-22 ก.พ. โบ้ย “กิตติรัตน์” ประธานแจง พ.ร.ก.กู้ ต่อสภาฯ และศาล รธน.สั่ง “เหลิม-เต้น” หัวหอกรับมืออภิปราย จ่าย 5 พัน เพิ่มอีก 53 จังหวัด

วันนี้ (31 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นางฐิติมา ฉายแสง รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม.ว่า เริ่มต้นการประชุมทาง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งให้คณะรัฐมนตรีได้ทราบถึงผลการเยือนประเทศอินเดีย และการไปร่วมประชุมเวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรัม ที่เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชี้แจงว่า การประชุมทั้งสองอย่างประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยการประชุมที่ประเทศอินเดียเป็นการเยือนที่อินเดียให้เกียรติสูงสุด โดยให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นแขกระดับเกียรติยศและระดับสูงสุด ซึ่งการให้เกียรติระดับนี้เป็นการแสดงท่าทีอย่างจริงจังในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้กระชับแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น และเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการที่จะเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์

ทั้งนี้ ยังได้มีการหารือถึงข้อราชการ อาทิ การไปเพิ่มเติมในพิธีศาลของเอฟทีเอ ข้อตกลงทางการค้าเสรี จากเดิมที่เปิด 82 รายการ ตั้งแต่ปี 46 ก็เพิ่มเป็นรายการที่ 83 คือ ตู้เย็นสองประตู เป็นการไปดูแลเรื่องการลงทุนต่างๆ เนื่องจากได้มีโอกาสได้ไปเจอกับนักลงทุนของไทยที่ประเทศอินเดีย อีกทั้งยังได้รับความคิดเห็นและอุปสรรคต่างๆ อย่างไรก็ตาม นางสาวยิ่งลักษณ์ ยังได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อจะแก้ปัญหาให้กับนักธุรกิจเหล่านั้น ซึ่งบางบริษัทได้ไปตั้งถิ่นฐานในการทำมาหากินที่ประเทศอินเดีย และเป็นเรื่องที่จะขจัดอุปสรรคต่างๆ เพื่อให้การค้าขายที่จะมีขึ้นในเมืองเจนไน ซึ่งต่อไปยังเมืองทวายของพม่า ก็จะทำให้การคมนาคมขนส่งต่างๆ ดีขึ้น การท่องเที่ยวดีขึ้น นายกฯจึงอยากเห็นการต้อนรับผู้โดยสารที่สนามบินสุวรรณภูมิให้เป็นเหมือนนักท่องเที่ยวทั้งหมด ไม่ว่ายุคคลเหล่านนั้นจะมาจากประเทศใด

ขณะที่เรื่องการท่องเที่ยว นายกฯเห็นว่า ควรจะมีการวางยุทธศาสตร์ว่าการท่องเที่ยวต้องมีการเน้นเรื่องใดบ้าง เพื่อจะได้นำนักธุรกิจภาคเอกชนเดินทางไป เมื่อเดินทางไปต่างประเททศด้วย ดังนั้น จึงขอให้การเดินทางไปยังประเทศใหญ่ๆ ขอให้ทุกกระทรวงได้มามีส่วนเกี่ยวข้อง เตรียมข้อมูลทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีอินเดีย ยังได้กล่าวชื่นชมกับนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ว่า เป็นผู้นำหญิงคนแรกของประเทศไทย และเป็นบุคคลที่มีอายุน้อยที่สุด รวมทั้งเป็นบุคคลที่มีความสามารถ โดยสิ่งเหล่านี้ถูกบรรจุในหนังสือประจำวันสถาปนาของอินเดีย รวมทั้งยังได้กล่าวถึงประวัติของนายกฯยิ่งลักษณ์ด้วย

ส่วนการประชุมเวิลด์ อิโคโนมิค ฟอรัม ที่สวิส นั้น โดยนายกรัฐมนตรีได้ไปชี้แจงแผนการบริหารจัดการน้ำและแผนเศรษฐกิจ ว่า ขอให้เชื่อมั่นว่าประเทศไทยสามารถที่จะควบคุมดูแลปัญหาน้ำ โดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ยังได้เชิญชวนคนที่อยู่ในงานวันดังกล่าวมาร่วมงานเวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรัม ออน อีสเอเชีย ที่จะจัดขึ้นที่กรุงเทพฯในวันที่ 30 พค. - 1 มิย.55 โดยนางยกรัฐมนตรีได้มีโอกาสพูดกับผู้หลักผู้ใหญ่ในมุมมองที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก ซึ่งทุกคนตื่นตัวกับปัญหาเศรษฐกิจโดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจยุโรป โดยทุกคนพยายามจะหันมาแก้ไขปัญหาและวางรากฐานในการที่จะทำให้ในแต่ละประเทศมีความเข้มแข็งในเรื่องดังกล่าวมากขึ้น ดังนั้น จึงได้ฝากให้ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ ได้เตรียมการทำเวิร์คช้อปถึงกลยุทธต่างๆเพื่อจะทำให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้า

นางฐิติมา กล่าวว่า โดยในวันที่ 13-17 ก.พ.นี้ จะเดินทางเพื่อติดตามการดำเนินงานและเร่งรัดแก้ปัญหาน้ำท่วม โดยจะลงพื้นที่ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำโดยหลังจากวันที่ 13 ก.พ.เวลา 10.00-12.00 น.มีการประชุม ครม.ให้เสร็จก่อนที่จะออกเดินทางโดยสถานที่แรกที่จะเดินทางไป คือ เขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ส่วนรายละเอียดต่างๆ จะมีการประชุมหารือกันอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้กรมทรัพยากรน้ำ ช่วยมองเรื่องลุ่มน้ำทั้งหมด ว่า มีแผนการจัดการอย่างไร ส่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ดูแลเรื่องการปล่อยน้ำ รายงานน้ำ ส่วนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้ดูเรื่องระบบเตือนภัย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเสียงสะท้อนจากประชาชนจึงได้เดินทางลงพื้นที่ อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรียังขอให้สำนักงบประมาณลงพื้นที่ไปด้วย เพื่อไปประเมินค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งนี้ ยังได้กำชับทุกกระทรวงให้ลงพื้นที่ดูในเรื่องท้องถิ่นด้วยเพราะทุกย่างต้องดำเนินการด้วยความโปร่งใส ส่วนวันที่ 21-22 ก.พ.จะไปประชุม ครม.สัญจรที่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี

นอกจากนี้ นายกฯยังได้พูดถึงงานสตรีท ซ็อคเกอร์ ซึ่งจะมีขึ้น 5 ก.พ.นี้ โดยวัตถุประสงค์ในการจัดงานเป็นการส่งเสริงการเล่นกีฬาเพื่อให้เยาวนชนห่างไกลจากยาเสพติด เวลา 15.00 น.ที่สนามเทพหัสดิน สนามศุภชลาศัย โดยนายกฯจะไปเป็นประธานในพิธีเปิดครั้งนี้ด้วย โดยทีมที่จะแข่งมีด้วยกัน 4 ทีม สองคู่ โดยคู่แรก ประกอบด้วย ทีม ครม.พบกับนักธุรกิจ ส่วนคู่ที่สองเป็นคู่สื่อมวลชน กับดารา

ต่อจากนั้น นายกฯได้กล่าวถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่จะมี พ.ร.ก.เข้าสู่สภา โดยขอให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องเตรียมข้อมูลโดยมอบหมายให้ นายกิตติรัตน์ เป็นประธาน และนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมเนื้อหาในการชี้แจงต่อสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งมอบหมายให้ นายกิตติรัตน์ เป็นผู้ชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญด้วย ส่วนร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯให้เตรียมการเรื่องการอภิปรายสภาและให้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรฯ เป็นผู้มาช่วยหารือในการอภิปรายในสภาด้วย ทั้งนี้ นายกฯยังขอให้ รมว.ต่างประเทศ และ รมว.วัฒนธรรม ได้สรุปความช่วยเหลือจากไจก้าก่อน ที่จะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ในช่วงต้นเดือนมีนาคม

รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า ครม.อนุมัติกรอบวงเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยครัวเรือนละ 5,000 บาท เพิ่มเติมในพื้นที่ 53 จังหวัด 27,342 ครัวเรือน วงเงิน 1,367.11 ล้านบาท โดยใช้งบกลาง และพื้นที่กรุงเทพมหานคร ก็เห็นชอบในหลักการในการให้ความช่วยเหลือกรอบครัวเรือน 467,887 ครัวเรือน วงเงิน 2,339.435 ล้านบาท โดยขออนุมัติจากงบกลางในการช่วยเหลือเพิ่มเติมให้ช่วยเหลือเสร็จสิ้นภายใน 45 วัน

นางฐิติมา กล่าวว่า นอกจากนี้ ครม.รับทราบผลสรุปการพิจารณาค่าใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยรวม 6 ครั้ง ที่ได้มีการอนุมัติไปวงเงิน 139,452.7876 ล้านบาท โดยเรื่องนี้สำนักงบประมาณและสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้ร่วมกันพิจารณาจากกรอบวงเงินที่ ครม.อนุมัติดังกล่าว ได้จัดสรรงบประมาณให้ส่วนราชการไปแล้ว 5 หมื่นล้านบาท และจะมีวงเงินที่ต้องพิจารณาจัดสรรอีก 7 หมื่นกว่าล้าน ซึ่งเมื่อตรวจสอบรายละเอียดแล้ว พบว่า แผนงานโครงการที่มีความพร้อมจัดสรรงบประมาณได้ วงเงินทั้งสิ้น 26,000 ล้านบาท เห็นควรให้หน่วยงานเร่งจัดสรรกับสำนักงบประมาณโดยทันที ส่วนที่เหลืออีก 41,000 ล้านบาท เห็นควรให้หน่วยงานเร่งรัดขอรับจัดสรรต่อสำนักงบประมาณภายใน 2 สัปดาห์ หากหน่วยงานไม่สามารถดำเนินการได้ ขอให้นำมาทบทวนความจำเป็นใหม่อีกครั้ง และนำเสนอคณะรัฐมนตรี
กำลังโหลดความคิดเห็น