xs
xsm
sm
md
lg

ผ่าตัด ครม.เศรษฐกิจปูแดง2 “ดรีมทีมตระกูลชิน”ของจริง

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวการเมือง

ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ ชินวัตร
โฉมหน้า “ปูแดง2”ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากการปรับคณะรัฐมนตรีล่าสุด ที่เป็นการปรับใหญ่หลายกระทรวง

“ทีมข่าวการเมืองASTVผู้จัดการ”เห็นว่าต้องพูดถึงเป็นพิเศษ ได้แก่ การผ่าตัดใหญ่ครม.เศรษฐกิจ ที่มีการปรับเปลี่ยนทั้งรัฐมนตรีว่าการฯและรัฐมนตรีช่วยว่าการ หลายกระทรวงประกอบกระทรวงการคลัง-พาณิชย์-พลังงาน-คมนาคม-อุตสาหกรรม

โฉมหน้าครม.เศรษฐกิจจะพบว่ายิ่งลักษณ์-ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีนกแก้วและนายกฯตัวจริงเห็นชอบแล้วในการชูให้ นายกิตติรัตน์ ณ ระนองขึ้นมาเป็น “กัปตันทีมเศรษฐกิจ”ของรัฐบาล จากเดิม “เสี่ยโต้ง”กิตติรัตน์ที่ก็เป็นมือวางอยู่แล้ว แต่ครั้งที่แล้วแค่ควบรองนายกฯ-รมว.พาณิชย์ยังไม่มีอำนาจใหญ่พอเท่ากับการควบรองนายกฯ-รมว.คลังรอบนี้

ชนิดเรียกได้ว่า อนาคตเศรษฐกิจการเงินการคลัง-การธนาคารและภาวะเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศทั้งการส่งออก-นำเข้า การลงทุน การเปิดตลาดการค้า การท่องเที่ยว ทั้งหมดอยู่ในกำมือของ “เสี่ยโต้ง”กิตติรัตน์ทั้งสิ้นในทางนิตินัย

แต่ในทางพฤตินัย ก็เชื่อว่าทักษิณไม่ได้ปล่อยมือให้กิตติรัตน์กุมอำนาจทุกอย่างทางเศรษฐกิจหมด ตัวทักษิณก็ยังเป็นคนคุมดูภาพรวมเศรษฐกิจระดับบนให้อีกที พร้อมกับทีมงานเศรษฐกิจรอบตัวทักษิณและยิ่งลักษณ์ เช่น วีรพงษ์ รามางกูร-นิพัทธ พุกกะณะสุต-โอฬาร ไชยประวัติ -พันศักดิ์ วิญญรัตน์ เป็นต้น

ส่วนสาเหตุที่กิตติรัตน์ได้เป็นรมว.คลังหลังทักษิณเขี่ย ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ออกจากรมว.คลัง ทั้งที่ธีระชัยถือได้ว่าเป็นสายตรงของตระกูลชินวัตรที่คนส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าธีระชัยจะกระเด็นออกจากครม.ไปเลย

มูลเหตุหลักก็คือ แนวคิดด้านเศรษฐกิจการคลังของธีระชัย อดีตผู้บริหารธปท. ก่อนจะโยกไปอยู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ไปด้วยกันไม่ได้กับทักษิณและกิตติรัตน์ ในเรื่องการดำเนินการตามร่างพระราชกำหนดปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินพ.ศ….ที่จะมีการโอนภาระหนี้สิน 1.14 ล้านบาทกลับไปให้กองทุนฯรับผิดชอบ ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย

แม้ตอนหลังธีระชัยจะรีบเปลี่ยนท่าทีโอนอ่อนผ่อนตาม และหันไปจับมือกับกิตติรัตน์ แต่ก็สายเกินไปเสียแล้วกับการที่ธีระชัยทำให้ผู้คนเห็นว่า ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล “ประสานงา”ไม่ใช่ประสานงานกันทำงาน และเชื่อว่าคงมีอีกหลายเรื่องที่ธีระชัยทำไม่ได้อย่างที่ทักษิณต้องการ สุดท้ายก็เลยกระเด็นออกจากครม.อย่างชอกช้ำ

การขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลเต็มตัวมากขึ้นของกิตติรัตน์ มองคร่าวๆ พบว่ามีภารกิจเร่งด่วนหลายเรื่องที่ต้องทำในฐานะรองนายกฯควบรมว.คลัง มีทั้งกรณีการเตรียมตัวชี้แจงเรื่องการออกพรก.เงินกู้ 4 ฉบับต่อรัฐสภา เพราะแม้ในอนาคตจะมีการประกาศบังคับใช้พรก.ทั้ง 4 ฉบับแล้ว แต่ก็ต้องนำพรก.ทั้ง 4 ฉบับเข้ารัฐสภาฯให้เห็นชอบอีกรอบ

เชื่อว่าทั้งฝ่ายค้าน-สว.จ้องลับดาบรุมยำกิตติรัตน์ หนักแน่กลางสภาฯ
 
รวมถึงอีกหลายเรื่องเร่งด่วนที่รอ กิตติรัตน์อยู่ อาทิ การต้องไปหารือกับทางธนาคารแห่งประเทศไทย สถาบันการเงิน ในเรื่องแนวทางการดำเนินการเรื่องกรอบเงินเฟ้ออันใหม่ -การหารือตามข้อเสนอให้มีการเปิดช่องทางให้ธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศสามารถเข้ามาทำธุรกิจในไทยเพิ่มขึ้น หลังมีการเร่งรัดให้กระทรวงการคลังพยายามหาข้อยุติให้ได้เร็วกว่าแผนเดิมที่วางไว้ว่าจะได้ข้อสรุปในปี 2557 เพื่อรองรับประชาคมอาเซียนในปี 2558

นอกจากนี้ ในฐานะกัปตันทีมเศรษฐกิจ ก็ยังต้องดูภาพใหญ่เรื่องการบริหารจัดการน้ำท่วมหลังจากนี้เพื่อเตรียมการรับมือกับฤดูฝนที่จะมาถึงในเดือนพ.ค.-มิ.ย.เป็นต้นไป ขณะที่ช่วงนี้ก็ต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศให้รักษาการลงทุนและขยายการลงทุนให้มากขึ้น ด้วยการสร้างความเชื่อมั่นว่าปีนี้น้ำจะไม่ท่วมกรุงเทพฯและปริมณฑลเหมือนปีที่ผ่านมา

ส่วนเพื่อนร่วมทีมครม.เศรษฐกิจ ดูชื่อแล้วหลายคนก็น่าจะเป็นมืออาชีพเฉพาะด้าน แต่บางคนเห็นแล้วดูเหมือนจะฝากผีฝากไข้ไว้ไม่ได้ เพราะได้ตำแหน่งมาเพราะโควต้าและปัจจัยการเมืองชัดๆ หาใช่เพราะความเก่งกาจด้านเศรษฐกิจอะไร

เช่น บุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ที่เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ลูกพี่ใหญ่ที่ “บุญทรง”ติดสอยห้อยตามเดินตามประกบ “เจ๊แดง”เยาวภามาตั้งแต่เป็นส.ส.เชียงใหม่สมัยแรกปี 2544 ถือได้ว่าเลือกเจ้านายถูกคนจริงๆ เพราะ “เจ๊แดง” อุปถัมม์ค้ำชูตลอด ได้เลื่อนชั้นจากรมช.คลังมาเป็นรมว.พาณิชย์ ทั้งที่พรรษาและบารมีทางเศรษฐกิจยังอ่อนหัดอยู่มาก

สมัย “บุญทรง” อยู่รมช.คลัง นโยบายหลายเรื่องที่รับผิดชอบ โดยเฉพาะ “บ้านหลังแรก-รถยนต์คันแรก”ก็มีปัญหาในทางปฏิบัติค่อนข้างมาก จนต้องมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดของนโยบายทั้งที่ผ่านครม.มาแล้ว

จึงถือว่า นอกจาก “บุญทรง”ไม่ใช่มืออาชีพของจริงแล้วยังทำงานไม่สำเร็จ

ยิ่งต่อมาพบว่า สเปกที่ออกมา เช่นโครงการบ้านหลังแรก กลุ่มบริษัทเอสซี เอสเซทฯ ที่ “ยิ่งลักษณ์” เคยเป็นประธานบริษัทและตอนนี้เครือข่ายตระกูลชินวัตรก็ยังเป็นผู้บริหารและถือหุ้นใหญ่อยู่ก็ได้ประโยชน์จากนโยบายนี้ด้วย

ก็ทำให้ “บุญทรง”เสียรังวัดไม่น้อยที่คิดไม่ถี่ถ้วน มุ่งแต่จะสนองธุรกิจให้แบ๊กอัพใหญ่ กลายเป็นเรื่องที่ถูกโยงไปถึง “ยิ่งลักษณ์”และธุรกิจในเครือชินวัตร

จึงไม่รู้ว่า เมื่อต้องมาคุม กระทรวงพาณิชย์โดยเฉพาะการคุมเรื่อง โควต้าส่งออกสินค้าเกษตรอย่าง ข้าว จะพลาดอะไรอีกหรือไม่?

ขณะที่ พิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรมว.แรงงานที่หลุดจากเก้าอี้ ทั้งที่ถูกมองว่าเป็นนายทุนพรรค ใกล้ชิดกับทั้งยิ่งลักษณ์ ชินวัตรรวมถึงต่อสายพูดคุยได้กับทักษิณ ชินวัตร ตลอดเวลา เหตุที่โดนปรับออก คงเพราะเรื่องการทำงานของ “พิชัย”หลายเรื่องที่ทักษิณเห็นว่าไม่น่าจะพลาดให้เป็นจุดอ่อนให้รัฐบาลได้

เช่นกรณีนโยบายคูปองส่วนลด 2 พันบาทที่แจกให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วมนำไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งไม่ประชาสัมพันธ์ให้ดีและไม่คิดให้ถี่ถ้วน ทำให้ประชาชนหลายจังหวัดออกมาประท้วงปิดถนนฉีกหน้ารัฐบาล จนยิ่งลักษณ์ต้องออกมาขอโทษประชาชน

ตลอดจนกรณีที่ม็อบผู้ประกอบการรถแท๊กซี่และผู้ประกอบการขนส่งปิดถนนย่านห้าแยกลาดพร้าว-วิภาวดีรังสิตเพื่อประท้วงการขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวี แล้วพิชัยเคลียร์ปัญหาได้ช้า ก็ทำให้ทักษิณไม่ค่อยพอใจ

เพราะนโยบายของทักษิณที่ทำมาตลอดก็คือ คนที่ทำงานด้วยจะต้องวิ่งเข้าหาปัญหาก่อนที่ปัญหาจะวิ่งมาหารัฐบาล รวมถึงมีข่าวว่ามีแกนนำเพื่อไทยบางคนก็บินไปฟ้องทักษิณที่ต่างประเทศว่า พิชัย หลุดเรื่องการเมืองในรัฐบาลกับสื่อค่อนข้างมาก เมื่อเรื่องสะสมมีหลายเรื่อง ส่งผลให้พิชัยหลุดจากครม.ไป

ทว่าให้วิเคราะห์จริงๆ เหตุผลที่มีความเป็นไปได้มากอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ทักษิณต้องการเอาคนของตัวเองจริงๆอย่าง “อารักษ์ ชลธาร์นนท์”อดีตบิ๊กไทยคม บริษัทในเครือชินคอร์ป ที่วางรากฐานธุรกิจสื่อสารขนาดใหญ่ให้ชินคอร์ปตัวจริงที่ก็คือลูกน้องเก่าที่รู้ใจรู้มือกันดี มานั่งเป็นรมว.พลังงานในโควต้ากลางอยู่แล้ว

ยิ่งกระทรวงพลังงานนับวันมีความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเกิดประชาคมอาเซียนปี 2558 ที่จะทำให้อาเซียนกลายเป็นแหล่งผลิตน้ำมันอันดับสองของโลกรองจากตะวันออกกลาง อีกทั้งการทำข้อตกลงการแบ่งปันผลประโยชน์พลังงานบริเวณอ่าวไทย-กัมพูชาของไทยกับรัฐบาลกัมพูชาและการบุกเบิกธุรกิจพลังงานระหว่างไทยกับลาว

ถ้าฝ่ายไทย บรรลุข้อตกลงเรื่องผลประโยชน์พลังงานกับกัมพูชา-ลาวรวมถึงพม่า เป็นผลสำเร็จและเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่มากกว่าประเทศอื่น ผลประโยชน์เรื่องพลังงานจะมีให้กินกันไม่หมดยิ่งกว่าผลประโยชน์โทรคมนาคมหลายเท่า

ทักษิณ เองก็มองเห็นผลประโยชน์ตรงนี้ จึงต้องการเอาคนที่รับลูกเรื่องธุรกิจพลังงานที่ตัวเองวางใจได้มาคุมกระทรวงพลังงานแทน “พิชัย” ดีกว่า

มันจึงเป็นที่มาของการตั้ง “อารักษ์” คนสายชินฯ มาเป็นรมว.พลังงาน

เช่นเดียวกับการที่เอา นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ มานั่งเก้าอี้รมว.คมนาคม ซึ่งรู้กันว่าเป็นมือไม้ที่คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร์ไว้เนื้อเชื่อใจมาก นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตผู้บริหารไอทีวีและชินคอร์ป มาเป็นรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่คาดว่าจะคุมเรื่องสื่อ รวมถึงการตั้งชัชชาติ สิทธิพันธุ์ คนใกล้ชิดทักษิณที่รู้เรื่องโทรคมนาคมดีที่สุดคนหนึ่งมาเป็นรมช.คมนาคม

ครม.เศรษฐกิจปูแดง2 รอบนี้ “ดรีมทีมตระกูลชิน”ของจริงทุกคน
กิตติรัตน์ ณ ระนอง
บุญทรง เตริยาภิรมย์
อารักษ์ ชลธาร์นนท์
จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ
กำลังโหลดความคิดเห็น