ปรับใหญ่ ครม.ทีมเศรษฐกิจ “คลัง-พาณิชย์-คมนาคม-พลังงาน” ตัวจริงเข้าประจำตำแหน่ง “กิตติรัตน์” เชื่อปรับ ครม.ครั้งนี้ เป็นผลในทิศทางที่ดีขึ้น และเป็นผลดีต่อประเทศ เพราะบางคนถูกโยกไปที่อื่นที่งานหนักขึ้น และบางคนต้องไปทำงานนอก ครม.พร้อมยอมรับโผหน้าสื่อแม่นยำกว่า 90% พร้อมเปิดโผ ครม.ปู 2 “สุกำพล” พร้อมรับเก้าอี้ รมว.กลาโหม หากนายกฯ มอบหมาย “อารักษ์” ลูกหม้อชินวัตร ถูกดันนั่ง รมว.พลังงาน “จารุพงศ์” เลขาฯ พท.นั่ง รมว.คมนาคม “ณัฐวุฒิ” ผงาด รมช.เกษตรฯ “บุญทรง” ขึ้นชั้น รมว.พาณิชย์ “กิตติรัตน์” นั่งควบคลัง “ธีระชัย” หลุดวงโคจร
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีการโยกย้ายตำแหน่งสำคัญหลายเก้าอี้ โดยระบุว่า การตัดสินใจเป็นสิทธิขาดที่นายกรัฐมนตรีจะเคาะได้ทันที ไม่จำเป็นต้องพิจารณากรอบเวลา ส่วนรายชื่อที่จะมีการปรับเปลี่ยนนั้นจากที่สื่อนำเสนอนั้น ตนเองเห็นว่าแม่นยำกว่า 90%
นายกิตติรัตน์ ยังเชื่อว่า การปรับ ครม.ครั้งนี้ น่าจะเป็นผลดีต่อประเทศชาติ เพราะทำให้การทำงานมีความเข้มแข็งมากขึ้น บางคนถูกโยกไปที่อื่นที่งานหนักขึ้น บางคนไปทำงานนอก ครม. แต่หลังจากปรับ ครม.แล้วก็เชื่อว่ายังมีการทำงานต่อเนื่อง เพราะเป็นการกำหนดนโยบายรัฐบาล
“ส่วนตัว นายกฯ ไม่เคยมาบอกอะไร ไปโน่นมานี่ เป็นดุลพินิจของนายกฯ ทั้งหมด”
ด้าน พลอากาศเอก (พล.อ.อ.) สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยอมรับว่า ตนเองไม่รู้เรื่องการปรับ ครม.เลย ทั้งเรื่องที่ว่ามีการนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ไปแล้ว หรือแม้แต่ข่าวถูกโยกย้ายไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แทนพลเอก (พล.อ.) ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ซึ่งเพิ่งรู้จากสื่อเมื่อเช้านี้เอง
“ยังคงยืนยันว่าหากถูกปรับออกจริง ก็พร้อมยอมรับการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี หรือหากถูกโยกย้ายไปคุมกลาโหมก็พร้อม หากนายกรัฐมนตรีเห็นว่าเหมาะสม”
พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวถึงกรณีการจับกุมผู้ก่อการร้าย ว่า ในขณะนี้สนามบินต่างๆ ซึ่งอยู่ในความดูแลรับผิดชอบ ได้สั่งการให้มีการเข้มงวดเรื่องความปลอดภัยมากขึ้น พร้อมกับวิงวอนสื่อมวลชน ให้เพลาๆ การนำเสนอข่าวเรื่องดังกล่าว เพราะว่าจะเป็นผลเสียต่อประเทศ โดยเฉพาะเรื่องของการท่องเที่ยว
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 16 มกราคม 2555 (วานนี้) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้นำรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ทูลเกล้าฯแล้ว โดยมีการปรับตำแหน่งทั้งสิ้น 16 เก้าอี้ ดังนี้
1.นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
2.พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็น รองนายกรัฐมนตรี
3.พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
4.นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
5.นายอารักษ์ ชลธารนนท์ อดีตผู้บริหารไทยคม เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
6.นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช ฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
7.นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
8.นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
9.นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ
10.นางนลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
11.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยเป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
12.นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
13.นายศักดา คงเพชร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
14.นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
15.นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านคมนาคมจากจุฬาลงกรณ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
16.ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ อดีตคณบดีคณะนวัตกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม การปรับ ครม.ครั้งนี้ มีผู้หลุดออกจากตำแหน่งทั้งสิ้น 9 ราย ดังนี้
1.พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี
2.นายธีระชัย ภวนาถนรานุบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
3.นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
4.น.ส.กฤษณา สีหลักษณ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
5.นายกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
6.นายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
7.นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
8.นายสุรพงษ์ อึ้งอัมพรวิไล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
9.นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
