ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุม คณะรัฐมนตรีสัญจร ที่จ.เชียงใหม่ วานนี้ (15 ม.ค.) รัฐมนตรีเดินทางไปอย่างครบครันภายหลังมีข่าวการปรับครม.ยิ่งลักษณ์ ภายหลังเทศกาลตรุษจีนไปไปแล้วนั้น
อย่างไรก็ตามแม้รัฐมนตรีต่างๆ ได้เดินทางมาประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง ขาดเพียงแต่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เท่านั้น ที่ไม่ได้เดินทางมาประชุม
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีรายชื่อถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรี ว่า ไม่ทราบเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี และตนก็ไม่น่าจะถูกปรับออก
**โฆษก พท. ปัด "111+109" เอี่ยว
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่าตนยืนยันว่าจะมีการปรับ ครม. ภายในปี 2555 แน่นอน แต่จะเป็นเดือดไหน วันไหน ตนไม่ทราบ เพราะเป็นอำนาจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่จะเป็นผู้เสนอราชชื่อ ครม. ขึ้นทูลเกล้าฯ อย่างไรก็ตาม การการปรับ ครม.นั้นจะต้องยึดเอาประชาชนเป็นตัวตั้ง ไม่ได้เป็นการรับเพื่อแก้ปัญหาการเมืองภายในพรรคเพื่อไทย หรือพรรคร่วมรัฐบาลแต่อย่างใด ที่สำคัญในพรรคเพื่อไทย มีสามาชิกเป็นจำนวนมาก หากจะปรับเปลี่ยน ก็มีสมาชิกที่มีความพร้อม ที่จะไปรับตำแหน่งทางการบริหาร
ส่วนมีกระแสข่าวว่า มีผู้ใหญ่ที่คนในพรรคเพื่อไทย ให้ความนับถือ เข้ามาเกี่ยวข้องกับการปรับ ครม. เช่น กรณีที่มีข่าวว่า นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพี่สาว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขัดขวางไม่ให้มีการปรับนายวรวัจน์ เอื่ออภิญญากุล ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะคนในบ้านเลขที่ 111 หรือ 109 ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ไม่สามารถที่จะเข้ามาแซกแทรงการทำหน้าที่ในตำแหน่งบริหารได้ ซึ่งข่าวในลักษณะนี้ อาจจะทำให้ฝั่งตรงข้าม เสนอยุบพรรคเพื่อไทยได้ ดังนั้น หากมีการเสนอข่าวลักษณะนี้ ควรจะมีการเปิดเผยแหล่งข่าวให้ชัดเจน เพราะการปรับ ครม. นั้น พรรคเพื่อไทย มีมติว่า ให้เป็นหน้าที่ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เท่านั้น และที่ผ่านมาก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงมติแต่อย่างใด
**โฆษก ภท. ชี้ควรให้ รมต.ได้โชว์ฝีมือ
นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ตนเห็นว่ารัฐบาลทำงานได้ไม่นาน ทำไมจึงรีบปรับ ครม.นัก เพราะที่ผ่านมารัฐมนตรีแต่ละกระทรวงก็ยังไม่ได้พิสูจน์ฝีมือ เนื่องจากติดปัญหาน้ำท่วม และเพิ่งจะได้ทำงานอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เห็นว่าควรปรับเพื่อความเป็นอยู่ของประชาชน ก็สามารถทำได้ แต่ถ้าเห็นว่าปรับเพื่อเหตุผลทางการเมือง ตนว่าเวลานี้ยังไม่เหมาะสม เพราะเร่งรีบที่จะปรับจนเกินไป รัฐบาลยังมีเรื่องอื่นที่ต้องทำอีกเป็นจำนวนมาก
**รื้อใหญ่ 7 คน“อนุดิษฐ์”หลุดไอซีที
ขณะที่กระแสการปรับครม.ในช่วงตรุษจีน มีการยืนยันแล้วว่า นายกรัฐมนตรีได้รับแจ้งจากพรร ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน (ชพน.) ว่าอาจจะปรับเปลี่ยนตัวนายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.อุตสาหกรรม เนื่องจากมีปัญหาด้านสุขภาพ
ขณะที่การพูดคุยในพรรค มีการเสนอชื่อในกลุ่มต่าง ๆของพรรคเพื่อไทยแล้ว เช่น นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ จะนั่งควบตำแหน่ง รมว.คลัง อีกตำแหน่ง โดยเปิดทางให้นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช หรือนายยรรยง พวงราช มานั่งกระทรวงพาณิชย์แทน
มีความเห็นว่า หากโยก พล.อ.อ. สุกำพล สุวรรณทัต ไปเป็น รมว.กลาโหม แทน พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา คนที่จะมานั่งแทนควรจะเป็นคนนอกพรรค
ขณะที่คนอื่น เช่น นางกฤษณา สีหรักษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว. ศึกษาธิการ และ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นายกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ รมช.คมนาคม มีชื่อในข่ายปรับออก
“ต้องจับตาว่าแกนนำบ้าน 111-109 บางคนกำลังจะเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ต่างประเทศ ก่อนเทศกาลตรุษจีน โดยมีการนำรายชื่อไปชี้แจง โควตาของกลุ่มตัวเอง”แหล่งข่าวระบุ
**ปชป.ซัดปรับครม.ปูนับถอยหลังแน่
นายเทพไท เสนพงษ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเงา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีได้กล่าวอวยพรให้รัฐบาลของน.ส.ยิ่งลักษณ์อยู่ได้ถึง 6 ปี ว่า เป็นความรู้สึกของนายสมชายที่อยากจะทดแทนความรู้สึกของตนเอง เพราะเป็นรัฐบาลได้แค่3 เดือนเท่านั้น
อย่างไรก็ตามตนเห็นว่าอายุของรัฐบาลชุดนี้จะอยู่ได้นานเท่าใด ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของน.ส.ยิ่งลักษณ์ และมี3 ปัจจัยที่จะทำให้รัฐบาลชุดนี้อายุสั้น คือ 1. การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้ายังยืนยันจะแก้ไข และยังไม่ตกผลึกและยังปล่อยให้มีการเคลื่อนไหวอย่างสะเปะสะปะยังไม่สามารถสรุปได้ ก็จะเกิดความขัดแย้งในสังคมและนำมาซึ่งจุดจบของรัฐบาล 2. เรื่องการเยียวยาผู้เสียชีวิตจากการชุมนุมทางการเมือง ซึ่งถือเป็นมติครม.ที่อัปยศที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่คนส่วนใหญ่รับไม่ได้และกระแสนี้จะกระพรือขยายความวุ่นวายและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนเกิดอารยะขัดขืนต่อรัฐบาลชุดนี้ขึ้นเรื่อยๆ
3. การปรับครม.ของรัฐบาลที่ทุกครั้งที่มีการปรับครม.จะเป็นการนับถอยหลังของรัฐบาลชุดนั้น เพราะจะมีการความแตกแยก และการชิงดีชิงเด่นในพรรคร่วมรัฐบาลเกิดขึ้น เห็นได้ชัดว่าขณะนี้เริ่มมีการปล่อยข่าวจะริบโควตารัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาลออกเพื่อดึงบางกลุ่มเข้า แม้แต่ในพรรคเพื่อไทยเองก็มีการวิ่งไปถึงดูไบเพื่อขอตำแหน่งจากนายใหญ่ ตนคิดว่าไม่มีใครพอใจจากการถูกปรับออกจากตำแหน่งก็จะเกิดความน้อยใจ และจะทำให้ปัญหาความขัดแย้งในรัฐบาลเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นจุดจบของรัฐบาลเช่นกัน
อย่างไรก็ตามแม้รัฐมนตรีต่างๆ ได้เดินทางมาประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง ขาดเพียงแต่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เท่านั้น ที่ไม่ได้เดินทางมาประชุม
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีรายชื่อถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรี ว่า ไม่ทราบเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี และตนก็ไม่น่าจะถูกปรับออก
**โฆษก พท. ปัด "111+109" เอี่ยว
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่าตนยืนยันว่าจะมีการปรับ ครม. ภายในปี 2555 แน่นอน แต่จะเป็นเดือดไหน วันไหน ตนไม่ทราบ เพราะเป็นอำนาจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่จะเป็นผู้เสนอราชชื่อ ครม. ขึ้นทูลเกล้าฯ อย่างไรก็ตาม การการปรับ ครม.นั้นจะต้องยึดเอาประชาชนเป็นตัวตั้ง ไม่ได้เป็นการรับเพื่อแก้ปัญหาการเมืองภายในพรรคเพื่อไทย หรือพรรคร่วมรัฐบาลแต่อย่างใด ที่สำคัญในพรรคเพื่อไทย มีสามาชิกเป็นจำนวนมาก หากจะปรับเปลี่ยน ก็มีสมาชิกที่มีความพร้อม ที่จะไปรับตำแหน่งทางการบริหาร
ส่วนมีกระแสข่าวว่า มีผู้ใหญ่ที่คนในพรรคเพื่อไทย ให้ความนับถือ เข้ามาเกี่ยวข้องกับการปรับ ครม. เช่น กรณีที่มีข่าวว่า นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพี่สาว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขัดขวางไม่ให้มีการปรับนายวรวัจน์ เอื่ออภิญญากุล ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะคนในบ้านเลขที่ 111 หรือ 109 ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ไม่สามารถที่จะเข้ามาแซกแทรงการทำหน้าที่ในตำแหน่งบริหารได้ ซึ่งข่าวในลักษณะนี้ อาจจะทำให้ฝั่งตรงข้าม เสนอยุบพรรคเพื่อไทยได้ ดังนั้น หากมีการเสนอข่าวลักษณะนี้ ควรจะมีการเปิดเผยแหล่งข่าวให้ชัดเจน เพราะการปรับ ครม. นั้น พรรคเพื่อไทย มีมติว่า ให้เป็นหน้าที่ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เท่านั้น และที่ผ่านมาก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงมติแต่อย่างใด
**โฆษก ภท. ชี้ควรให้ รมต.ได้โชว์ฝีมือ
นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ตนเห็นว่ารัฐบาลทำงานได้ไม่นาน ทำไมจึงรีบปรับ ครม.นัก เพราะที่ผ่านมารัฐมนตรีแต่ละกระทรวงก็ยังไม่ได้พิสูจน์ฝีมือ เนื่องจากติดปัญหาน้ำท่วม และเพิ่งจะได้ทำงานอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เห็นว่าควรปรับเพื่อความเป็นอยู่ของประชาชน ก็สามารถทำได้ แต่ถ้าเห็นว่าปรับเพื่อเหตุผลทางการเมือง ตนว่าเวลานี้ยังไม่เหมาะสม เพราะเร่งรีบที่จะปรับจนเกินไป รัฐบาลยังมีเรื่องอื่นที่ต้องทำอีกเป็นจำนวนมาก
**รื้อใหญ่ 7 คน“อนุดิษฐ์”หลุดไอซีที
ขณะที่กระแสการปรับครม.ในช่วงตรุษจีน มีการยืนยันแล้วว่า นายกรัฐมนตรีได้รับแจ้งจากพรร ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน (ชพน.) ว่าอาจจะปรับเปลี่ยนตัวนายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.อุตสาหกรรม เนื่องจากมีปัญหาด้านสุขภาพ
ขณะที่การพูดคุยในพรรค มีการเสนอชื่อในกลุ่มต่าง ๆของพรรคเพื่อไทยแล้ว เช่น นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ จะนั่งควบตำแหน่ง รมว.คลัง อีกตำแหน่ง โดยเปิดทางให้นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช หรือนายยรรยง พวงราช มานั่งกระทรวงพาณิชย์แทน
มีความเห็นว่า หากโยก พล.อ.อ. สุกำพล สุวรรณทัต ไปเป็น รมว.กลาโหม แทน พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา คนที่จะมานั่งแทนควรจะเป็นคนนอกพรรค
ขณะที่คนอื่น เช่น นางกฤษณา สีหรักษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว. ศึกษาธิการ และ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นายกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ รมช.คมนาคม มีชื่อในข่ายปรับออก
“ต้องจับตาว่าแกนนำบ้าน 111-109 บางคนกำลังจะเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ต่างประเทศ ก่อนเทศกาลตรุษจีน โดยมีการนำรายชื่อไปชี้แจง โควตาของกลุ่มตัวเอง”แหล่งข่าวระบุ
**ปชป.ซัดปรับครม.ปูนับถอยหลังแน่
นายเทพไท เสนพงษ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเงา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีได้กล่าวอวยพรให้รัฐบาลของน.ส.ยิ่งลักษณ์อยู่ได้ถึง 6 ปี ว่า เป็นความรู้สึกของนายสมชายที่อยากจะทดแทนความรู้สึกของตนเอง เพราะเป็นรัฐบาลได้แค่3 เดือนเท่านั้น
อย่างไรก็ตามตนเห็นว่าอายุของรัฐบาลชุดนี้จะอยู่ได้นานเท่าใด ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของน.ส.ยิ่งลักษณ์ และมี3 ปัจจัยที่จะทำให้รัฐบาลชุดนี้อายุสั้น คือ 1. การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้ายังยืนยันจะแก้ไข และยังไม่ตกผลึกและยังปล่อยให้มีการเคลื่อนไหวอย่างสะเปะสะปะยังไม่สามารถสรุปได้ ก็จะเกิดความขัดแย้งในสังคมและนำมาซึ่งจุดจบของรัฐบาล 2. เรื่องการเยียวยาผู้เสียชีวิตจากการชุมนุมทางการเมือง ซึ่งถือเป็นมติครม.ที่อัปยศที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่คนส่วนใหญ่รับไม่ได้และกระแสนี้จะกระพรือขยายความวุ่นวายและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนเกิดอารยะขัดขืนต่อรัฐบาลชุดนี้ขึ้นเรื่อยๆ
3. การปรับครม.ของรัฐบาลที่ทุกครั้งที่มีการปรับครม.จะเป็นการนับถอยหลังของรัฐบาลชุดนั้น เพราะจะมีการความแตกแยก และการชิงดีชิงเด่นในพรรคร่วมรัฐบาลเกิดขึ้น เห็นได้ชัดว่าขณะนี้เริ่มมีการปล่อยข่าวจะริบโควตารัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาลออกเพื่อดึงบางกลุ่มเข้า แม้แต่ในพรรคเพื่อไทยเองก็มีการวิ่งไปถึงดูไบเพื่อขอตำแหน่งจากนายใหญ่ ตนคิดว่าไม่มีใครพอใจจากการถูกปรับออกจากตำแหน่งก็จะเกิดความน้อยใจ และจะทำให้ปัญหาความขัดแย้งในรัฐบาลเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นจุดจบของรัฐบาลเช่นกัน