สะเก็ดไฟ
ในขณะที่รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ เพิ่งทำคลอดร่างพระราชกำหนด 4 ฉบับ ที่ถูกอ้างว่าจะนำมาใช้เป็นเครื่องมือฟื้นฟูประเทศหลังวิกฤตน้ำท่วม และมีการประกาศเตรียมทุ่มงบมหาศาล 2.7 ล้านล้านบาท สร้างอนาคตใหม่ให้ประเทศไทย
แต่ประชาชนนับล้านที่ประสบอุทกภัยยังไม่ได้รับเงินเยียวยา เพื่อประทังชีวิตครัวเรือนละ 5 พันบาท จนอดรนทนไม่ไหวบางพื้นที่ถึงกับออกมาปิดถนนประท้วง!
ที่สำคัญคือตัวผู้นำรัฐบาลมิได้อินังขังขอบกับความทุกข์ของคนไทยอย่างแท้จริง ไม่เหมือนกับที่เคยหาเสียงบนเวทีปราศรัยว่า “จะใช้สติปัญญาและหัวใจในการบริหารประเทศ”
บทพิสูจน์จากการบริหารประเทศแบบ “หนูไม่รู้ ดูแต่โพย กอบโกยให้พี่” ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาสะท้อนชัดว่า “ยิ่งลักษณ์” มีสติปัญญาไม่ต่างจากนกแก้วเจื้อยแจ้วได้ตาม “ใบสั่ง”เท่านั้น
ส่วนหัวใจที่จะบริหารประเทศนั้น ต้องบอกว่าแล้งไร้โดยสิ้นเชิง เพราะแม้ “ยิ่งลักษณ์” จะหลั่งน้ำตาที่นครสวรรค์แต่ก็เป็นเพียงฉากหนึ่งของการแสดงอารมณ์ร่วมสร้างความซาบซึ้งในหมู่สาวก
เพราะหาก “ยิ่งลักษณ์” มีหัวใจให้ประชาชนเหมือนที่ไปพูดที่จังหวัดนครศรีธรรมราชระหว่างการลงพื้นที่เยี่ยมประชาชนว่า
“ไม่ว่าจะอยู่จังหวัดไหน ภาคไหน ตราบใดที่พี่น้องประชาชนคนไทยมีความทุกข์ นั่นก็คือเป็นความทุกข์ของรัฐบาลด้วย”
“ยิ่งลักษณ์” ต้องไม่ใจดำจัดงานเลี้ยงขอบคุณ ศปภ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ราวกับว่า สถานการณ์น้ำท่วมในประเทศนี้เป็นศูนย์แล้ว ทั้งๆ ที่ความจริงไม่ใช่!
ปัจจุบันทาง ปภ.ระบุว่า พื้นที่ตอนบนของประเทศยังมีน้ำท่วมขังใน อ.บางเลน จ.นครปฐม มีผู้ได้รับความเดือดร้อน 15 ตำบล 180 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 43,760 คน
ถามว่า “ยิ่งลักษณ์” ในฐานะผู้นำประเทศรับรู้ข้อมูลนี้หรือไม่ เชื่อว่า “นายกฯ นกแก้ว” ไม่น่าจะรู้เพราะไม่เคยใส่ใจ
แม้แต่ประชาชนที่ประสบภัยหนาว จนถึงขณะนี้ก็ไม่เคยได้ยินนายกหญิงคนแรกของไทยแสดงความห่วงใย ทั้งๆ ที่มีถึง 20 จังหวัดแล้วที่ถูกประกาศเป็นเขตภัยพิบัติหนาว
ไม่รู้ร้อนรู้หนาวใดๆ ทั้งสิ้นกับความทุกข์ของประชาชน ขยันออกมติ ครม.กู้เงินสร้างหนี้ให้ประเทศลูกเดียว
คนนครปฐมยังจมน้ำกลับคิดจัดงานเลี้ยง ศปภ. ที่บริหารน้ำห่วยแตก จนคนด่าทั้งเมือง มียอดผู้เสียชีวิตสะสมจากวิกฤตน้ำครั้งนี้ถึง 815 คน ยังมีหน้าจะจัดงานอีเวนท์ถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์ปิดทำเนียบแจกประกาศเกียรติคุณกันแบบเอิกเกริก
ถือเป็นเรื่องที่น่าอับอาย สำหรับคนเป็นผู้นำที่คิดได้เพียงเท่านี้
จะกินอาหารเลิศหรูกันลงคอหรือในเมื่อ 20 จังหวัดประสบภัยพิบัติหนาว นครปฐมยังจมน้ำ อีกกว่า 50 จังหวัดประชาชนรายได้ชักหน้าไม่ถึงหลังเป็นหนี้เงินกู้เพราะชีวิตจมน้ำ
ขยันสร้างภาพอัปลักษณ์ตั้งแต่เริ่มบริหารประเทศ จนผ่านมา 6 เดือนก็ยังไม่ปรับปรุง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่มีแรงกระเพื่อมให้ปรับ ครม.อยู่ตลอดเวลา
ถ้า “ยิ่งลักษณ์” ไม่ใช่น้องสาวทักษิณ ชินวัตร น่าจะเป็นรายชื่อแรกที่ถูกปรับออก
แต่เพราะมีนายกรัฐมนตรีสติปัญญาเท่านกแก้ว เราก็เลยได้ ครม. สติปัญญานกเอี้ยงมาเลี้ยงควาย...จนคนไทยปวดใจ
เมื่อเปลี่ยนนกแก้วไม่ได้ บรรดานกเอี้ยงก็คือเป้าหมาย แต่คนเคาะสุดท้ายก็ยังคงเป็น ทักษิณ
รายชื่ออันดับต้นๆ ที่จะถูกเขี่ยพ้น ครม. คือ ธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล รมว.คลัง โดยมีกระแสว่า คนทางไกลต่อสายถึง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล และ วิชิต สุรพงษ์ชัย ไปจนถึงการปรับ กิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่กำลังวางเดินหน้าปล้นแบงก์ชาติมาควบ รมว.คลังแทน
ขณะที่อีกหลายตำแหน่งแย่งชามข้าวกันอุตลุด ชนิดที่อัดกันกลางที่ประชุมพรรคเพื่อไทยอย่างไม่เกรงใจ
วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.ศึกษาธิการ เจ้าของห้องทำงานสีม่วง เก้าอี้โยกคลอนเพราะมีหลายคนจ้องงาบ เช่นเดียวกับตำแหน่ง รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของ กฤษณา สีหลักษณ์ ที่ แกนนำแดงจ้องตระครุบครอบงำสื่อ มีการเสนอชื่อ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เข้าชิง แต่ดูเหมือนว่าน่าจะแห้วพราะคำตอบสุดท้ายของทักษิณ น่าจะอยู่ที่ชื่อของ นิวัฒน์ธำรงค์ บุญทรงไพศาล
รวมถึงศึกเกาเหลาในกระทรวงคมนาคมก็คงมีการจัดเส้นสายกันใหม่ ใครจะอยู่หรือไปก็ขึ้นอยู่กับว่ามีบิ๊กแบ็กปึ้กแค่ไหน
การเขย่าตำแหน่งภายในพรรคเพื่อไทยไม่น่าตื่นตาตื่นใจเท่ากับ “ทักษิณ” เตรียมเขี่ยพรรคชาติไทยพัฒนาออกจาก ครม. หลังจากไม่สามารถต่อรองให้ บรรหาร ศิลปอาชา คืนกระทรวงเกษตรฯได้
ถึงขนาดมีการต่อสายตรงถึง เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล บุตรชายของ ชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้เดินเกมดึง ส.ส.ออกจากอก เนวิน ชิดชอบ ให้ได้มากที่สุด พร้อมกับขึ้นบัญชีดำ ส.ส.ที่ไม่รับเข้ามาร่วมวงงาบประเทศ คือ กลุ่มก๊วนที่ใกล้ชิด เนวิน อาทิ โสภณ ซารัมย์ บุญจง วงศ์ไตรรัตน์ เป็นต้น
ก็ไม่รู้ว่า “เนวิน” จะรู้ตัวหรือยัง ว่าเพื่อนเรากำลังเผาเรือน?