ปชป.ย้อนถามนโยบายรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” ขึ้นราคาก๊าซ กระชากค่าครองชีพขึ้น เปรียบอุ้มคนรวยทำร้ายคนจน จี้ถามจุดยืน “ดร.โกร่ง” เปลี่ยนสีตามสถานะ ย้ำธปท.ไม่ควรสนองตัณหารัฐบาล เฉ่ง คอ.ธน.ใช้เกณฑ์อะไรวัดแต่งตั้ง 34 อรหันต์แก้ รธน.
วันนี้ (9 ม.ค.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีผู้ประกอบการรถบรรทุก และรถแท็กซี่ปิดถนนคัดค้านการขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวี และ แอลพีจี เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการทำงานที่ไม่มีแบบแผนในการจัดการปัญหา ไม่มีความรับผิดชอบต่อประชาชนตามที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ เคยหาเสียงไว้ที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน ระบุชัดเจนว่า หากชนะเลือกตั้งมีโอกาสได้จัดตั้งรัฐบาลสิ่งแรกที่จะทำ คือการแก้ปัญหาปากท้อง กระชากค่าครองชีพลงมา ยกเลิกกองทุนน้ำมัน ซึ่งที่ผ่านมา นอกจากรัฐบาลจะไม่เคยยกเลิกกองทุนน้ำมันแล้ว รัฐบาลกลับไม่สามารถกระชากค่าครองชีพลงมา มีแต่กระชากค่าครองชีพขึ้นไป ประชาชนที่ต้องใช้เอ็นจีวี แอลพีจี ต้องเดือดร้อน
ทั้งนี้ จากที่มีประชาชนมาปิดถนนประท้วง ทั้งที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รู้อยู่แล้ว แต่กลับไม่ดำเนินการแก้ไขแต่เดินทางลงไปยังพื้นที่นครศรีธรรมราช เป็นการแสดงให้เห็นว่า ไม่รู้จักการจัดลำดับความสำคัญ เพราะควรจะลงไปแก้ปัญหาที่นครศรีธรรมราชตั้งแต่วันแรกๆ ไม่ควรอ้างว่าติดภารกิจที่สภา ทั้งที่ความจริงก็ไม่เห็นเข้าประชุมเท่าไหร่ ซึ่งหากเดินทางไปตั้งแต่วันนั้นก็จะมีเวลาแก้ปัญหาตรงนี้ ซึ่งตนเองเข้าใจประชาชนที่ออกมาประท้วง ซึ่งคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่เลือกพรรคเพื่อไทย เพราะมีนโยบายกระชากค่าครองชีพลงมา ซึ่งนอกจากจะไม่สามารถทำได้แล้วยังทำในสิ่งที่ตรงข้ามอีก 3-4 เดือนที่ผ่านมา ยังไม่เห็นมีการแก้ปัญหาปากท้อง แต่กลับพบการลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23% ถือเป็นการช่วยเหลือคนรวย ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาล มีแต่นโยบายทำร้ายคนจนอุ้มคนรวย
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีที่ นายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ออกมาระบุว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่สามารถทำตัวเป็นอิสระโดยไม่ฟังรัฐบาลไม่ได้ จึงขอถามย้อนกลับไปถึงท่าทีจุดยืนในอดีต ซึ่ง นายวีรพงษ์ เคยเขียนบทความคอลัมน์ “คนเดินตรอก” หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ เมื่อวันจันทร์ที่ 16 พ.ค.2548 ระบุว่า ธปท.ไม่ยอมขึ้นดอกเบี้ยเพราะไปฟังนโยบายจากฟังการเมือง ทั้งที่ธนาคารไม่ควรไปกำหนดนโยบายเพื่อสนองความต้องการของรัฐบาล
ทั้งนี้ จึงอยากถามจุดยืนของนายวีรพงษ์ ว่าเป็นอย่างไร หรือเปลี่ยนแปลงไปตามสถานะว่า ถ้า นายวีรพงษ์ ไม่มีบทบาทอยู่ในรัฐบาล ธนาคารกลางก็ไม่จำเป็นต้องฟังรัฐบาลหรือไม่ ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ที่จะต้องใช้หนังสือตำราเรียนของ นายวีรพงษ์ จะได้เข้าใจท่าทีที่ชัดเจน
นายชวนนท์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลมีแนวคิดจะแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 291 เปิดทางให้มีการตั้ง ส.ส.ร.3 ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ได้มีท่าทีขัดข้องแต่ขอให้ระบุรายละเอียดการแก้ไขให้ชัดเจน แต่ที่ผ่านมา นายอุกฤษ มงคลนาวิน ประธานคณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.) เสนอตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 34 คน ซึ่งบางคนมาจากฝ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการร่างรัฐธรรมนูญ การที่ระบุว่า หาก ส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้งจะเผด็จการมากกว่านี้นี้นั้น จึงอยากถามว่าใช้หลักอะไรในการแต่งตั้ง
นอกจากนี้ การระบุว่า รัฐธรรมนูญที่มาหลังเผด็จการไม่เป็นประชาธิปไตยนั้น ต้องย้อนถามกลับไปเมื่อสมัยหลังเข้ายึดอำนาจของ คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) นายอุกฤษ ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และยังกลับมาเป็นประธานวุฒิสภา ตามรัฐธรรมนูญฉบับที่ร่างขึ้นมา และที่สำคัญ ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง จึงอยากถามว่า นายอุกฤษ มีหลักการอะไรว่ารัฐธรรมนูญฉบับไหนเป็นเผด็จการไม่เป็นประชาธิปไตย
