xs
xsm
sm
md
lg

คอ.นธ.ไม่เอา “ส.ส.ร.” แก้ รธน. “อุกฤษ-ทักษิณ” สอดคล้องกัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทักษิณ ชินวัตร
ผ่าประเด็นร้อน

เสียงค้านดังกว่าเสียงตอบรับอย่างเห็นได้ชัดกับสมุดปกสีชมพู เรื่อง “การแก้ไขปัญหาบ้านเมืองว่าด้วยความสามัคคีและความสมานฉันท์ของคนในชาติ” ที่เป็นข้อเสนอและจุดยืนของ “คณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ” หรือ คอ.นธ.

ที่มี ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน อดีตประธานรัฐสภาเป็นประธาน อันเป็นกรรมการที่แต่งตั้งอย่างเป็นทางการด้วยมติคณะรัฐมนตรี และการออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อรองรับการเกิดขึ้นและมีอยู่ของ “คอ.นธ.” จากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

“คอ.นธ.” จึงไม่ใช่กรรมการเถื่อน

ข้อเสนอ “”การแก้ไขปัญหาบ้านเมืองว่าด้วยความสามัคคีและความสมานฉันท์ของคนในชาติ” ทุกคนที่ได้อ่านอย่างละเอียดคงจะเห็นตรงกันว่า มันคือการ “ตีกิน” ของ คอ.นธ. ที่ชุดความคิดต่างๆ ที่นำเสนอล้วนสอดรับกับการแสดงความเห็นทางการเมืองที่ผ่านมาของทักษิณ ชินวัตร และพวกเสื้อแดงเกือบทุกเรื่อง

ไม่ว่าจะเป็นการไม่ยอมรับต่อรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน หรือการมีอยู่ขององค์กรอิสระต่างๆ ในเวลานี้ เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ด้วยการอ้างว่าถูกแต่งตั้งจากคณะรัฐประหาร ไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ จึงควรต้องลาออกไป

หรือแนวคิดเรื่องการสร้างความยุติธรรม นิติธรรมในประเทศ ก็จะพบว่าล้วนอยู่ในชุดความคิดเดียวกับ ทักษิณ หรือแม้แต่ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

จึงแสดงให้เห็นว่า ที่คนพูดกันว่า “อุกฤษ” คือที่ปรึกษากฎหมายที่คนในตระกูลชินวัตรนับถือและขอคำแนะนำเป็นการส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นทักษิณ ชินวัตร รวมถึงคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร จึงมิผิดไปจากที่ร่ำลือกัน

แม้แต่กับเรื่อง แก้ไขรัฐธรรมนูญ อุกฤษ และคอ.นธ.ก็ย้ำว่า การแก้รัฐธรรมนูญรัฐบาลไม่ทำไม่ได้ ต้องรีบทำทันที แต่ต้องทำประชามติ

แต่สิ่งที่ คอ.นธ.เห็นแตกต่างไปจากแกนนำพรรคเพื่อไทยและ ส.ส.เพื่อไทยส่วนใหญ่ คือ คอ.นธ.มีจุดยืนว่าไม่เห็นด้วยกับการให้ตั้ง “สภาร่างรัฐธรรมนูญ” ที่มี ส.ส.ร.99 คน แต่ให้ใช้วิธีการออกมติ ครม.แต่งตั้ง “กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ” แทน

แนวคิดไม่เอา “ส.ส.ร.” ของ คอ.นธ.จะพบว่า ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า ทักษิณ ชินวัตร พูดกับ ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่เดินทางไปหาที่ประเทศสิงคโปร์เมื่อเดือนธันวาคม 2554 โดยทักษิณบอกว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญน่าจะทำให้เสร็จโดยเร็ว ด้วยการแก้ไขเพียงไม่กี่มาตราที่มีปัญหา ไม่จำเป็นต้องตั้ง ส.ส.ร.

สอดรับและสอดคล้องกันอย่างเห็นได้ชัดระหว่าง “ทักษิณ-อุกฤษ”

ถือเป็นแนวคิดและข้อเสนอที่ไล่ตามกระแสสังคมไม่ทันเสียแล้ว เพราะเวลานี้กระแสสังคมส่วนหนึ่งบอกว่าหากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ไม่ขัดข้อง ขอให้อธิบายให้สังคมเข้าใจเหตุผลและความจำเป็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าประชาชนได้อะไร แก้เพื่อคนคนเดียวคือทักษิณ ชินวัตร หรือไม่ และต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมใน 2 กระบวนการ

คือ หนึ่งให้เลือก ส.ส.ร.จังหวัดที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง และสอง ต้องมีการทำประชามติ

แต่ “อุกฤษ-คอ.นธ.” กลับจะหักดิบ ไม่เอา ส.ส.ร.แต่ให้ตั้งกรรมการร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมขึ้นจำนวน 30-35 คน โดยกำหนดสเปกว่าต้องเป็นคนที่มีความรู้ ประสบการณ์ด้านรัฐธรรมนูญ เป็นนักรัฐธรรมนูญ โดยต้องไม่เลือกจากเฉพาะบุคคลฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และต้องไม่เป็นผู้มีแนวความคิดทางเดียวกัน ให้เวลายกร่าง 60 วัน

โดย คอ.นธ.อ้างว่าการตั้ง ส.ส.ร.99 คน ไม่ถูกต้องเพราะรัฐธรรมนูญก็เหมือนบ้าน เมื่อจะสร้างบ้าน ก็ต้องใช้สถาปนิกและวิศวกร เป็นผู้เขียนแบบ ดีกว่าจะใช้วิธีเลือก ส.ส.ร.ที่ขาดความรู้และประสบการณ์ ที่จะถูกครองงำได้ง่าย อีกทั้งยุ่งยากและเสียเวลา

บทสรุปดังกล่าว ตามขั้นตอนหลังจากที่ คอ.นธ.นำเสนอแนวทางต่อสังคมแล้ว ก็ยังต้องส่งข้อเสนอนี้ต่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการด้วยตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีที่คลอด คอ.นธ.ออกมา ที่บอกให้ คอ.นธ.ต้องทำรายงานเสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้ทราบเป็นระยะ

ถ้า ครม.เห็นด้วยกับข้อเสนอของ คอ.นธ. หลังจากล่าสุดฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาลอย่าง “ชาติไทยพัฒนา” ก็ดูจะเอาด้วยกับแนวทางนี้ เท่ากับว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะถูกรวบรัดตัดตอนทันที ปิดช่องการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเลือก ส.ส.ร.แม้จะมีการยึดโยงเอาไว้ให้อยู่ทางอ้อม คือ เมื่อกรรมการร่างรัฐธรรมนูญตามโมเดลของ คอ.นธ.ยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว ก็ต้องส่งเรื่องไปให้ “รัฐสภา” พิจารณา 3 วาระ

ซึ่ง ส.ส.และ ส.ว.สามารถที่จะโหวตไม่เห็นชอบหรือเห็นชอบในวาระแรกได้ โดยดูจากเนื้อหาทั้งหมดที่กรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญตามโมเดล คอ.นธ. ยกร่างมารวมถึงฟังกระแสสังคมว่าเห็นด้วยกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวหรือไม่ หากสังคมส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย ก็ยากที่รัฐสภาจะโหวตเห็นชอบ

หรือหากผ่านวาระแรกไปแล้ว ในขั้นตอนการพิจารณาของกรรมาธิการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐสภา ที่ตั้งขึ้นมาหลังรัฐสภาผ่านวาระแรก

ถ้าสมาชิกรัฐสภาทั้ง ส.ว.-ส.ส.รัฐบาลและฝ่ายค้าน เห็นว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่กรรมการร่างรัฐธรรมนูญยกร่างมามีความไม่สมบูรณ์ มีการหมกเม็ดอำพรางช่วยเหลือใครคนใดคนหนึ่งหรือยกร่างรัฐธรรมนูญออกมาไม่เป็นประชาธิปไตย แทนที่จะทำให้ประเทศพัฒนาขึ้นกลับถอยหลังลงคลอง เป็นรัฐธรรมนูญที่จะสร้างปัญหาความขัดแย้งให้มากขึ้น ก็สามารถไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขถ้อยคำหรือตัดออก-เพิ่มเติมในชั้นกรรมาธิการได้

อีกทั้งเมื่อเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมรัฐสภาวาระ 2 และ 3 ทาง ส.ส.-ส.ว.ก็ยังสามารถต่อสู้กันได้อีกในการจะใช้มติเสียงข้างมากในที่ประชุม เปลี่ยนแปลงถ้อยคำ-บทบัญญัติในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ออกมาจากชั้นกรรมาธิการฯ จนไปสิ้นสุดในการต่อสู้กันในวาระ 3 ในชั้นโหวตให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ

จริงอยู่ว่า กว่ารัฐสภาจะโหวตให้ความเห็นชอบ-ไม่เห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญออกมาได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย ย่อมมีทั้งฝ่ายเห็นด้วย-ไม่เห็นด้วยในกลุ่ม ส.ส.-ส.ว.

ไหนจะกระแสสังคมนอกรัฐสภาที่เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการชี้ว่า รัฐสภาจะผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่

ที่ต้องยอมรับความจริงว่า หาก ครม.ยิ่งลักษณ์จะใช้โมเดลของ คอ.นธ.ที่จะไม่ให้มี ส.ส.ร. แล้วแต่งตั้ง-คัดเลือกกรรมการร่าง รธน.ตามข้อเสนอ คอ.นธ. คนก็ย่อมมองว่าแค่ขั้นตอนแรกของการชำเรารัฐธรรมนูญ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จแล้ว

ถือเป็นเรื่องเสี่ยงอย่างมากของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ถ้าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยวิธีนี้

ที่หลายคนบอกไว้ก่อนหน้านี้ว่า การเมืองในปี 2555 จะร้อนแรง มีชนวนนำไปสู่ความขัดแย้งขึ้นอีกรอบ จนอาจทำให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์บริหารประเทศไปด้วยความยากลำบากก็น่าจะเป็นเรื่องจริง

ยิ่งเมื่อดูรายชื่อ 34 อรหันต์แก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ คอ.นธ.โยนชื่อออกมาเป็นตุ๊กตา ก็เห็นเจตนาได้ชัดว่า มุ่งเอาเรื่องการเมืองเป็นหลักไม่ใช่มุ่งประโยชน์สูงสุดที่สังคมจะได้รับในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

แม้จะประกอบด้วยบุคคลจากหลายฝ่าย แต่ไม่มีตัวแทนจากซีกประชาธิปัตย์หรือองค์กรอิสระร่วมอยู่เลย อีกทั้งใน 34 คนดังกล่าว ก็จะเห็นได้ว่า เป็นสาย “เพื่อไทย-ทักษิณ-นปช.” มากที่สุด จึงย่อมมีผลต่อการออกมติเสียงส่วนใหญ่และทิศทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญแน่นอนหากมีการตั้งกรรมการชุดนี้จริง

อีกทั้งชื่อที่ คอ.นธ.ตั้งเป็นตุ๊กตา หลายคนก็ไม่เห็นว่าจะมีความเป็นนักรัฐธรรมนูญอย่างที่ คอ.นธ.เอ่ยอ้างยกย่องสรรพคุณแต่อย่างใด

จึงทำให้คนที่มีชื่อใน 34 คนดังกล่าว ต่างออกมาปฏิเสธโดยพร้อมเพียงกันเป็นส่วนใหญ่ ไม่เอาด้วยกับการจะไปร่วมสังฆกรรมกับ คอ.นธ.และรัฐบาลชุดนี้

เพราะแค่ดูเจตนาก็เห็นได้ชัดว่า แค่คิดจะเริ่มต้นแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ไม่บริสุทธิ์ใจเสียแล้ว

ถ้าให้เดา ก็เชื่อว่ายิ่งลักษณ์น่าจะปัดข้อเสนอ คอ.นธ.ทิ้งแน่นอน เพราะคงประเมินแล้วว่าถ้าเอาด้วยกับแนวทาง คอ.นธ.จะไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาล

“อุกฤษ” อาจได้เสียคนตอนแก่ก็รอบนี้
อุกฤษ มงคลนาวิน
กำลังโหลดความคิดเห็น