xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ติง ร.ฟ.ท.บริหารจตุจักร ส่อแบ่งสี-เอี่ยวการเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
“อภิสิทธิ์” ตั้งข้อสังเกต ร.ฟ.ท.ไม่มีอำนาจบริหารตลาดจตุจักร ขัดหลักกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น เชื่อซ้ำรอยตลาดนัดซันเดย์ จี้ตอบ 3 ข้อ ส่อแบ่งสีผู้ค้าในตลาดและมีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ติงออก พ.ร.ก.โอนหนี้ให้ ธปท. ส่อขัด รธน. แนะใช้ระเบียบแบงก์ชาติดึงกำไรมาชำระหนี้เงินต้น

วันนี้ (30 ธ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. จะเข้าบริหารตลาดนัดจตุจักรว่า ขอถามว่า 1. ร.ฟ.ท.มีแผนบริหารจัดการอย่างไรจึงจะได้ค่าเช่าประมาณ 400 กว่าล้านบาท 2. หากได้ 400 กว่าล้านบาทจริง ผู้ค้าในตลาดนัดจตุจักรจะต้องจ่ายค่าเช่าเพิ่มเท่าใด และมีผลกระทบต่อผู้คนที่ไปจับจ่ายใช้สอยในตลาดนัดเท่าใด หรือหากจะรื้อตลาดนัดแล้วสร้างเป็นตึก และ 3. ร.ฟ.ท.มีอำนาจบริหารตลาดหรือไม่ ซึ่งกฎหมาย ร.ฟ.ท.ไม่ได้ระบุว่า ร.ฟ.ท.สามารถบริหารตลาดได้ แต่บริหารสินทรัพย์ได้ ดังนั้นจึงจะต้องให้เอกชนเช่า หรือให้เอกชนรับสัมปทานใช่หรือไม่ และจะแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นเหมือนตลาดนัดซันเดย์ และตลาดคลองเตยได้หรือไม่ รวมทั้งจะรักษาชื่อเสียงของตลาดนัดจตุจักรที่กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลกไว้ได้หรือไม่

“คำถามทั้งหมดไม่คำตอบเลย แต่อยู่ดีๆ มีคำตอบหรือประโยคที่หลุดออกมา ซึ่งเป็นประโยคที่ผมตกใจ คือ หลังจากที่ถูกถามเรื่องนี้ รมว.คมนาคมพูดสั้นๆ ว่า ถึงจะทำไม่ได้ก็ไม่คืนให้ กทม. สิ่งนี้เป็นการสะท้อนทัศนคติว่า ที่คิดทั้งหมดนี้เป็นเรื่องการเมือง คือต้องการยึดครองตรงนี้ ซึ่งก็มีการซุบซิบกันแล้วว่าเป็นการจัดสรรผลประโยชน์รอบใหม่ ดีไม่ดีจะโยงกับหลายๆ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา คงจะมีเรื่องการเมือง สงสัยว่าต่อไปใครค้าขายอยู่ในนั้นได้ก็ต้องเป็นบางสีหรือไม่ครับ” นายอภิสิทธิ์กล่าว

เมื่อถามว่ากรณีตลาดนัดจตุจักรนี้อาจลุกลามไปถึงกิจการอื่นๆ ที่ กทม.ดูแล นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า หลายเรื่องได้มีความพยายามทำ ซึ่งสวนทางกับแนวทางการกระจายอำนาจ และเปิดโอกาสให้ท้องถิ่นได้เข้ามาดูแลเรื่องสำคัญๆ ซึ่งเรื่องนี้ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย ก็พูดคุยกับ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างของ กทม.ในฐานะท้องถิ่น ซึ่งก็มีความคิดตรงกันว่า ตัว กทม.ควรมีอำนาจมากกว่านี้ เพราะประชาชนมีความคาดหวังต่อตัวผู้ว่าฯ กทม.สูง ในขณะที่กิจการที่เกี่ยวข้องกับ กทม. เช่น รถเมล์, รถไฟใต้ดิน, ประปา, ไฟฟ้า และอื่นๆ นั้น กทม.ไม่ได้เป็นผู้ดูแล ซึ่งทำให้ตอบโจทย์ของคนในท้องถิ่นได้ยาก

“หลักของการกระจายอำนาจ คือ ต้องเอาภารกิจมาให้ กทม.มากขึ้น ดังนั้ นการพยายามยึดครองส่วนต่างๆ กลับเข้าส่วนกลางจึงสวนทางกับแนวคิดตรงนี้ ผมเคยเสนอแนวคิดว่าถ้าหากเรากระจายอำนาจมาให้ทางเขตมากขึ้น เขตหรือกลุ่มเขตได้มาดูแลจัดการเบ็ดเสร็จในบางเรื่องเช่น จัดการเก็บขยะ แล้วให้กทม. ดูแลเรื่องใหญ่ๆ เช่น การขนส่งมวลชน การกำจัดขยะ การดูแลภาพรวมสิ่งแวดล้อม น้ำท่วม ก็น่าจะเป็นผลดี ในขณะที่ในต่างจังหวัด อบต., อบจ. ก็ไปเพิ่มให้ แต่พอมาถึง กทม.กลับกลายเป็นว่าจะไปลดหรือเปล่า” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลมีแนวคิดในการออก พ.ร.ก.เพื่อโอนหนี้ของกองทุนฟื้นฟูฯ ไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า สิ่งที่ต้องจับตาดูก็คือ การตราเป็น พ.ร.ก.นั้น จะสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะการออกเป็น พ.ร.ก.มี 2 เงื่อนไขหลัก คือ 1. ต้องทำเพื่อประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ เช่น รักษาความมั่นคง ป้องปัดภัยพิบัติ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เป็นต้น 2. เป็นความจำเป็นเร่งด่วนชนิดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นต้องดูว่าสาระ พ.ร.ก.จะออกมาเป็นอย่างไร

นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า สาเหตุที่รัฐบาลโดยกระทรวงการคลังจึงต้องการผลักหนี้ก้อนนี้ไปให้ธนาคารแห่งประเทศไทย เพราะรัฐบาลปัจจุบันแบกรับภาระดอกเบี้ยอยู่ประมาณ 6-7 หมื่นล้านบาท หากผลักดอกเบี้ยก้อนนี้ไปให้ ธปท.ได้ จะทำให้รัฐบาลสามารถใช้จ่ายงบประมาณได้เพิ่มขึ้น แม้หนี้ตัวนี้จะเป็นหนี้ของประเทศ หนี้ของประชาชนเหมือนกันแต่เมื่อไปอยู่กับ ธปท. แล้ว ธปท.จะเป็นผู้จัดการ แล้วรัฐบาลก็หมดภาระตรงนี้ไป แต่หาก ธปท.เกิดปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทุนสำรองฯ หรือการพิมพ์ธนบัตรเพิ่มจนเกิดปัญหาเงินเฟ้อ ประชาชนก็จะเหมือนถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้น

“ผมเห็นว่าวิธีที่น่าจะทำมากกว่า คือ ไปดูกฎระเบียบของแบงก์ชาติ ว่าจะมีทางอย่างไรที่จะเอากำไรบางส่วนสามารถมาชำระหนี้ที่เป็นเงินต้นได้เพิ่มเติมมากขึ้น เพราะว่าขณะนี้มีปัญหาเวลาที่ดูกำไรของ ธปท.มีหลายบัญชี แล้วมีทั้งที่เป็นเงินบาท มีทั้งที่เป็นเงินเหรียญ และโดยเทคนิค และกฎระเบียบต่างๆ ทำให้ขณะนี้มีเงินบางส่วนซึ่งน่าจะสามารถมาช่วยชำระหนี้ตรงนี้ได้ แต่เอาออกมาไม่ได้ น่าจะดูตรงนั้นมากกว่า เพราะว่าพอแบงก์ชาติเขาสามารถชำระเงินต้นได้มากขึ้น มันก็จะลดภาระดอกเบี้ยที่กระทรวงการคลังรับผิดชอบไปโดยปริยาย” นายอภิสิทธิ์กล่าว

กำลังโหลดความคิดเห็น