ASTVผู้จัดการรายวัน-"ยิ่งลักษณ์"เรียก3 รัฐมนตรีคมนาคมรายงานผลงาน ลบภาพเกาเหลา “ชัจจ์” โอดเสียดายไม่อยู่ "บิ๊กโอ๋” มอบหมายไปกัมพูชา เผยอยากแจ้งปัญหาอุปสรรคต่อนายกฯ เอง ขณะที่ครม. ไฟเขียวตั้งบอร์ดร.ฟ.ท.และรฟม.ชุดใหม่แล้ว ส่งผู้หญิงคุม
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า วันนี้ 14 ธ.ค.) นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้เรียกรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมทั้ง 3 คนเข้าพบ เพื่อหารือถึงการทำงานต่างๆ ของกระทรวงคมนาคม ไม่เกี่ยวกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เพราะเรื่องทั้งหมดได้จบลงไปแล้ว
นายกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้เรียกรัฐมนตรีว่าการ และรัฐมนตรีช่วย ทั้ง 2 คน เข้าไปคุยที่ทำเนียบรัฐบาลในเวลาประมาณ 17.00 น.
ด้านพล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ตนได้แจ้งไปยังเลขาฯ นายกฯ แล้วว่า ในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ ตนไม่สามารถไปพบนายกฯ ได้ เนื่องจากได้รับมอบหมายจาก พล.อ.อ.สุกำพล ให้ไปประชุมที่ประเทศกัมพูชา และได้ขอให้เลื่อนกำหนดนัดหมายเป็นเวลาก่อน 12.00น. แทน เพื่อจะได้เข้าร่วมพูดคุยด้วย แต่ยังไม่ได้รับการประสานเปลี่ยนแปลงใดๆ
ทั้งนี้ การเข้าพบนายกฯ เป็นการรายงานการทำงานต่างๆ ที่ได้รับมอบหมาย โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับนโยบายของพรรคที่หาเสียงไว้ ซึ่งในส่วนที่ตนรับผิดชอบมีหน่วยงานสำคัญ คือ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) เป็นต้น ซึ่งเบื้องต้นได้จัดทำเป็นรายงานความคืบหน้าโครงการต่างๆ เพื่อนำเสนอให้นายกฯ แทน หากไม่สามารถเลื่อนกำหนดการให้เร็วขึ้นได้
“ผมอยากคุยกับนายกรัฐมนตรี เพราะมีปัญหาอุปสรรคหลายอย่างที่อยากจะพูด จะได้คุยให้ฟัง แต่เมื่อติดภารกิจก็ไม่สามารถไปร่วมพูดคุยได้” พล.ต.ท.ชัจจ์กล่าว
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า วานนี้ (13 ธ.ค.) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ชุดใหม่ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยบอร์ดร.ฟ.ท.ประกอบด้วย นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เป็นประธาน กรรมการประกอบด้วย นายสราวุธ เบญจกุล นายอำนวย ปรีมนวงศ์ นายวัฒนา เตียงกูล นายวิชาญ ธรรมสุจริต นายประเทือง ช่วงสลัก และพล.ต.ต.สันติ วิจักขณา
ส่วนบอร์ดรฟม. คือ นางสาวรัชนี ตรีพิพัฒน์กุล เป็นประธาน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คือ นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ และนายพงศธร คุณานุสรณ์ ซึ่งเป็นการตั้งเพื่อแทนกรรมการที่ลาออก คือ นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ,พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วงและนายวิชาญ คุณากูลสวัสดิ์
พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวอีกว่า ครม. นัดพิเศษ เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคมได้รับอนุมัติงบประมาณฟื้นฟู และเยียวยาผู้สบภัย ระยะแรก 1,813 ล้านบาท จากงบประมาณที่ยื่นขอไป 11,898 ล้านบาท โดยจะนำงบที่ได้ไปซ่อมแซมถนนสายหลักทั้งหมดให้สามารถใช้งานได้ ระยะเวลาดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 3 เดือน ส่วนงบประมาณที่เหลือจะมีการพิจารณาในลำดับถัดไป โดยยืนยันว่างบประมาณที่ยื่นขอไปจะไม่ถูกตัดอย่างแน่นอน โดยคาดว่าในเดือนก.พ.2555 จะอนุมัติได้ครบทั้งหมด
พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะกำกับดูแล ร.ฟ.ท. กล่าวว่า ภายหลัง ครม.มีมติแต่งตั้งบอร์ด ร.ฟ.ท.แล้ว จะเร่งรัดการทำงานให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น เนื่องจากขณะนี้ยังมีงานที่ค้างอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น การจัดซื้อหัวรถจักรใหม่ ที่จะต้องใช้ระยะเวลาในการสั่งซื้อประมาณ 1-2 ปี จึงจะสามารถนำมาให้บริการได้ การเร่งรัดตั้งบริษัทลูก เพื่อเข้าไปบริหารจัดการตลาดนัดจตุจักร รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง ที่จะต้องดำเนินการตามแผนงานที่กำหนด เพราะหากล่าช้ากว่าแผนการจะส่งผลให้ค่าก่อสร้างเพิ่มสูงขึ้นได้
“ในสัปดาห์หน้า ผมจะเรียกบอร์ด ร.ฟ.ท.ชุดใหม่เข้ารับทราบนโยบายอีกครั้ง เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ขณะเดียวกันก็เห็นว่าการที่นางสร้อยทิพย์ เข้ามาเป็นประธานบอร์ด จะทำให้งานเดินหน้าได้เร็วมากขึ้น เพราะเป็นผอ.สนข.หน่วยงานหลักที่ดูแลโครงการต่างๆ ของกระทรวงอยู่แล้ว”พล.ต.ท.ชัจจ์กล่าว
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า วันนี้ 14 ธ.ค.) นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้เรียกรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมทั้ง 3 คนเข้าพบ เพื่อหารือถึงการทำงานต่างๆ ของกระทรวงคมนาคม ไม่เกี่ยวกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เพราะเรื่องทั้งหมดได้จบลงไปแล้ว
นายกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้เรียกรัฐมนตรีว่าการ และรัฐมนตรีช่วย ทั้ง 2 คน เข้าไปคุยที่ทำเนียบรัฐบาลในเวลาประมาณ 17.00 น.
ด้านพล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ตนได้แจ้งไปยังเลขาฯ นายกฯ แล้วว่า ในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ ตนไม่สามารถไปพบนายกฯ ได้ เนื่องจากได้รับมอบหมายจาก พล.อ.อ.สุกำพล ให้ไปประชุมที่ประเทศกัมพูชา และได้ขอให้เลื่อนกำหนดนัดหมายเป็นเวลาก่อน 12.00น. แทน เพื่อจะได้เข้าร่วมพูดคุยด้วย แต่ยังไม่ได้รับการประสานเปลี่ยนแปลงใดๆ
ทั้งนี้ การเข้าพบนายกฯ เป็นการรายงานการทำงานต่างๆ ที่ได้รับมอบหมาย โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับนโยบายของพรรคที่หาเสียงไว้ ซึ่งในส่วนที่ตนรับผิดชอบมีหน่วยงานสำคัญ คือ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) เป็นต้น ซึ่งเบื้องต้นได้จัดทำเป็นรายงานความคืบหน้าโครงการต่างๆ เพื่อนำเสนอให้นายกฯ แทน หากไม่สามารถเลื่อนกำหนดการให้เร็วขึ้นได้
“ผมอยากคุยกับนายกรัฐมนตรี เพราะมีปัญหาอุปสรรคหลายอย่างที่อยากจะพูด จะได้คุยให้ฟัง แต่เมื่อติดภารกิจก็ไม่สามารถไปร่วมพูดคุยได้” พล.ต.ท.ชัจจ์กล่าว
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า วานนี้ (13 ธ.ค.) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ชุดใหม่ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยบอร์ดร.ฟ.ท.ประกอบด้วย นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เป็นประธาน กรรมการประกอบด้วย นายสราวุธ เบญจกุล นายอำนวย ปรีมนวงศ์ นายวัฒนา เตียงกูล นายวิชาญ ธรรมสุจริต นายประเทือง ช่วงสลัก และพล.ต.ต.สันติ วิจักขณา
ส่วนบอร์ดรฟม. คือ นางสาวรัชนี ตรีพิพัฒน์กุล เป็นประธาน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คือ นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ และนายพงศธร คุณานุสรณ์ ซึ่งเป็นการตั้งเพื่อแทนกรรมการที่ลาออก คือ นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ,พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วงและนายวิชาญ คุณากูลสวัสดิ์
พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวอีกว่า ครม. นัดพิเศษ เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคมได้รับอนุมัติงบประมาณฟื้นฟู และเยียวยาผู้สบภัย ระยะแรก 1,813 ล้านบาท จากงบประมาณที่ยื่นขอไป 11,898 ล้านบาท โดยจะนำงบที่ได้ไปซ่อมแซมถนนสายหลักทั้งหมดให้สามารถใช้งานได้ ระยะเวลาดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 3 เดือน ส่วนงบประมาณที่เหลือจะมีการพิจารณาในลำดับถัดไป โดยยืนยันว่างบประมาณที่ยื่นขอไปจะไม่ถูกตัดอย่างแน่นอน โดยคาดว่าในเดือนก.พ.2555 จะอนุมัติได้ครบทั้งหมด
พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะกำกับดูแล ร.ฟ.ท. กล่าวว่า ภายหลัง ครม.มีมติแต่งตั้งบอร์ด ร.ฟ.ท.แล้ว จะเร่งรัดการทำงานให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น เนื่องจากขณะนี้ยังมีงานที่ค้างอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น การจัดซื้อหัวรถจักรใหม่ ที่จะต้องใช้ระยะเวลาในการสั่งซื้อประมาณ 1-2 ปี จึงจะสามารถนำมาให้บริการได้ การเร่งรัดตั้งบริษัทลูก เพื่อเข้าไปบริหารจัดการตลาดนัดจตุจักร รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง ที่จะต้องดำเนินการตามแผนงานที่กำหนด เพราะหากล่าช้ากว่าแผนการจะส่งผลให้ค่าก่อสร้างเพิ่มสูงขึ้นได้
“ในสัปดาห์หน้า ผมจะเรียกบอร์ด ร.ฟ.ท.ชุดใหม่เข้ารับทราบนโยบายอีกครั้ง เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ขณะเดียวกันก็เห็นว่าการที่นางสร้อยทิพย์ เข้ามาเป็นประธานบอร์ด จะทำให้งานเดินหน้าได้เร็วมากขึ้น เพราะเป็นผอ.สนข.หน่วยงานหลักที่ดูแลโครงการต่างๆ ของกระทรวงอยู่แล้ว”พล.ต.ท.ชัจจ์กล่าว