ในฉบับส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2555 “ทีมข่าวการเมืองASTV”ขอทำหน้าที่วิเคราะห์การเมืองไทยในปี 2555 สถานการณ์โดยรวมจะเป็นอย่างไร นำการคาดการณ์และข้อมูลรอบด้านทุกเบื้องลึกเบื้องหลังมาเสนอต่อผู้อ่าน
“ทีมข่าวการเมือง”มองดูแล้ว ปีมะโรงนี้ การเมืองโดยรวมหลังพิจารณาข่าวสายหลัก พอจะประเมินได้ในเบื้องต้นว่ายังไม่มีอะไรน่าเสียวไส้ แม้มีหลายเหตุการณ์ร้อนการเมืองรออยู่ตั้งแต่ต้นปีไปจนถึงช่วงไตรมาศ 2
ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่จ่อจะรอตั้งแท่นกันหลังปีใหม่, การออกกฎหมายนิรโทษกรรม, การปรับคณะรัฐมนตรีและการกลับมาเล่นการเมืองอีกครั้งของพวก 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยหลังพ้นช่วงต้นเดือนพ.ค.55 ,การไต่สวนดำเนินคดีการชันสูตรพลิกศพ 16 ศพคนเสื้อแดง และการวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญในคดีจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำนปช.
เผือกร้อนการเมืองในปี 55 ที่รออยู่ หากมองไปที่แก่นกลางของทุกสถานการณ์ข้างต้น บนความหวั่นเกรงว่าจะนำพอสังคมไปสู่ความขัดแย้งทางการเมืองอีกรอบ จะพบความจริงอยู่ว่า แกนกลางของปัญหายังคงอยู่ที่ตัว
“ทักษิณ ชินวัตร”
เรื่องนี้ไม่ใช่การกล่าวร้ายป้ายสีต่อ ทักษิณ ชินวัตร แต่อย่างใด ลองไล่ดูแต่ละเรื่องก็ยังได้ เช่นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แน่นอนว่ารัฐธรรมนูญและกฎหมายทุกฉบับย่อมมีข้อดีข้อเสีย อันเป็นเรื่องปกติที่ทุกอย่างในโลกไม่มีอะไรสมบูรณ์พร้อม การแก้ไขรัฐธรรมนูญเองในบางเรื่องที่พบว่ามีปัญหาในทางปฏิบัติ ฝ่ายค้านหรือสมาชิกวุฒิสภาก็ย่อมมีเหตุมีผล พร้อมสนับสนุนการแก้ไขให้มันดีขึ้น
แต่เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเกิดเป็นปัญหานำมาซึ่งความขัดแย้งของคนในสังคมทันที หากทักษิณ ชินวัตรที่เราบอกว่าคือแกนกลางของปัญหาการเมืองในตอนนี้ จะเข้าไปใช้ช่องทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาฟอกผิดและนิรโทษกรรมให้กับตัวเอง
ผ่านการบงการรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรและส.ส.พรรคเพื่อไทยให้ทำในสิ่งนี้ให้โดยหมกเม็ดเอาไว้ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งแม้จะไม่ทำเอง แต่ก็จะทำผ่านช่องทางอื่นที่เตรียมการไว้เช่นผ่านกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ หรือสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นคนของพรรคเพื่อไทย
ในทางตรงข้าม ถ้าทักษิณยอมให้ทุกอย่างเดินไปตามครรลอง ไม่เข้าไปแทรกแซงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จนทำให้มีการเขียนรัฐธรรมนูญออกมาเพื่อช่วยทักษิณให้พ้นผิด ได้เงินที่ถูกยึดทรัพย์ไป 4.6 หมื่นล้านบาทได้คืนมาทั้งหมด
การแก้ไขรัฐธรรมนูญหากจะเกิดขึ้น แรงต้านก็ไม่มาก การยกร่างจนถึงขั้นโหวตในสภาร่างรัฐธรรมนูญและส่งไปให้ทำประชามติ ทุกอย่างก็จะเดินไปด้วยทางเดินของมันเอง ไม่มีเหตุวุ่นวายใดๆ
คำถามจึงเกิดขึ้นว่า แล้วทักษิณจะยอมหรือไม่ “ทีมข่าวการเมือง”ไม่อยากส่องกล้องมองการเมืองยาวเกินไป หรือมองทักษิณและพรรคเพื่อไทยในแง่ร้ายไปทุกเรื่อง แต่เรามองตามความเป็นจริงจากพฤติกรรมการเมืองที่ปรากฏตลอดมาของทักษิณและบริวารในพรรคเพื่อไทย เราเชื่อว่า
“ทักษิณ”ไม่ยอมแน่ และปี 55 น่าจะเป็นปีที่ทักษิณ เคลื่อนไหวการเมืองมากขึ้นและหนักขึ้น เพื่อเปิดพื้นที่ของตัวเองให้มีมากขึ้น จะได้สามารถกลับประเทศไทยได้
หากปี 2555 ทักษิณ ยอมผ่อนคลายการสร้างแรงกดดันไปยังยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยให้เร่งหาแผนนำทักษิณกลับประเทศ
การเมืองตลอดปี 55 แม้ต่อให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือการออกกฎหมายนิรโทษกรรมแต่เป็นการนิรโทษกรรมเพื่อแก้ปัญหาการเผชิญหน้ากันของแต่ละฝ่าย โดยไม่มีการทำให้ทักษิณได้ประโยชน์
ถ้าออกมาแบบนี้ แม้จะมีบางฝ่ายไม่ยอมยื่นมือไปรับข้อเสนอการนิรโทษกรรม การต่อต้านย่อมมีแน่นอนแต่จะไม่รุนแรงมาก ถ้าปมเงื่อนทั้งหมดไม่มีทักษิณอยู่ในศูนย์กลางของปัญหา
แต่ทักษิณคงไม่ยอมแน่นอน ถ้าจะมีบันไดนิรโทษกรรมหรือการปรองดองภายใต้สภาฯที่มีเพื่อไทยเป็นเสียงข้างมากแล้วไปสร้างบันไดนิรโทษกรรมให้ทุกฝ่าย แต่ตัวทักษิณเองไม่ได้ประโยชน์ กลับกลายทำให้ศัตรูการเมืองทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นประชาธิปัตย์-อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ-สุเทพ เทือกสุบรรณ-ผู้นำกองทัพ-องค์กรอิสระ-เสื้อเหลืองได้ประโยชน์
“ทีมข่าวการเมือง”จึงเชื่อว่า หากสุดท้ายมีการเสนอจากบางกลุ่มเช่น คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาพิจารณาการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฏรที่มีพลเอกสนธิ บุญยกลิน เป็นประธาน-คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติหรือคอป. -คณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.) ที่มี ศาสตราจารย์ ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน เป็นประธาน เห็นด้วยกับหลักการให้นิรโทษกรรมการเมืองทั้งหมดหลัง 19 ก.ย. 49
แต่ตัวทักษิณไม่ได้ประโยชน์ มีข้อยกเว้นเอาไว้โดยอ้างเรื่องเช่นถูกศาลฎีกาฯตัดสินจำคุกคดีถึงที่สุดไปแล้วไม่สามารถนิรโทษกรรมได้
ถ้าออกมาแบบนี้ ทักษิณ ล้มโต๊ะ ไม่เอาด้วยแน่นอน
เช่นเดียวกับหากมีการยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญออกมาแล้ว ปรากฏว่าสสร.-กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ยกร่างรัฐธรรมนูญออกมา ไม่เป็นที่ถูกใจของรัฐบาลยิ่งลักษณ์-พรรคเพื่อไทยและทักษิณ ชินวัตร จากเหตุที่ไปคอนโทรลสั่งการสสร.ไม่ได้
สมมุติว่า ยกร่างรธน.ออกมาแล้วแทนที่จะช่วยทักษิณ และลดอำนาจองค์กรอิสระและระบบตรวจสอบลงไป แต่ร่างใหม่รธน.ออกมาแล้วกลับคงไว้อำนาจองค์กรอิสระไว้เหมือนเดิม หรืออาจเพิ่มอำนาจมากขึ้น แล้วก็ยังใส่ยาแรงลดอำนาจนักการเมืองให้น้อยลง และถูกตรวจสอบได้ง่ายมากขึ้นไปอีก
ถ้าเป็นแบบนี้ ทักษิณก็จะสั่งลูกพรรคระดมพลให้ไปออกเสียงประชามติไม่ให้ร่างรัฐธรรมนูญผ่านการทำประชามติแน่นอน
ด้วยเหตุนี้ มันก็ถึงเป็นอย่างที่เราบอกไว้ว่า สถานการณ์การเมืองแต่ละวาระที่รออยู่ในปี 2555 วาระร้อนๆ ที่เป็นเรื่องใหญ่อย่างแก้รัฐธรรมนูญหรือความพยายามจะออกกฎหมายนิรโทษกรรม ล้วนมี
ทักษิณเป็นศูนย์กลาง และมีส่วนสำคัญว่าจะทำให้สถานการณ์ออกไปแบบไหน
แผนแก้รัฐธรรมนูญและนิรโทษกรรมล้างความผิด จึงเป็นแผนระยะยาวของทักษิณตลอดปี 2555 ที่จะใช้สองเรื่องนี้เดินไปด้วยกัน เสริมจุดอ่อน-จุดแข็งเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเอง โดยนำเรื่องความสมานฉันท์ความปรองดองขึ้นมาบังหน้า
ส่วนแผนระยะสั้นก็คือ ต้องประคองช่วยเหลือให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์มีเสถียรภาพมากที่สุด อยู่ได้ยาวที่สุด จนกว่าภารกิจนำทักษิณกลับไทยจะสำเร็จ ผ่านวิธีการต่างๆ เช่นการปรับครม.เพื่อต่ออายุรัฐบาล หรือการเขียนบทสร้างภาวะผู้นำให้ยิ่งลักษณ์มีมากขึ้น
ขณะเดียวกันแผนระยะสั้นนี้ ทักษิณก็ต้องสร้างพื้นที่อำนาจให้ตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นการสั่งให้กระทรวงการต่างประเทศคืนพาสปอร์ตให้ ซึ่งแม้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่ก็เป็นเรื่องในเชิงสัญลักษณ์การเมืองทั้งในและต่างประเทศว่า ตัวทักษิณที่ถูกไล่ล่ามาเกือบสามปี แต่กระทรวงการต่างประเทศ ที่ก็คือรัฐบาลไทยในเวทีนานาชาติ กลับให้การรับรองทักษิณในฐานะพลเมืองไทยที่มีสิทธิทุกอย่างเหมือนกับคนไทยทั่วโลกไม่ใช่นักโทษหนีคดี เท่านี้ ทักษิณก็มีพื้นที่ยืนในต่างประเทศ แฮปปี้ สุดๆ ไปแล้ว
เห็นได้จากการที่ญุ่ปุ่นออกวีซ่าเข้าประเทศให้ทักษิณ ชินวัตร ด้วยการยกเว้นกฎหมายตรวจคนเข้าเมืองของประเทศญี่ปุ่นที่สุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศดำเนินการให้ทั้งหมดจนทักษิณบินเข้าญี่ปุ่นประเทศยักษ์ใหญ่ในเอเซียได้
รวมถึงการที่ทักษิณพยายามเข้าไปมีบทบาทในด้านการเมือง เศรษฐกิจในเวทีต่างประเทศในลักษณะพี่เลี้ยงให้กับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เช่นการเดินทางไปเยือนพม่าก่อนยิ่งลักษณ์จะไปผู้นำพม่าไม่กี่วัน แล้วก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าที่ยิ่งลักษณ์ไปพม่าและเจรจาเรื่องผลประโยชน์ต่างๆ ในนามรัฐบาลกับพม่าได้สำเร็จ ตัวเองอยู่เบื้องหลัง “ทักษิณ”จึงไม่ต่างอะไรกับฑูตการค้าให้กับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ดีๆนั่นเอง
และเชื่อว่าแผนระยะสั้นใช้รัฐบาลน้องสาวตัวเองสร้างราคาการเมืองให้กับตัวเองทั้งในและต่างประเทศ ที่ทักษิณทำอยู่ตอนนี้ จะมีมากขึ้นในปี 55 จนไม่แน่ ทักษิณ อาจได้บินเข้าประเทศหลายประเทศที่ถูกบล็อกไว้อยู่ก็ได้อย่างอังกฤษ ถ้ารัฐบาลยิ่งลักษณ์อัดยาแรงให้เพื่อช่วยพี่ชาย ถ้าแผนนี้สำเร็จได้ ทักษิณตีปีกแน่นอน และมีความหวังมากขึ้นกับการกลับไทย
แผนการเมืองปี 55 ของทักษิณที่จะใช้ตลอดทั้งปีจึงมีทั้งแผนระยะสั้นอย่างการเร่งสร้างพื้นที่อำนาจการเมืองและสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเอง และประคองรัฐบาลยิ่งลักษณ์ให้อยู่บริหารประเทศให้ยาวนานที่สุด เพื่อให้รัฐบาลจะได้ใช้อำนาจต่างๆช่วยเหลือให้กลับประเทศ ผสมไปกับการเดินเกมแผนระยะยาวอย่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการออกกฎหมายนิรโทษกรรม
ส่วนจะอัดยาแรงเข้าแผนไหนเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ทักษิณ คงต้องตระเตรียมการอีกสักระยะเพื่อไม่ให้พลาดพลั้ง
ท่ามกลาง ฝ่ายเชียร์ที่เชื่อว่า แผนทักษิณกลับบ้านในปี 55 มีแต้มต่อเพิ่มขึ้นจากปี 54 ค่อนข้างมาก
