“อภิสิทธิ์” รอดูร่างแก้รัฐธรรมนูญ ย้ำไม่เอานิรโทษ ยันไม่มีใครคิดเผด็จการ แต่ชี้ยังไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน แนะเอาเวลาไปฟื้นฟูน้ำท่วม จี้ “ยิ่งลักษณ์” ส่งสัญญาณให้ชัด พร้อมแสดงจุดยืนแก้อาญา ม.112 หรือไม่ เตือนรัฐปรับกำลังทหารพระวิหารต้องจี้เขมรเคารพเอ็มโอยู 43 ด้วย ติงอย่าพลาดไม่ส่งคนร่วมนานาชาติสำรวจพื้นที่ จี้อย่าลืมประโยชน์ชาติ
วันนี้ (22 ธ.ค.) ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่วิปรัฐบาลมีมติที่จะเสนอแก้รัฐธรรมนูญให้เสร็จภายในสมัยประชุมนี้ว่า ต้องดูรายละเอียดว่าร่างที่เสนอจะเป็นอย่างไร ถ้าการแก้ไขช่วยปรับระบบให้ดีขึ้นก็ไม่มีปัญหา แต่ไม่เห็นด้วยหากเกี่ยวกับการนิรโทษ และสร้างความขัดแย้ง ในส่วนของ ส.ส.ร.นั้นก็ต้องดูที่มา ขอบเขต และกระบวนการของ ส.ส.ร .เพราะรัฐธรรมนูญปี 50 ก็ผ่านกระบวนการประชามติอยู่แล้ว ส่วนรัฐธรรมนูญปี 40 ส.ส.ร.ก็มาจากการเลือกตั้งและผู้เชี่ยวชาญ และมีการพิจารณาจากที่ประชุมสภาอีกครั้งหนึ่ง เพราะฉะนั้นสำหรับครั้งนี้ก็คงยังไปพูดเรื่องล็อกสเปกในตอนนี้ไม่ได้ ซึ่งถ้าจะพูดกันถึง ส.ส.ร.ก็คงจะไม่ต้องพูดถึงเรื่องของสาระในการแก้รัฐธรรมนูญในขณะนี้
ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ระบุผู้เชี่ยวชาญที่จะมาทำหน้าที่ใน ส.ส.ร.จะต้องมีแนวคิดที่ไม่เป็นเผด็จการนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว และคงไม่มีใครที่มีแนวคิดเผด็จการ เพราะทุกคนก็ต้องการที่จะพัฒนาระบอบประชาธิปไตยทั้งนั้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เวลาในตอนนี้ถือว่าเหมาะสมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน รัฐบาลควรที่จะเอาเวลาไปฟื้นฟูประชาชนจากเหตุอุทกภัยมากกว่า ซึ่งตัวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีก็ควรที่จะส่งสัญญาณไว้ด้วย ว่าจะลำดับความสำคัญของเรื่องใดก่อนหลัง และเรื่องที่อาจจะก่อให้เกิดความขัดแย้งก็ควรที่จะชะลอเอาไว้ก่อน แต่นายกรัฐมนตรีก็พยายามที่จะหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่จริงๆ แล้ว นายกฯ ต้องส่งสัญญาณเหมือนกัน เพราะพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคของนายกฯ คือตัวขับเคลื่อนในสภาฯ
ส่วนกรณีการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องใดที่จะนำไปสู่ความขัดแย้ง คนในรัฐบาลโดยเฉพาะนายกฯ สามารถที่จะตัดไฟตั้งแต่ต้นลมได้ โดยการออกมาแสดงจุดยืนที่ชัดเจน แต่ถ้าพยายามที่จะไม่ยุ่งกับเรื่องนี้ มันก็จะกลับมายุ่งกับตัวท่านเองในอนาคต
ส่วนกรณีการประชุมจีบีซียังไม่ได้ข้อสรุปนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนเองได้สนับสนุนเรื่องการปรับกำลังมาตั้งแต่ต้น แต่อยากเตือนรัฐบาลว่าเมื่อมีการปรับกำลังแล้ว ต้องให้ทางกัมพูชา เคารพเอ็มโอยูปี 43 และต้องมีความชัดเจนในการถอนทหารออกจากพื้นที่ที่กัมพูชาละเมิด ไม่เช่นนั้น จะเกิดปัญหาการรุกล้ำ เข้ามาในดินแดนไทยเหมือนที่ผ่านมา และควรวางกรอบบทบาทของผู้สังเกตการณ์ชาติที่ 3 ให้เหมาะสม ไม่ควรให้เข้ามาสังเกต ในช่วงที่ยังมีการปรับกำลังทหาร และกัมพูชายังละเมิดเอ็มโอยู 43 เพราะอาจสร้างความเข้าใจผิดต่อสังคมโลก และส่งผลต่อคำตัดสินของศาลโลกในช่วงต้นปี ทั้งนี้ ตนอยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับนานาชาติ อย่าปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ที่ทางการกระทรวงการต่างประเทศไม่ส่งผู้แทนไทย ขึ้นไปทำงานร่วมกับคณะกรรมการประสานงานระหว่างประเทศ หรือไอซีซี ที่ไปสำรวจพื้นที่ปราสาทเขาพระวิหาร
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ตนขอให้ขณะนี้ไม่มีการปะทะกัน การเจรจาอยู่ในระดับทวิภาคีก็จะสามารถเดินหน้าต่อไปได้ เพราะช่วงนี้ใกล้เวลาที่ศาลโลกจะตัดสิน เพราะหากเหตุการณ์ใดๆ ขึ้นก็จะมีผลต่อการตัดสินได้ ซึ่งตนอยากจะแนะนำรัฐบาลใน 2 เรื่อง คือ รัฐบาลมองเรื่องนี้เป็นการเมืองมากเกินไป โดยคิดว่าการสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อประเทศเพื่อนบ้าน มีการพูดคุยกันหวานหูมากขึ้น โดยลืมประโยชน์ของชาติไป และและอย่ากังวลผลประโยชน์ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีที่ดินรัชดาฯ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน เพราะอาจส่งผลต่อการต่อสู้คดีในศาลโลกและอาจทำให้ไทยเสียอธิปไตยในพื้นที่ดังกล่าวได้ นายกฯและรัฐมนตรีต่างประเทศ ต้องแสดงจุดยืนที่ชัดเจน และต้องเข้มขึ้น ตนไม่ได้คาดหวังใดๆ จากตัวตนของท่าน แต่ตนคาดหวังในตำแหน่งที่ท่านดำรงอยู่
ส่วนกรณีการจัดสรรงบประมาณเพื่อเยี่ยวยาประชาชนที่ประสบภับน้ำท่วมของรัฐบาลนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนได้อ่านข่าวในเรื่องการช่วยเหลือเรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับ 1 ล้านครัวเรือน ก็รู้สึกแปลกใจว่า รัฐบาลมีกฎเกณฑ์ใดในการเลือก ตนคิดว่ารัฐบาลอย่าไปทำให้เป็นเรื่องยาก ถ้าอยากจะช่วยเหลือประชาชน คณะรัฐมนตรีคือคณะที่จะสามารถสั่งการได้ดีกว่าการปล่อยให้แต่ละกระทรวงทำงานกันเอง
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีปัญหาขัดแย้งกรณีตลาดนัดจตุจักรระหว่างกรุงเทพมหานคร กับ การรถไฟแห่งประเทศไทยว่า ตนอยากจะให้ทาง กทม.และการรถไฟหันหน้าเข้ามาพูดคุยกัน เพราะยังสามารถคุยกันได้