xs
xsm
sm
md
lg

ดันคนไทยอยู่“วัดแก้ว” “บิ๊กอ๊อด”กร้าว!ไม่ออกก็อยู่ด้วยกัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- “บิ๊กอ๊อด”พร้อมประชุมจีบีซีกับเขมร ปลายเดือนพ.ย.นี้ กร้าว!หากเขมรไม่ถอน จะให้คนไทยไปอยู่ร่วมใน “วัดแก้วสิกขา”

วานนี้ (16 พ.ย.) ที่รัฐสภา นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการประชุมร่วมกันของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 179 เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน กรณีคำสั่งมาตรการชั่วคราวของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) ให้ไทยและฝ่ายกัมพูชา ถอนทหารออกจากพื้นที่ปราสาทพระวิหาร เมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า เป็นเพียงการประชุมเพื่อขอความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อมาตรการชั่วคราวของศาลโลก ซึ่งได้สรุปออกมาเป็น 5 ท่าทีเพื่อนำไปพูดคุยกับทางกัมพูชาเกี่ยวกับการปรับกำลังทหารในบริเวณ 17.3 ตร.กม.หรือที่เรียกว่าพื้นที่คุ้มครองชั่วคราวที่ศาลโลกสั่งให้เป็นพื้นที่ปลอดอาวุธ ซึ่งทาง พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม จะเป็นผู้นำไปพูดคุยกับฝ่ายกัมพูชาในวงประชุมคณะกรรมาธิการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ไทย- กัมพูชา ภายในสัปดาห์นี้

ในส่วนของ 5 ท่าทีดังกล่าวไม่ถือเป็นเรื่องลับโดยมีประเด็นที่เกี่ยวกับการกำหนดจุดสังเกตการณ์ และจุดตรวจในการเข้าพื้นที่ การปรับกำลังทหาร ตำรวจ และพลเรือนให้เหลือฝ่ายละเท่าไรในพื้นที่ รวมไปถึงห้วงเวลาที่จะให้ผู้สังเกตการณ์เข้าไปในพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่เห็นว่าควรให้เข้ามาหลังจากที่มีการปรับกำลังทหารแล้ว ประเด็นเหล่านี้ทางฝ่ายกลาโหมจะนำไปพูดคุยกับกัมพูชา ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นจะมีการนำเข้าสู่ที่ประชุมร่วมรัฐสภาอีกครั้งตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการนำส่งร่างคำให้การเพื่อต่อสู้ในคดีที่ฝ่ายกัมพูชายื่นให้ศาลตีความคำพิพากษาเมื่อปี 2505 ใหม่ ซึ่งต้องส่งให้ศาลโลกภายในวันที่ 21 พ.ย.นี้ เพราะส่วนนั้นทางกระทรวงได้เตรียมรายละเอียดไว้ทั้งหมดแล้ว โดยเอกสารหลักฐานทั้งหมดจะพยายามชี้ให้เห็นว่าเหตุใดศาลโลกจึงไม่ควรที่จะตีความใหม่ตามที่กัมพูชาร้องขอ เพราะรัฐบาลก็ไม่อยากให้รื้อฟื้นเรื่องที่จบไปแล้ว

ทั้งนี้ ยอมรับว่าวันนี้ทั้ง 2 ฝ่ายคุยกันรู้เรื่อง ไม่จำเป็นต้องมีการใช้อาวุธสู้รบกัน ซึ่งยอมรับว่าในส่วนของการเสนอให้ถอนฟ้องก็มีการพยายามพูดคุย และแสดงความจริงใจต่อกันแล้ว แต่ฝ่ายกัมพูชาเห็นว่าสถานการณ์ล่วงเลยมามากแล้ว และอยากให้เรื่องทุกอย่างจบโดยศาล

ด้าน พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ทำเอกสารข้อสังเกตกรณีความขัดแย้งชายแดนไทยกัมพูชาให้ศาลโลกในวันที่ 21 พ.ย.นี้มาดูเรียบร้อยแล้วและขอให้นำรายงานการประชุมคณะกรรมการชายแดนระดับภูมิภาคไทย-กัมพูชา (อาร์บีซี)ไป รวมถึงกรอบในการเจรจา จีบีซี ซึ่งตนได้ให้สำนักงานนโยบายและแผนกระทรวงกลาโหม ประสานกับ พล.อ.เตีย บัน รมว.กลาโหมกัมพูชาว่า ไทยพร้อมพูดคุยและเจรจา

“การปรับกำลัง การปฏิบัติต่อผู้สังเกตการณ์ การจัดจุดตรวจ การดำเนินการต่อเจ้าหน้าที่ยูเนสโก้ และการดำเนินการกับประชาชนในวัดแก้วศิขาคีรีสวาระ เมื่อได้ข้อยุติออกมา จะเสนอรัฐสภาอีกครั้งเพื่อเห็นชอบ ทั้งนี้เราได้มีการพูดคุยถึงการปรับกำลังทหารในเขตปลอดทหาร 17.3 ตารางกิโลเมตรว่าจะให้เหลือเท่าไหร่ เพียงแต่ยังไม่ได้ตกลงกันเพราะในขณะนี้ทหารไทยที่อยู่ในพื้นที่ 700 กว่าคน ทางกัมพูชาพันกว่าคนและต้องจัดกำลังตำรวจตระเวนชายแดน(ตชด.)และตำรวจภูธรเข้าไปฝั่งละ 400 กว่าคนเข้าไปดูแลพื้นที่ปลอดทหารตรงนั้น”รมว.กลาโหม กล่าว

ส่วนผู้สังเกตการณ์ ต้องมี 3 ประเทศ คือไทย กัมพูชา อินโดนีเซีย ชาติละ 9 คน โดยจะต้องเป็นพลเรือน แต่งเครื่องแบบทหารไม่ได้ เพื่อแสดงอธิปไตยของชาติและเราเสนอจุดตรวจไป 3 จุด ที่ประตูเหล็ก ทางขึ้นวัดแก้วฯ เขาช่องบันไดหัก และจะจัดการอย่างไรกับประชาชนที่อาศัยอยู่ในวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระให้ออกไป ถ้าไม่ออก ก็จะไม่ให้เข้าไปอยู่เพิ่ม และเราจะให้คนไทยเข้าไปอยู่เท่าๆ กับกัมพูชา ซึ่งทางกัมพูชายอมให้คนไทยเข้าไปอยู่ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น