“สุรพงษ์” อ้างที่ประชุมร่วมรัฐสภาเคาะ 5 ท่าทีมอบกลาโหมถกกัมพูชา คาดเปิดวงคุยจีบีซีในสัปดาห์นี้ ระบุปิดห้องประชุมลับแค่กันสมาชิกพูดแรงกระทบสัมพันธ์ เผยเตรียมร่างกรอบเจรจาเข้าสภาฯ อีกครั้ง รับเคยขอให้เขมรถอนฟ้องศาลโลกแต่ไม่สำเร็จ
วันที่ 16 พ.ย. ที่รัฐสภา นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงการประชุมร่วมกันของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 179 เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน กรณีคำสั่งมาตรการชั่วคราวของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) ให้ไทยและฝ่ายกัมพูชาถอนทหารออกจากพื้นที่ปราสาทพระวิหาร เมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า เป็นเพียงการประชุมเพื่อขอความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อมาตรการชั่วคราวของศาลโลก ซึ่งได้สรุปออกมาเป็น 5 ท่าทีเพื่อนำไปพูดคุยกับทางกัมพูชาเกี่ยวกับการปรับกำลังทหารในบริเวณ 17.3 ตร.กม. หรือที่เรียกว่าพื้นที่คุ้มครองชั่วคราว ที่ศาลโลกสั่งให้เป็นพื้นที่ปลอดอาวุธ ซึ่งทาง พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม จะเป็นผู้นำไปพูดคุยกับฝ่ายกัมพูชาในวงประชุมคณะกรรมาธิการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ไทย- กัมพูชา ภายในสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม การที่ต้องประชุมลับนั้นเป็นเพราะป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจาการอภิปรายของสมาชิก ที่บางคนผูกโยงเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้อง หรือบางคนที่อาจใช้ถ้อยคำรุนแรงเท่านั้น
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ในส่วนของ 5 ท่าทีดังกล่าวไม่ถือเป็นเรื่องลับ โดยมีประเด็นที่เกี่ยวกับการกำหนดจุดสังเกตการณ์ และจุดตรวจในการเข้าพื้นที่ การปรับกำลังทหาร ตำรวจ และพลเรือนให้เหลือฝ่ายละเท่าไรในพื้นที่ รวมไปถึงห้วงเวลาที่จะให้ผู้สังเกตการณ์เข้าไปในพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่เห็นว่าควรให้เข้ามาหลังจากที่มีการปรับกำลังทหารแล้ว ประเด็นเหล่านี้ทางฝ่ายกลาโหมจะนำไปพูดคุยกับกัมพูชา อาจมีบางประเด็นที่จะติดขัดระหว่างกัน ก็จะมีการร่างเป็นกรอบเจรจาเพื่อตกลงกันอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นจะมีการนำเข้าสู่ที่ประชุมร่วมรัฐสภาอีกครั้งตาม มาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการนำส่งร่างคำให้การเพื่อต่อสู้ในคดีที่ฝ่ายกัมพูชายื่นให้ศาลตีความคำพิพากษาเมื่อปี 2505 ใหม่ ซึ่งต้องส่งให้ศาลโลกภายในวันที่ 21 พ.ย.นี้ เพราะส่วนนั้นทางกระทรวงได้เตรียมรายละเอียดไว้ทั้งหมดแล้ว โดยเอกสารหลักฐานทั้งหมดจะพยายามชี้ให้เห็นว่าเหตุใดศาลโลกจึงไม่ควรที่จะตีความใหม่ตามที่กัมพูชาร้องขอ เพราะรัฐบาลก็ไม่อยากให้รื้อฟื้นเรื่องที่จบไปแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดจึงไม่ใช้ความสัมพันธ์อันดีระหว่างรัฐบาลพรรคเพื่อไทยกับฝ่ายกัมพูชา เพื่อเจรจาให้ถอนฟ้องต่อศาลโลก นายสุรพงษ์กล่าวว่า ยอมรับว่าวันนี้ทั้ง 2 ฝ่ายคุยกันรู้เรื่อง ไม่จำเป็นต้องมีการใช้อาวุธสู้รบกัน ซึ่งยอมรับว่าในส่วนของการเสนอให้ถอนฟ้องก็มีการพยายามพูดคุย และแสดงความจริงใจต่อกันแล้ว แต่ฝ่ายกัมพูชาเห็นว่าสถานการณ์ล่วงเลยมามากแล้ว และอยากให้เรื่องทุกอย่างจบโดยศาล
นายสุรพงษ์ยังได้เปิดเผยถึงกำหนดการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเดินทางเข้าร่วมประชุมอาเซียนซัมมิต ครั้งที่ 19 ระหว่างวันที่ 16-19 พ.ย.นี้ ที่เมืองบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ว่า นายกฯ จะใช้โอกาสในการชี้แจงกับนานาชาติถึงผลกระทบจากอุทกภัยครั้งใหญ่ในประเทศไทย ที่จะกระทบต่อความมั่นคงด้านอาหารและพลังงานของโลก โดยเฉพาะเรื่องอาหารที่ภูมิภาคอาเซียนเป็นผู้ผลิตสำคัญ อย่างกรณีข้าวที่กำลังการส่งออกของไทยจาก 10 ล้านตันต่อปี จะเหลือเพียง 5 ล้านตันในปีหน้า ทั้งนี้ นายกฯ ยังจะกล่าวถึงมาตรการการฟื้นฟูเยียวยาที่จะเกิดขึ้นภายหลังเหตุการณ์เข้าสู่ภาวะปกติอีกด้วย