ASTVผู้จัดการรายวัน-2 ผบ.ไทย-กัมพูชา เจรจาปัญหา ฮ.ไทยถูกยิงได้ข้อสรุป ฝ่ายเขมรยอมรับความผิดพลาด แต่ไม่ยอมขอโทษ แค่ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนค่าเสียหายต้องรอ กต.เผยไม่นำเรื่องเข้าประชุม JBC ด้านชาวศรีสะเกษออกโรงต้านถอนทหารพ้นพื้นที่ปราสาทพระวิหาร
วานนี้ (19 ธ.ค.)ที่ศูนย์ราชการบ้านหาดเล็ก ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด พล.ร.ท.พงษ์ศักดิ์ ภูรีโรจน์ ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด น.อ.กิตติคุณ นาคสุก ผบ.ฉก.นย.ตราด นางสาวเบญจวรรณ อ่านเปรื่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด คณะฝ่ายไทยพร้อมนายทหารระดับสูง ส่วนฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.อ.แก้ว ซามวน รอง ผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการทหารภูมิภาคที่ 3 พล.ต.ยวน มิน ผบ.ทหารจังหวัดเกาะกง นายบุญเลิศ พราหณ์เกสร ผู้ว่าราชการจังหวัดเกาะกง และนายพัด สุภาภา สมาชิกวุฒิสภา จ.เกาะกง และตัวแทนจากนายกฮุนเซ็น ร่วมประชุมเจรจาหลังมีเหตุเฮลิคอปเตอร์ของไทยถูกทหรกัมพูชายิงได้รับความเสียหาย โดยทั้ง 2 ฝ่ายไม่ให้สื่อมวลชนเข้าร่วมสังเกตการณ์ในห้องประชุม หลังจากประชุมไปแล้วนาน 1 ชม.ได้เปิดการแถลงข่าวถึงสาระสำคัญในการประชุม
โดย พล.ร.ท.พงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้นในวันที่ 15 ธ.ค.54 กรณีเฮลิคอปเตอร์ของฝ่ายไทยได้ประสานขอลงจอดที่บริเวณเนิน 326 บ้านเจ็กลัก ต.คลองใหญ่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด กับฝ่ายกัมพูชาคือ พัน ปชด.303 จังหวัดเกาะกง (กองพันป้องกันชายแดนที่ 303)
แต่ปรากฏว่า การประสานงานกระชั้นชิดเกินไปประกอบกับพื้นที่ เนิน 326 เป็นพื้นที่คับแคบและนักบินยังไม่ชำนาญในการจอดลงบนพื้นที่เนิน 326 จึงเกิดความเข้าใจผิดจากฝ่ายกัมพูชาว่า เฮลิคอปเตอร์ฝ่ายไทยได้รุกล้ำเข้าไปยังพื้นที่ของกัมพูชา จึงได้ใช้อาวุธประจำกายยิง จนเฮลิคอปเตอร์ของฝ่ายไทยได้รับความเสียหาย
ซึ่งจากการเจรจามาตั้งแต่ในระดับพื้นที่จนถึงระดับภูมิภาคในวันนี้ทางฝ่ายกัมพูชายอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาเพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาขึ้นอีก ในส่วนของการขอโทษนั้นทางฝ่ายกัมพูชาบอกแต่เพียงว่า ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น ในส่วนของความเสียหายของใบพัด ฮ.ทางกระทรวงการต่างประเทศไทยจะเป็นผู้ทำหนังสือเรียกร้องให้ทางรัฐบาลกัมพูชาชดใช้ความเสียหายให้โดยผ่านทางกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชาภายหลัง
ด้าน พล.อ.แก้ว ซามวน กล่าวว่า ยอมรับว่าการประสานงานของทั้ง 2 ฝ่ายมีความผิดพลาดจนเกิดความเข้าใจผิดทำให้ทหารกัมพูชาได้ใช้อาวุธประจำกายยิงเฮลิคอปเตอร์ฝ่ายไทย ซึ่งตนเองยอมรับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นว่าทางฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้กระทำผิด ซึ่งในโอกาสต่อไปจะป้องกันมิให้เกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้นอีก
โดยได้ร่วมมือกับทางฝ่ายทหารไทยและทหารกัมพูชาที่จะมีการประสานงานกันทั้งในระดับผู้บังคับบัญชาในเบื้องต้น และในระดับพื้นที่ปฏิบัติเพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาขึ้นอีก ส่วนเรื่องที่ทหารกัมพูชาได้ยิง ฮ.ไทยจนได้รับความเสียหายนั้นทางกัมพูชาจะได้ทำการสอบสวนหาความจริงและจะลงโทษต่อไป สำหรับค่าเสียหายทางจังหวัดเกาะกงและทางทหารภูมิภาคที่ 3 จะได้ให้ทางกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามถึงการขอโทษจากฝ่ายกัมพูชาต่อ พล.ร.ท.พงษ์ศักดิ์ว่า ฝ่ายกัมพูชาได้แสดงความรับผิดชอบหรือไม่อย่างไร พล.ร.ท.พงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า "ทางกัมพูชาได้แต่แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ไม่มีการขอโทษ ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะได้ทำข้อตกลงป้องกันมิให้เกิดปัญหาขึ้นอีก"
**ผบ.ทบ.ยันเขมรยิง ฮ.ไทยไม่กระทบจีบีซี
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในความรับผิดชอบของกองทัพเรือ ซึ่งเรื่องนี้คงจะต้องพูดจากันให้รู้เรื่อง และแก้ไขปัญหากันไปให้ได้
"เป็นธรรมดาของบ้านใกล้เรือนเคียงกัน และเส้นเขตแดนก็อยู่ใกล้กันก็มีปัญหาแบบนี้ ขอให้สบายใจว่าทหารไม่ว่าจะเหล่าทัพใดพยายามจะทำหน้าที่ให้อย่างเต็มที่ภายใต้กรอบกฎหมายที่มีอยู่ และอำนาจที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล ทั้งนี้ เชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา เนื่องจากเป็นคนละส่วนคนละพื้นที่"
**โฆษก ปชป. อัด "ปึ้ง" หงอเขมร
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเป็นห่วงความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา หลังจากที่กระทรวงการต่างประเทศมีท่าทีเพิกเฉยต่อกรณีที่ทหารกัมพูชายิง ฮ.ไทยโดยอ้างว่าไทยรุกล้ำดินแดนของกัมพูชา ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นบริเวณหลักหมุด 71-72 แถว จ.ตราด โดยทั้ง 2 ประเทศอยู่ระหว่างการตกลงเรื่องหลักหมุดที่ถูกต้อง โดยพื้นที่ดังกล่าวจะมีทั้ง 2 ฝ่ายประจำการและตกลงกันว่าใครจะดูแลพื้นที่ตรงไหน อย่างไร มีทหารไทยประจำการเช่นเดียวกับกัมพูชา และการส่งเสบียงโดยใช้ ฮ.ก็ส่งเสบียงให้ทั้งทหารไทย-กัมพูชา แต่กัมพูชากลับยิง ฮ.ไทยทั้งที่เป็นพื้นที่ที่ยังจัดทำเขตแดนไม่เสร็จ ขณะที่นายเตียบัน รมว.กลาโหมของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์ว่าไทยรุกล้ำดินแดนกัมพูชา
แต่ รมว.ต่างประเทศของไทยกลับระบุว่าเป็นความเข้าใจผิดเล็กน้อยโดยกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ได้มีการประท้วงคำพูดดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการไม่รักษาสิทธิและอธิปไตยของประเทศ ซึ่งตนไม่อยากคิดว่านายสุรพงษ์จะเลวถึงขนาดคิดยกดินแดนให้กัมพูชา แต่อาจเป็นเพราะไร้ความสามารถในการบริหาร ซึ่งจะทำให้ไทยเสียท่าทีในการเจรจากับกัมพูชาในอนาคต จึงอยากให้ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้องทำหนังสือประท้วงกัมพูชาโดยเร็วเพื่อรักษาสิทธิและศักดิ์สรีของประเทศ แม้ว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะไม่มีคำสั่งก็ตาม ไม่เช่นนั้นคำพูดของนายเตียบัน จะถูกบันทึกไว้และอาจมีการหยิบยกไปใช้ประโยชน์ในการประชุมเจบีซีว่าไทยยอมรับแล้วว่าดินแดนดงกล่าวเป็นของกัมพูชาจึงไม่มีการประท้วงคำพูดของนายเตียบัน
**ชาวศรีสะเกษค้านถอนทหาร“เขาวิหาร”
วันเดียวกันที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายกิติศักดิ์ พ้นภัย หัวหน้ากลุ่มกำลังแผ่นดินและแกนนำเครือข่ายประชาชนชาวกันทรลักษ์พิทักษ์เขาพระวิหารพร้อมด้วยสมาชิกของกลุ่มประมาณ 20 คนได้เดินทางไปพบกับ พ.อ.ธนศักดิ์ มิตรภานนท์ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 เพื่อยื่นหนังสือผลการทำประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็น พร้อมด้วยกล่องเอกสารรับแบบประชาพิจารณ์ของประชาชนชาว อ.กันทรลักษ์ จำนวน 2 กล่อง ส่งมอบผ่าน ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.เพื่อคัดค้านการถอนกำลังทหารไทยออกจากบริเวณเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา อ.กันทรลักษ์ ตามมาตรการคุ้มครองชั่วคราวของศาลโลก
นายกิติศักดิ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี) ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 21- 25 ธ.ค.นี้จะมีการหารือร่วมกันในเรื่องการถอนกำลังทหารออกจากบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย- กัมพูชาด้านเขาพระวิหาร ฉะนั้น กลุ่มกำลังแผ่นดินและแกนนำเครือข่ายประชาชนชาวกันทรลักษ์พิทักษ์เขาพระวิหาร จึงได้ร่วมกันทำการประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าวจากประชาชนในเขตพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านชายแดนเขาพระวิหาร ทั้งในเขตชุมชนเทศบาลและหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา เช่น บ้านภูมิซรอล เป็นต้น ระหว่างวันที่ 16-18 ธ.ค.ที่ผ่านมา รวมทั้งสิ้นประมาณ 5,000 คน
ผลสรุปจากการทำประชาพิจารณ์ปรากฏว่า กว่า 99 % ประชาชนชาว อ.กันทรลักษ์ คัดค้านการถอนกำลังทหารไทยออกจากบริเวณเขาพระวิหารอย่างเด็ดขาด
วานนี้ (19 ธ.ค.)ที่ศูนย์ราชการบ้านหาดเล็ก ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด พล.ร.ท.พงษ์ศักดิ์ ภูรีโรจน์ ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด น.อ.กิตติคุณ นาคสุก ผบ.ฉก.นย.ตราด นางสาวเบญจวรรณ อ่านเปรื่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด คณะฝ่ายไทยพร้อมนายทหารระดับสูง ส่วนฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.อ.แก้ว ซามวน รอง ผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการทหารภูมิภาคที่ 3 พล.ต.ยวน มิน ผบ.ทหารจังหวัดเกาะกง นายบุญเลิศ พราหณ์เกสร ผู้ว่าราชการจังหวัดเกาะกง และนายพัด สุภาภา สมาชิกวุฒิสภา จ.เกาะกง และตัวแทนจากนายกฮุนเซ็น ร่วมประชุมเจรจาหลังมีเหตุเฮลิคอปเตอร์ของไทยถูกทหรกัมพูชายิงได้รับความเสียหาย โดยทั้ง 2 ฝ่ายไม่ให้สื่อมวลชนเข้าร่วมสังเกตการณ์ในห้องประชุม หลังจากประชุมไปแล้วนาน 1 ชม.ได้เปิดการแถลงข่าวถึงสาระสำคัญในการประชุม
โดย พล.ร.ท.พงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้นในวันที่ 15 ธ.ค.54 กรณีเฮลิคอปเตอร์ของฝ่ายไทยได้ประสานขอลงจอดที่บริเวณเนิน 326 บ้านเจ็กลัก ต.คลองใหญ่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด กับฝ่ายกัมพูชาคือ พัน ปชด.303 จังหวัดเกาะกง (กองพันป้องกันชายแดนที่ 303)
แต่ปรากฏว่า การประสานงานกระชั้นชิดเกินไปประกอบกับพื้นที่ เนิน 326 เป็นพื้นที่คับแคบและนักบินยังไม่ชำนาญในการจอดลงบนพื้นที่เนิน 326 จึงเกิดความเข้าใจผิดจากฝ่ายกัมพูชาว่า เฮลิคอปเตอร์ฝ่ายไทยได้รุกล้ำเข้าไปยังพื้นที่ของกัมพูชา จึงได้ใช้อาวุธประจำกายยิง จนเฮลิคอปเตอร์ของฝ่ายไทยได้รับความเสียหาย
ซึ่งจากการเจรจามาตั้งแต่ในระดับพื้นที่จนถึงระดับภูมิภาคในวันนี้ทางฝ่ายกัมพูชายอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาเพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาขึ้นอีก ในส่วนของการขอโทษนั้นทางฝ่ายกัมพูชาบอกแต่เพียงว่า ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น ในส่วนของความเสียหายของใบพัด ฮ.ทางกระทรวงการต่างประเทศไทยจะเป็นผู้ทำหนังสือเรียกร้องให้ทางรัฐบาลกัมพูชาชดใช้ความเสียหายให้โดยผ่านทางกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชาภายหลัง
ด้าน พล.อ.แก้ว ซามวน กล่าวว่า ยอมรับว่าการประสานงานของทั้ง 2 ฝ่ายมีความผิดพลาดจนเกิดความเข้าใจผิดทำให้ทหารกัมพูชาได้ใช้อาวุธประจำกายยิงเฮลิคอปเตอร์ฝ่ายไทย ซึ่งตนเองยอมรับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นว่าทางฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้กระทำผิด ซึ่งในโอกาสต่อไปจะป้องกันมิให้เกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้นอีก
โดยได้ร่วมมือกับทางฝ่ายทหารไทยและทหารกัมพูชาที่จะมีการประสานงานกันทั้งในระดับผู้บังคับบัญชาในเบื้องต้น และในระดับพื้นที่ปฏิบัติเพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาขึ้นอีก ส่วนเรื่องที่ทหารกัมพูชาได้ยิง ฮ.ไทยจนได้รับความเสียหายนั้นทางกัมพูชาจะได้ทำการสอบสวนหาความจริงและจะลงโทษต่อไป สำหรับค่าเสียหายทางจังหวัดเกาะกงและทางทหารภูมิภาคที่ 3 จะได้ให้ทางกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามถึงการขอโทษจากฝ่ายกัมพูชาต่อ พล.ร.ท.พงษ์ศักดิ์ว่า ฝ่ายกัมพูชาได้แสดงความรับผิดชอบหรือไม่อย่างไร พล.ร.ท.พงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า "ทางกัมพูชาได้แต่แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ไม่มีการขอโทษ ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะได้ทำข้อตกลงป้องกันมิให้เกิดปัญหาขึ้นอีก"
**ผบ.ทบ.ยันเขมรยิง ฮ.ไทยไม่กระทบจีบีซี
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในความรับผิดชอบของกองทัพเรือ ซึ่งเรื่องนี้คงจะต้องพูดจากันให้รู้เรื่อง และแก้ไขปัญหากันไปให้ได้
"เป็นธรรมดาของบ้านใกล้เรือนเคียงกัน และเส้นเขตแดนก็อยู่ใกล้กันก็มีปัญหาแบบนี้ ขอให้สบายใจว่าทหารไม่ว่าจะเหล่าทัพใดพยายามจะทำหน้าที่ให้อย่างเต็มที่ภายใต้กรอบกฎหมายที่มีอยู่ และอำนาจที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล ทั้งนี้ เชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา เนื่องจากเป็นคนละส่วนคนละพื้นที่"
**โฆษก ปชป. อัด "ปึ้ง" หงอเขมร
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเป็นห่วงความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา หลังจากที่กระทรวงการต่างประเทศมีท่าทีเพิกเฉยต่อกรณีที่ทหารกัมพูชายิง ฮ.ไทยโดยอ้างว่าไทยรุกล้ำดินแดนของกัมพูชา ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นบริเวณหลักหมุด 71-72 แถว จ.ตราด โดยทั้ง 2 ประเทศอยู่ระหว่างการตกลงเรื่องหลักหมุดที่ถูกต้อง โดยพื้นที่ดังกล่าวจะมีทั้ง 2 ฝ่ายประจำการและตกลงกันว่าใครจะดูแลพื้นที่ตรงไหน อย่างไร มีทหารไทยประจำการเช่นเดียวกับกัมพูชา และการส่งเสบียงโดยใช้ ฮ.ก็ส่งเสบียงให้ทั้งทหารไทย-กัมพูชา แต่กัมพูชากลับยิง ฮ.ไทยทั้งที่เป็นพื้นที่ที่ยังจัดทำเขตแดนไม่เสร็จ ขณะที่นายเตียบัน รมว.กลาโหมของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์ว่าไทยรุกล้ำดินแดนกัมพูชา
แต่ รมว.ต่างประเทศของไทยกลับระบุว่าเป็นความเข้าใจผิดเล็กน้อยโดยกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ได้มีการประท้วงคำพูดดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการไม่รักษาสิทธิและอธิปไตยของประเทศ ซึ่งตนไม่อยากคิดว่านายสุรพงษ์จะเลวถึงขนาดคิดยกดินแดนให้กัมพูชา แต่อาจเป็นเพราะไร้ความสามารถในการบริหาร ซึ่งจะทำให้ไทยเสียท่าทีในการเจรจากับกัมพูชาในอนาคต จึงอยากให้ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้องทำหนังสือประท้วงกัมพูชาโดยเร็วเพื่อรักษาสิทธิและศักดิ์สรีของประเทศ แม้ว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะไม่มีคำสั่งก็ตาม ไม่เช่นนั้นคำพูดของนายเตียบัน จะถูกบันทึกไว้และอาจมีการหยิบยกไปใช้ประโยชน์ในการประชุมเจบีซีว่าไทยยอมรับแล้วว่าดินแดนดงกล่าวเป็นของกัมพูชาจึงไม่มีการประท้วงคำพูดของนายเตียบัน
**ชาวศรีสะเกษค้านถอนทหาร“เขาวิหาร”
วันเดียวกันที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายกิติศักดิ์ พ้นภัย หัวหน้ากลุ่มกำลังแผ่นดินและแกนนำเครือข่ายประชาชนชาวกันทรลักษ์พิทักษ์เขาพระวิหารพร้อมด้วยสมาชิกของกลุ่มประมาณ 20 คนได้เดินทางไปพบกับ พ.อ.ธนศักดิ์ มิตรภานนท์ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 เพื่อยื่นหนังสือผลการทำประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็น พร้อมด้วยกล่องเอกสารรับแบบประชาพิจารณ์ของประชาชนชาว อ.กันทรลักษ์ จำนวน 2 กล่อง ส่งมอบผ่าน ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.เพื่อคัดค้านการถอนกำลังทหารไทยออกจากบริเวณเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา อ.กันทรลักษ์ ตามมาตรการคุ้มครองชั่วคราวของศาลโลก
นายกิติศักดิ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี) ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 21- 25 ธ.ค.นี้จะมีการหารือร่วมกันในเรื่องการถอนกำลังทหารออกจากบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย- กัมพูชาด้านเขาพระวิหาร ฉะนั้น กลุ่มกำลังแผ่นดินและแกนนำเครือข่ายประชาชนชาวกันทรลักษ์พิทักษ์เขาพระวิหาร จึงได้ร่วมกันทำการประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าวจากประชาชนในเขตพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านชายแดนเขาพระวิหาร ทั้งในเขตชุมชนเทศบาลและหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา เช่น บ้านภูมิซรอล เป็นต้น ระหว่างวันที่ 16-18 ธ.ค.ที่ผ่านมา รวมทั้งสิ้นประมาณ 5,000 คน
ผลสรุปจากการทำประชาพิจารณ์ปรากฏว่า กว่า 99 % ประชาชนชาว อ.กันทรลักษ์ คัดค้านการถอนกำลังทหารไทยออกจากบริเวณเขาพระวิหารอย่างเด็ดขาด