xs
xsm
sm
md
lg

“กษิต” ทำขึงขัง! ไม่ปรองดอง “แม้ว” ประกาศ “คุณไม่ใช่เจ้าชีวิตผม”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หน้าเฟซบุ้คของนายกษิต ภิรมย์ เขียนบันทึกในหัวข้อ หากจะให้ผม ปรองดอง
อดีต รมว.ต่างประเทศโพสต์เฟซบุ๊ก ไม่ปรองดองด้วยถ้าล้มการปกครอง ยกเลิกมาตรา 112 ล้างผิดทักษิณ แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ชี้ “ทักษิณ” แค่ลูกผสมคอมมิวนิสต์-ฟาสซิสต์ ลั่นไม่ใช่ “เจ้าชีวิต” แต่ลืมมองย้อนไปถึงสมัยเป็นรัฐมนตรี ยกเลิกพาสปอร์ต “นช.ทักษิณ” แล้วไม่นำตัวมาลงโทษจริงจัง

วานนี้ (19 ธ.ค.) นายกษิต ภิรมย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ และอดีต รมว.ต่างประเทศ ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก Kasit Piromya ในหัวข้อ หากจะให้ผม “ปรองดอง” โดยกล่าวว่า หากจะให้ผม ยอมให้มีการล้มเลิกการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นองค์ประมุข แล้วบอกว่าเป็นการปรองดองกันแล้วนั้น ผมยอมไม่ได้และไม่ยอม และไม่ปรองดองด้วย

หากจะให้ผม ยอมให้มีการบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์โดยวิธีการต่างๆ นานา เช่น ผ่านสื่อตีพิมพ์ ผ่านสื่อสมัยใหม่ต่างๆ ผ่านวิธีการทำเผอเรอ เช่น พรมสีธงชาติ การขึ้นพระบรมฉายาลักษณ์ผิดพระองค์ ฯลฯ แล้วบอกว่าเป็นการปรองดองกัน ผมก็ไม่ปรองดองด้วย

หากจะให้ผม ยอมให้มีการแก้ไข ม.112 เพื่อนำไปสู่การไม่มีกรอบกฎหมายเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และองค์พระมหากษัตริย์และพระราชินี และราชวงศ์ชั้นสูง และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แล้วบอกว่าเป็นการปรองดองกัน ผมก็ไม่ปรองดองด้วย

หากจะให้ผม ยอมรับให้มีการดำเนินการต่างๆ นานา เพื่อทำความผิดให้ไม่ผิด มุ่งที่คนๆ เดียว คือ อดีต นรม.ทักษิณ แล้วบอกว่าเป็นการปรองดองกัน ผมก็ไม่ปรองดองด้วย

หากจะให้ผม ยอมรับการเผาบ้านเผาเมือง การใช้อาวุธ เพื่อล้มล้างระบอบการเมือง เพื่อล้มล้างรัฐบาล แล้วบอกว่าเป็นคดีการเมือง เป็นการปรองดองกัน ผมก็ไม่ปรองดองด้วย

หากจะให้ผม ยอมรับการแสดงพลัง การคุกคาม ข่มขู่ เพื่อให้ได้ตามอำเภอใจ ในทำนองกฎหมู่ คือกฎหมาย แล้วบอกว่าเป็นการปรองดองกัน ผมก็ไม่ปรองดองด้วย

หากจะให้ผม ยอมรับว่าคะแนนเสียงข้างมาก คืออำนาจเบ็ดเสร็จ ที่ทุกคนต้องยินยอม ต้องเห็นด้วย แล้วบอกว่าเป็นการปรองดองกัน ผมก็ไม่ปรองดองด้วย

หากจะให้ผม ยอมรับว่ารัฐบาลมีอำนาจแล้ว จะแทรกแซงทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เคารพหลักการแบ่งแยกอำนาจ และไม่เคารพการคานอำนาจ การตรวจสอบ แล้วบอกว่าเป็นการปรองดองกัน ผมก็ไม่ปรองดองด้วย

หากจะให้ผม ซึ่งต้องคดี (จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม) แล้วบอกว่าเอ็งก็มีคดีและข้าก็มีคดี ฉะนั้นจงมาซูเอี๋ยกัน เพื่อให้มีการนิรโทษกรรม แล้วจักได้ปรองดองกัน ผมก็ไม่ปรองดองด้วย เพราะผมพร้อมสู้คดี ผมเคารพในกระบวนการยุติธรรม และผมเชื่อว่าผมบริสุทธิ์ ผมถูกตั้งข้อหาโดยมิชอบ และผมไม่เคยหนีกระบวนการยุติธรรม

หากจะให้ผม ยอมรับและยอมอภัย เพื่อจะได้ปรองดองกัน ผมคงลืมลำบากเพราะพวกคุณมุ่งร้ายต่อชาติบ้านเมือง คุกคามประชาชนต่างๆ นานา และผมพร้อมอภัยในความเลวร้ายของคุณ แต่คุณทั้งหลายก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม คุณทำร้ายชาติบ้านเมือง คุกคามประชากร กลั่นแกล้งการปฏิบัติหน้าที่ของผู้รับผิดชอบ คุณก็ต้องรับกรรมของคุณก่อน ผมไม่ปรองดองด้วย

หากจะให้ผม ยอมรับรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2540 ทั้งดุ้น แล้วบอกว่าเป็นการปรองดองกัน ผมก็ไม่ปรองดองด้วย เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็มีข้อบกพร่อง เช่น ให้อำนาจตัวนายกรัฐมนตรีมากเกินไป และเมื่อได้นายกรัฐมนตรีขาดคุณภาพ ไม่เคารพกติกา เป็นศรีธนญชัย นายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งก็กลายเป็นเผด็จการรัฐสภา เผด็จการคณะรัฐมนตรี และเป็นเผด็จการพรรค ผมไม่ปรองดองด้วย

หากจะให้ผม ยอมรับว่าคุณเป็นนักประชาธิปไตย แต่คุณก็ชอบลัทธิผู้นำ คุณก็ชอบการมีพรรคเดียว คุณก็ชอบความเป็นประชานิยม แล้วจะให้ผมยอมรับได้อย่างไร ในเมื่อที่คุณอ้าง ที่คุณพูดมันไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง คุณดูเป็นลูกผสมคอมมิวนิสต์กับฟาสซิสต์มากกว่า คือคุณมันพวกอำนาจนิยมและก็หลอกลวงชาวบ้าน โดยการเสริมสร้างส่งเสริมลัทธิความแตกแยกและเกลียดชังทั้งหมดนี้คงจะปรองดองกันลำบาก มันคนละขั้วอุดมการณ์ และแนวความคิด

หากจะให้ผม ยอมรับการติดธงแดง การจัดตั้งหมู่บ้านแดง แล้วบอกว่าปรองดองกัน คุณคิดว่าผมโง่หรือ หากจะให้ผม ยอมรับการแบ่งประเทศโดยปริยาย ผมก็ว่าคุณทรยศชาติ ประเทศไทยหนึ่งเดียวแบ่งแยกไม่ได้ ผมไม่ปรองดองด้วย

“หากจะให้ผม ต้องยอมรับในทุกสิ่งที่คุณ เคยกระทำ, กระทำอยู่ และ กำลังจะทำต่อไป แล้วบอกว่าเป็นการปรองดองกัน ขอโทษนะครับ คุณไม่ใช่เจ้าชีวิตผมและก็ต้องขอบอกคุณไว้ว่า ผมไม่กลัวคุณ”
นายกษิตระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าท่าทีของนายกษิตแตกต่างไปจากเมื่อครั้งที่เป็น รมว.ต่างประเทศ หลังจากที่นายกษิตยกเลิกหนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ต้องหาคดีที่ดินรัชดา ตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย. 2552 โดยอาศัยระเบียบกระทรวงต่างประเทศ ข้อที่ 23 (7) ว่าด้วยพนักงานเจ้าหน้าที่สามารถยกเลิกหนังสือเดินทางได้ หากผู้ถือยังอยู่ในต่างประเทศซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศและต่างประเทศ แต่พบว่าหลังจากนั้นกลับไม่มีการดำเนินการนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณมาดำเนินคดีอย่างจริงจัง

โดยเฉพาะการที่รัฐบาลสมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อ้างว่ามีหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณขององค์กรตำรวจสากล หรืออินเตอร์โปล แต่ภายหลังกลับพบว่าอินเตอร์โปลไม่ได้ขึ้นหมายแดงให้ โดยให้เหตุผลว่าไม่เข้าเงื่อนไข แต่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ โดยเฉพาะนายกษิตไม่เคยบอกกล่าวให้ประชาชนทราบ กระทั่งเมื่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรี นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ใช้สถานะความเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศอำนวยความสะดวกให้ นช.ทักษิณ ชินวัตร ขอวีซ่าเข้าประเทศญี่ปุ่นเป็นผลสำเร็จ จึงพบว่าอินเตอร์โปลไม่เคยขึ้นหมายแดง พ.ต.ท.ทักษิณมาก่อน
นายกษิต ภิรมย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และอดีต รมว.ต่างประเทศ
กำลังโหลดความคิดเห็น