“กษิต” ประณามรัฐบาล-บัวแก้ว สมุนรับใช้ “ทักษิณ” คืนพาสปอร์ตให้ ชี้ ผิดหลักสามัญสำนึก ทั้งที่เป็นรัฐบาล แต่กลับช่วยเหลือนักโทษหนีคดี เท่ากับปฏิเสธกระบวนการยุติธรรมไทย ซัด “ยิ่งลักษณ์” ปัดความรับผิดชอบไม่ได้ มั่นใจสวนทางความรู้สึกประชาชน
วันนี้ (17 ธ.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายกษิต ภิรมย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งวิธีที่จะดำเนินการมีดังนี้ คือ 1.แจ้งมิตรประเทศทุกประเทศ 2.ประสานไปยังตำรวจสากล ซึ่งเรื่องนี้ได้ดำเนินการไป ตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว เพราะเป็นนักโทษจะต้องจำกัดความเคลื่อนไหวด้วย 3.ไม่ให้มีหนังสือเดินทาง และถ้าจะต้องเดินทางกลับสู่ประเทศไทย ก็ไม่ต้องใช้หนังสือเดินทาง แต่ใช้เอกสารเดินทางกลับขาเดียว ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติสากล เพราะฉะนั้น ทุกรัฐบาลก็มีหน้าที่ต้องนำ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาสู่กระบวนการยุติธรรม โดยทำอย่างไม่ลดละ การที่ไปออกพาสปอร์ตให้ก็เท่ากับเป็นการปฏิเสธกระบวนการยุติธรรมของไทย ไม่ทำภาระหน้าที่ในการเป็นรัฐบาลและออกหนังสือเดินทางให้ ก็ถือเป็นการส่งเสริมให้คนกระทำผิดสามารถเคลื่อนไหวได้ก็ผิดทั้งในหลักสามัญสำนึกและกฎหมายของบ้านเมือง
นายกษิต กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว ก็ยังถือหนังสือเดินทางทางการทูตอยู่ แต่ตอนหลังมีคดีและหนีคดี เราก็ไม่ให้อภิสิทธินี้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยการยกเลิกหนังสือเดินทางทางการทูต และไม่ออกหนังสือใหม่ให้ ดังนั้นก็ไม่ควรที่จะใช้พาสปอร์ตแดง หรือพาสปอร์ตธรรมดา ไม่อย่างนั้นนักโทษในประเทศไทยทั้งหมดก็มีหนังสือเดินทาง
ผู้สื่อข่าวถามว่า คนที่ต้องคดีจะต้องถูกยึดหนังสือเดินทางด้วยหรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าเขามีหนังสือเดินทางหรือไม่ หนังสือเดินทางหมดอายุหรือไม่ เขาอยู่นอกประเทศหรือไม่ และสำนักงานอัยการสูงสุดแจ้งมาที่กระทรวงการต่างประเทศว่าไม่ให้เอาตัวกลับมาจากต่างประเทศหรือไม่ ซึ่งต้องดูเป็นกรณีไป
“กรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อมีคำสั่งให้ยกเลิกพาสปอร์ต ก็เพราะว่ามีคดีอยู่ จะเป็นแบล็กลิสต์หรือไม่ ตนคิดว่าไม่เป็นประเด็น อย่าไปผิดประเด็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ หนีคุกหรือไม่ ต้องกลับมาเข้าคุกและจะไปออกหนังสือเดินทางเพื่ออะไร คือ เราอย่าผิดประเด็นว่าพ.ต.ท.ทักษิณ หนีคุก 2 ปี เพราะต้องกลับมาเข้าคุกและจะไปออกหนังสือเดินทางเพื่ออะไร นอกเสียจากทำตัวเป็นสมุนรับใช้พ.ต.ท.ทักษิณ และทำตัวผิดกฎหมาย ผิดครรลองของประชาธิปไตย ดังนั้นพ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้ โดยเราออกพาสปอร์ต เฉพาะขาเข้ามาเท่านั้น และคนไทยทุกคนก็มีสิทธิที่จะกลับสู่ประเทศของตัวเองเป็นหลักปฏิบัติสากล ไม่ต้องมีหนังสือเดินทาง แต่จะเดินมาที่ปอยเปต เราก็ไปรับได้ไม่มีปัญหา ไม่จำเป็นต้องมีหนังสือเดินทาง ผมคิดว่า รมว.ต่างประเทศ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อยากสนองตอบ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยทำอะไรไม่ถูกต้อง สวนทางความรู้สึกของประชาชน” อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าว
นายกษิต กล่าวว่า ตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปประเทศต่างๆ โดยใช้พาสปอร์ตของประเทศมอนเตเนโกร โดยจ่ายไป 5 แสนเหรียญ ซึ่งมีข่าวมาอย่างนั้น ตนเดินทางไปที่ประเทศมอนเตเนโกร ประเทศนี้ก็บอกว่าออกหนังสือเดินทางให้ รมว.ต่างประเทศ ของมอนเตเนโกร ก็ยืนยัน อย่างไรก็ตามทุกวันนี้แม้ไม่มีพาสปอร์ตของไทย พ.ต.ท.ทักษฺณ ก็เดินทางได้อยู่แล้ว อยู่มา 3 ปี เร่ร่อนไปทั่วโลก จะมาพูดอะไรตอนนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าการออกพาสปอร์ตถือว่าเข้าข่ายดำเนินคดีได้หรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า เป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมาย ตนไม่มีความช่ำชองในเรื่องนี้ และตนมองในเรื่องการเมือง ในแง่สามัญสำนึก เพราะกฎเกณฑ์มีอยู่ คือ การเอานักโทษกลับสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่อ้างแบบศรีธนญชัย อีกทั้งนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ก็ทำตัวเป็นสมุน พ.ต.ท.ทักษิณ เขาก็ไม่ได้ปิดบังอะไร
“การที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ทำไม่สำเร็จ ไม่ได้หมายความว่าต้องเลิกทำ ก็ทำต่อไปสิมีเสียงข้างมากในสภาก็เยอะแยะ อำนาจก็มหาศาล ตำรวจก็เป็นพี่เมีย ก็อยู่ที่ว่ารัฐบาลเข้มแข็งและเอาจริงเอาจังแค่ไหน และผู้ที่ต้องรับผิดชอบในกรณีที่ กระทรวงการต่างประเทศออกพาสปอร์ตให้พ.ต.ท.ทักษิณ คือ ข้าราชการประจำโดยเฉพาะรมว.ต่างประเทศ และนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นพี่ชายของตัวเองอย่าหนีความรับผิดชอบอย่าบอกว่าไม่รู้ เลิกเสียทีคำพูดนี้ เป็นนายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบ นอกจากนี้ขึ้นอยู่กับ 3 หน่วยงาน คือ กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจสันติบาล
อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ความร่วมมือของประเทศต่างๆ เพราะที่เป็นปัญหาอยู่ การหลายประเทศไม่อยากให้ความร่วมมือ เพราะลังเลใจ ก็เห็นใจรัฐบาลต่างประเทศ เนื่องจากไม่รู้ว่าคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ มีนัยยะทางการเมืองหรือไม่ เป็นผู้ลี้ภัยทางการเมืองหรือไม่ หลักปฏิบัติสากลเขาไม่ส่งนักโทษการเมืองกลับมาให้ประเทศแม่ แต่เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ มีทั้งคดีการเมืองและคดีอาญามันถึงได้ยุ่ง
“สิ่งที่เราได้ขอทุกรัฐบาล คือ อย่าขอเปิดประเทศเขา ให้เป็นฐานการเมือง หรือเป็นฐานให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เล่นการเมืองไทย หรือไม่ได้ให้คู่ต่อสู้ของฮุนเซนมาใช้เวลาประเทศไทย เพื่อด่าพ่อล่อแม่ของฮุนเซนก็ฉันใดฉันนั้น แต่เรื่องนี้เป็นจิตสำนึกของแต่ละประเทศ ก็ทีใครทีมันความเปลี่ยนแปลงก็มี อย่างไรก็ตาม เมื่อสภาเปิดพรรคก็ต้องเล่นไปตามครรลองของสภา ขณะที่นอกสภาเราก็ชี้แจงต่อประชาชน ซึ่งภาคประชาชนภาคประชาสังคมก็สนใจเรื่องนี้อยู่ กระบวนการยุติธรรมก็ต้องทำงาน ทั้งตำรวจ สำนักงานอัยการสูงสุด และท่านทั้งหลายทั่วโลกก็ต้องคึกคักกว่านี้