xs
xsm
sm
md
lg

กลยุทธ์กับดัก “หนวดปลาหมึก” แผนร้าย “ทักษิณ” กำลังพ่นพิษ!?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อำพล ตั้งนพกุล
การที่ศาลทยอยตัดสินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพออกมาอย่างต่อเนื่อง ในช่วงเวลาเดือนเศษที่ผ่านมา ย่อมเป็นประเด็นให้ฝ่ายที่จ้องจะแก้กฎหมายอาญามาตรา 112 เห็นเป็นเหยื่ออันโอชะ ใช้ตกเบ็ดล่อปลาให้เข้ามาร่วมขบวนต่อต้านกฎหมายมาตรานี้มากขึ้น

ทั้งที่หลายคนในจำนวนนี้อาจไม่มีความรู้ลึกซึ้งใดๆ เลยเกี่ยวกับเนื้อหาคำพิพากษา แต่อาศัยเกาะกระแสอินเทรนด์ผสมโรงวิพากษ์วิจารณ์โหนกระแสที่พยายามปั่นกันว่า

นี่คือ “ความนิยมใหม่” ที่กำลังมาแรงในหมู่คนไทยที่มีใจรักประชาธิปไตย

แต่ความจริงแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่ “ยุทธศาสตร์สร้างกระแส” ขยายวง เพื่อหาแนวร่วมเพิ่ม และจุดประเด็นให้ต่างชาติเข้าใจว่าคนไทยส่วนใหญ่อึดอัดคับข้องใจกับการมีอยู่ของกฎหมายอาญามาตรานี้

ซึ่งต้องบอกว่า ตรงกันข้ามกับความจริงโดยสิ้นเชิง เพราะคนไทยส่วนใหญ่ไม่มีใครมีปัญหากับการมีกฎหมายปกป้องสถาบันไม่ให้ถูกจาบจ้วง มีเพียงนักวิชาการกลุ่มเล็กๆ ที่อาศัยบารมีทางการเมืองของ ทักษิณ ชินวัตร เผยแพร่ความคิดของตนเอง โดยจะเห็นได้ว่า “ลัทธิล้มเจ้า”เริ่มผลดอกออกผลเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงการชุมนุมของคนเสื้อแดง

นักวิชาการแดงหวังใช้ทักษิณเปลี่ยนแปลงประเทศ มองสถาบันกษัตริย์ว่าเป็นตัวถ่วงประชาธิปไตย

ขณะที่ ทักษิณ หวังใช้คราบความเป็นนักวิชาการของคนเหล่านี้มาเป็นฉากบังหน้า ฟอกตัวเองจากทรราชย์มาเป็นนักประชาธิปไตย

เมื่อขนมจีนผสมน้ำยากินกันอย่างเอร็ดอร่อยมากว่า 5 ปี มาวันนี้ไหนเลยจะไม่มีการเดินหน้าแบบ “ดับเครื่องชน”เพื่อหวังผลไปสู่เป้าหมาย

การที่ นายอำพล ตั้งนพกุล ผู้ต้องหาคดีส่ง sms หมิ่นเบื้องสูงที่ต้องโทษ 20 ปี จากการกระทำความผิด 4 กระทง ประกาศสู้คดีต่อไม่ขอพระราชทานอภัยโทษ รวมไปถึงกรณีล่าสุดที่ “ดา ตอร์ปิโด” ถูกศาลอาญาพิพากษาจำคุก 15 ปี จากการปราศรัยหมิ่นเบื้องสูงบนเวที นปก.ที่ท้องสนามหลวง แสดงความยโสไร้สำนึกผิดชอบชั่วดี ด้วยการออกปากว่า ไม่เชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมไทย จึงไม่อุทธรณ์ยอมติดคุก และจะไม่ขอพระราชทานอภัยโทษนั้น

เป็นสองกรณีที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ขบวนการล้มล้างสถาบันที่หวังเริ่มต้นจากการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 มาเป็นตัวจุดชนวนได้วางกลยุทธ์ที่จะใช้อิสรภาพของ “อำพล ตั้งนพกุล” และ “ดา ตอร์ปิโด” มาเป็นเครื่องเซ่นสังเวย

“อำพล” ถูกวางบทบาทให้เป็น “อากง” ผู้น่าสงสาร

ส่วน “ดา ตอร์ปิโด” ถูกเชิดให้เป็นนักต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ และทั้งคู่ต้องแสดงละครเรื่องนี้ผ่านซี่กรงเหล็กเท่านั้น

หมากเกมนี้มิได้มีเพียงเครือข่ายเคลื่อนไหวภายในประเทศเท่านั้น แต่ยังสยายปีกใช้เครือข่ายในต่างแดนผ่านยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศอีกด้วย

จึงไม่น่าแปลกใจที่มีการเคลื่อนไหวจากทั้งสหประชาขาติ และสหรัฐอเมริกา ในลักษณะสอดรับกับกลุ่มคนที่ต้องการแก้ไขกฎหมายอาญา “มาตรา 112” โดยอ้างว่าเป็นกฎหมายที่ไม่เป็นสากลละเมิดสิทธิเสรีภาพ ในขณะที่กระทรวงการต่างประเทศของไทยก็มิได้ใส่ใจที่จะสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องกับต่างชาติ หากปล่อยให้เรื่องนี้กลายเป็นภาระของประชาชนที่ทนไม่ไหวจนต้องทำหนังสือชี้แจงไปยังองค์กรต่างประเทศเหล่านั้น

พฤติกรรมของกระทรวงการต่างประเทศภายใต้รัฐนาวาที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี จึงเสมือนกับหลับตาข้างหนึ่ง “สมรู้ร่วมคิด” หวังใช้ต่างชาติกดดันประเทศตัวเอง เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการกดดันสถาบันอีกทางหนึ่ง

มือไม้ของ ทักษิณ ที่วางไว้เป็นขุมข่ายในการรักษาฐานอำนาจ ทั้งกลุ่มแดงล้มเจ้า กองกำลังติดอาวุธ พรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดง จึงไม่แตกต่างอะไรกับปลาหมึกที่มีหนวดยุ่บยั่บ แต่การเคลื่อนไหวไร้ระเบียบเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง

เราจึงได้เห็นการขับเคลื่อนที่ไร้เอกภาพ จนกลายเป์นความขัดแย้งภายใน เช่น กลุ่มแดงล้มเจ้า ต้องการแก้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มีพฤติกรรมใส่ร้ายสถาบันผ่านโลกไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง แต่ ยิ่งลักษณ์ ที่กำลังถูกโจมตีในหมู่แดงล้มเจ้าว่า “สู้ไปกราบอำมาตย์ไป” ประกาศเทิดทูนสถาบัน ส่ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ล้อมปราบเว็บไซต์จนกระเทือนซางแดงกันเป็นแถว

ในขณะที่กลุ่มแดงล้มเจ้ามุ่งมั่นแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ร.ต.อ.เฉลิมประกาศในนามรัฐบาลว่า จะไม่มีการแก้ไขกฎหมายมาตรานี้อย่างแน่นอน

ส่วนจะเป็นหนึ่งในยุทธการสับขาหลอก แบ่งไพ่กันเล่น วางตัวคนละบทบาทหรือไม่นั้น ประชาชนมีวิจารณญาณตัดสินได้

ในขณะที่พรรคเพื่อไทยประกาศชะลอการแก้ไขรัฐธรรมนูญ “ธิดาแดง” ก็ออกมาสวนทันควันว่าต้องแก้รัฐธรรมนูญให้ได้

ในขณะที่กองกำลังติดอาวุธและก่อการร้ายแดงปลายแถวยังรับกรรมกินข้าวแดงในคุก แกนนำแดงก็กำลังลั้ลลากันสุดเหวี่ยง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รอลุ้นเสียบตำแหน่ง รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแทน กฤษณา สีหลักษณ์ ทำให้แทบไม่เห็นหัวคนเสื้อแดงที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ

ในขณะที่พรรคเพื่อไทยสาละวนอยู่กับการแก้ปัญหาให้ ทักษิณ ชินวัตร คนเสื้อแดงที่เคยวาดหวังว่า ยิ่งลักษณ์ จะเป็น นารีขี่ม้าขาวนำพาพวกเขาพ้นจากบ่วงทุกข์ กลับได้พบความจริงอันแสนเจ็บปวดว่า พวกเขากำลังถูกทอดทิ้งให้อยู่กับความจนและหนี้

“หนวดปลาหมึก” ที่ ทักษิณ ใช้เป็นขุมข่ายทางอำนาจ หวังให้เป็นข้าทาสรับใช้ปกป้อง ยิ่งลักษณ์ ผู้เป็นน้องสาว กำลังเคลื่อนตัวในลักษณะที่แม้แต่ ทักษิณเอง ก็อาจไม่อยู่ในวิสัยที่จะควบคุมได้

ครั้นจะตัดหนวดปลาหมึกทิ้ง ก็ไม่กล้าพอที่จะตัดแขนขาของตัวเอง

สถานการณ์การเมืองนับจากนี้ไปจึงเข้าสู่ “กับดักหนวดปลาหมึก” ที่ ทักษิณ หวังใช้รัดเหยื่อ แต่สุดท้ายอาจกลายเป็นพันธนาการล็อกตัวเอง จนขยับไม่ได้ไปไม่ถึง จนขาดใจตายในที่สุดก็ได้ใครจะรู้
ดา ตอร์ปิโด
กำลังโหลดความคิดเห็น