นายกฯ เยือนพม่า ประชุมกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง ร่วมกำหนดแผนพัฒนาภูมิภาค 10 ปี พร้อมถกร่วมป้องภัยพิบัติในอนาคต จับตา “ยิ่งลักษณ์” บินพบ “อองซาน” ถึงย่างกุ้ง อ้างแลกเปลี่ยนความคิดในฐานะนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (จีเอ็มเอส) ครั้งที่ 4 ที่ นครเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ในวันที่ 19-20 ธันวาคม 2554 โดยธนาคารพัฒนาเอเชีย เป็นผู้ให้การสนับสนุน ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมให้เกิดการขยายตัวทางการค้า การลงทุนอุตสาหกรรม การเกษตร และบริการสนับสนุนการจ้างงานและยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ให้ดีขึ้น ซึ่งมีสาขาความร่วมมือ 9 สาขา ได้แก่ คมนาคม พลังงาน การค้า การลงทุน การเกษตร สิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยว และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
สำหรับการประชุมระดับผู้นำจีเอ็มเอสนั้น จัดขึ้นมาทุก 3 ปี โดยกัมพูชาเป็นเจ้าภาพประชุมผู้นำจีเอ็มเอสครั้งแรก เมื่อปี 2545 และจีน เป็นเจ้าภาพครั้งที่ 2 เมื่อปี 2548 จากนั้นประเทศลาวเป็นเจ้าภาพครั้งที่ 3 เมื่อปี 2551 และครั้งนี้ ประเทศเมียนมาร์ ซึ่งในการประชุมระดับกลุ่มผู้นำครั้งที่ 4 นี้ที่ประชุมจะทบทวนการดำเนินงานและความสำเร็จของแผนงานจีเอ็มเอส ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาแผนงานจีเอ็มเอส ฉบับแรก ปี 2002-2012 ที่ประสบผลสำเร็จในการเติบโตทางเศรษฐกิจ และลดความยากจน และได้มีการลงทุนในโครงการต่างๆ เช่น การพัฒนาเส้นทางคมนาคม จำนวน 55 โครงการ รวมถึงการเจริญเติบโตของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของอนุภูมิภาคที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
น.ส.ยิงลักษณ์ กล่าวว่า การประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มแม่น้ำโขงในครั้งนี้ มีประเทศเข้าร่วมประชุมทั้งหมด 6 ประเทศ ซึ่งหลักๆ จะเป็นความร่วมมือเรื่องการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน แลกเปลี่ยนความรู้ในการค้า ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 4 ได้มีการร่างแผนในการพัฒนา 10 ปี ซึ่งฝ่ายไทยจะไปยืนยันในแผนนั้น เพื่อเพิ่มการพัฒนาและนำความเจริญสู่ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง สำหรับในส่วนของประเทศไทย ครั้งนี้เราจะใช้โอกาสนี้ในการเยือนในเรื่องหลักๆ เช่น การมีความพร้อมในการลงทุนในการเชื่อมต่อ โดยเฉพาะการลงทุนในส่วนของเศรษฐกิจตะวันออกและตะวันตก ซึ่งตรงนี้จะเป็นประโยชน์รวมถึงการพัฒนาท่าเรือลุ่มน้ำทวาย จากนั้นก็จะเป็นเรื่องการศึกษาเรื่องสาธารณสุข และความร่วมมือทางเทคโนโลยี และในครั้งนี้จะมีการเซ็นสัญญาเอ็มโอยู 2 ฉบับด้วยกันซึ่งจะเป็นการเซ็นสัญญาเอ็มโอยูของกระทรวงสาธารณสุข ในเรื่องของความร่วมมือป้องกันการแพร่เชื้อเอชไอวี และความร่วมมือทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ส่วนที่ 3 จะเป็นเอ็มโอยูที่ร่วมกับภาคเอกชน
ผู้สื่อข่าวถามว่า นอกจากความร่วมมือที่จะมีการหารือกันแล้ว วิกฤตการณ์จากภัยธรรมชาติก็เริ่มเกิดขึ้นมาก โดยเฉพาะปัญหาโดยบริเวณลุ่มแม่น้ำโขง จะมีการร่วมกันทบทวนเพื่อป้องกันหรือไม น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ข้อนี้ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะใช้การหารือส่วนหนึ่งทางบริเวณลุ่มแม่น้ำโขง แต่จริงๆ แล้วในส่วนนี้ก็จะเป็นหัวข้อของอาเซียนอยู่แล้วที่จะหาความร่วมมือร่วมกัน ทั้งในภูมิภาคอาเซียนในเรื่องการที่จะดูการพัฒนาร่วมกัน และป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย ซึ่งในเวทีนี้จะเป็นลักษณะของการแลกเปลี่ยนแบบไม่เป็นทางการ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนเวทีในการพูดแต่ละผู้นำ ซึ่งแล้วแต่ละหัวข้อที่เขากำหนด ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการพูดคุยในเรื่องของการลงทุน สนับสนุนแผนดำเนินการ ที่จะไปข้างหน้าในอีก 10 ปี ที่มีการร่างไว้ร่วมกัน
เมื่อถามต่อว่า ความร่วมมือที่มีอยู่ในขณะนี้จะมีปัญหาทางด้านความมั่นคง เพราะว่ามีกลุ่มโจรสลัดที่คอยดักปล้นอยู่ด้วยจะมีการหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาหารือด้วยหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า โดยภาพรวมแล้ววันนี้เราให้ทางตำรวจและ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ดูแลในเรื่องนี้แล้ว ก็ได้มีการหารือในส่วนขอความร่วมมือด้านปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ หลังจากการประชุมจีเอ็มเอสเสร็จแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็จะถือโอกาสบินไปพบกับนางอองซาน ซูจี ที่เมืองย่างกุ้งเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้กันเมื่อถามว่า ประเด็นที่จะหยิบยกในการหารือกับนางอองซาน ซูจี จะมีประเด็นอะไรบ้าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เนื่องจากนางอองซานซูจี เป็นนักต่อสู้ประชาธิปไตย ก็คงจะไปแลกเปลี่ยนความรู้ในฐานะการที่เป็นประเทศประชาธิปไตยเหมือนกัน