แบงก์ชาติเอเชียทะยอยลดด/บ. รับมือศก.โลกทรุด

เอเอฟพี - บรรดาธนาคารกลางในเอเชียเริ่มชวนกันลดดอกเบี้ย เนื่องจากกำลังใจเต้นไม่เป็นส่ำกับวิกฤตยูโรโซนและการฟื้นตัวที่วางใจไม่ได้ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ตลอดไม่กีปีหลังมานี้ เศรษฐกิจที่เฟื่องฟูของเอเชียมีส่วนช่วยประคับประคองเศรษฐกิจโลกซึ่งซวนเซจากวิกฤตหนี้ ขณะเดียวกันภูมิภาคนี้ยังสามารถรักษาอัตราการเติบโตฟูฟ่องแม้ตลาดส่งออกในตะวันตกกำลังหดตัวลงอย่างสำคัญ
แบงก์ชาติของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้ที่พากันใช้นโยบายการเงินคุมเข้มเมื่อต้นปีเพื่อต่อสู้การคุกคามของเงินเฟ้อ และแนวโน้มราคาอาหารไร้เสถียรภาพ มาบัดนี้ตัดสินใจพลิกเกมกะทันหัน
แคปิตอล อิโคโนมิกส์ระบุในรายงานที่ออกมาในสัปดาห์นี้ว่า ธนาคารกลางออสเตรเลีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ปากีสถาน เริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงินในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางความกังวลมากขึ้นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ขณะที่ความกดดันด้านเงินเฟ้อกลับคลี่คลายลง
รายงานยังคาดว่า ธนาคารกลางของประเทศอื่นๆ ในเอเชียจะดำเนินรอยตาม โดยหลายชาติอาจเริ่มลดดอกเบี้ยต้นปีหน้า ขณะที่มาเลเซียอาจประเดิมในวันศุกร์ (11)
สำหรับจีนที่รายงานเมื่อวันพุธ (9) ว่าอัตราเงินเฟ้อประจำเดือนตุลาคมลดฮวบอยู่ที่ 5.5% นั้น อาจกลับลำนโยบายครั้งสำคัญภายในไม่กี่สัปดาห์นี้
รายงานของทางการจีนระบุว่า อุปสงค์ทั่วโลกลดต่ำ และวิกฤตยูโรโซนทำให้เศรษฐกิจโลกอึมครึมลง
ทั้งนี้ ยอดส่งออกของจีนไปยังสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 5 ของยอดส่งออกทั้งหมดของแดนมังกรนั้น ลดลง 7.5% ในเดือนกันยายน
ขณะเดียวกัน อัตราเงินเฟ้อจีนลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 หลังจากทำสถิติสูงสุดในรอบกว่า 3 ปีที่ 6.5% ในเดือนกรกฎาคม ทั้งนี้ ผู้วางนโยบายยังคงดำเนินมาตรการต่อสู้เงินเฟ้อที่สำคัญ เป็นต้นว่า สกัดการปล่อยกู้ของแบงก์และการซื้ออสังหาริมทรัพย์ต่อเนื่อง
เดือนที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีเวินเจียเป่าย้ำว่า การควบคุมราคาเป็นภารกิจสำคัญ แต่รัฐบาลจะปรับนโยบายเศรษฐกิจเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
ที่ออสเตรเลีย ในเดือนนี้ แบงก์ชาติแดนจิงโจ้ลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี โดยลงมาอยู่ที่ 4.50% รวมทั้งลดการคาดการณ์การเติบโต และเตือนว่าวิกฤตยุโรปอาจฉุดเศรษฐกิจออสเตรเลียที่พึ่งพิงทรัพยากรธรรมชาติให้ชะลอตัว
สำหรับไทยที่เผชิญอุทกภัยร้ายแรง ถูกมองว่าใกล้ได้ฤกษ์ลดดอกเบี้ยเต็มที ขณะที่แบงก์ชาติแดนอิเหนาเพิ่งประกาศลดต้นทุนการกู้ยืมสดๆ ร้อนๆ ในวันพฤหัสฯ (10) 0.50% แม้เพิ่งลดลงไปในเดือนที่แล้ว
นักวิเคราะห์กล่าวว่า การที่ยุโรปต้องการสินค้าออกของเอเชียน้อยลง ช่วยลดความกดดันด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์และเงินเฟ้อ ซึ่งก่อนหน้านี้ถือเป็นความเสี่ยงสำคัญต่อการเติบโตของเอเชีย
แคปิตอล อิโคโนมิกส์ในเครือบาร์เคลย์ คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนจะลดลงต่ำกว่า 8.5% ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ จาก 9.7% ในช่วงต้นปี แต่ไม่ถือเป็นสัญญาณอันตรายแต่อย่างใด อีกทั้งยังเป็นมุมมองที่เป็นที่ยอมรับได้มากขึ้นในปักกิ่ง ในการปล่อยให้เศรษฐกิจโตช้าลงเล็กน้อยเพื่อแลกกับคุณภาพและความยั่งยืน หลังจากเศรษฐกิจขยายตัวร้อนแรงในช่วงสินเชื่อบูมปี 2009-2010
นอกจากนี้ ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ระบุว่าปีนี้เศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียจะติบโตในอัตรา 7.5% ลดลงจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 7.8% และจะยังคงรักษาอัตราขยายตัวนี้จนถึงปีหน้า เนื่องจากแม้การฟื้นตัวของประเทศอุตสาหกรรมสะดุดลง แต่ดีมานด์และการค้าภายในภูมิภาคจะสามารถผลักดันให้เอเชียเติบโตต่อไปได้