ปชป.อัด “ปึ้ง” ไม่ใช่ลูกผู้ชาย ไร้ศักดิ์ศรี โกหกหน้าด้าน งุบงิบคืนพาสปอร์ตให้ “ทักษิณ” แต่ถูกจับได้กลับโยนความผิดให้ ขรก.ยัน อ้างระเบียบยกเลิกเพื่อคืนอย่างเดียวไม่ได้ ต้องยึดระเบียบ กต.ข้อ 21 ห้ามคืนให้นักโทษหนีคุก โชว์หนังสือ “ศาลฎีกาฯ” ส่งถึง กต.-สตช-สตม.สั่งล่าตัว นช.แม้ว ตั้งแต่ปี 51 ขู่ จี้ “ปู” ขับออกจากเก้าอี้ด่วน ซ้ำ หากทำมึนเจอยื่นถอดถอน พร้อมฟันอาญา ปลุก ขรก.บัวแก้ว ลุกขึ้นสู้เพื่อความถูกต้อง อย่ายอมอยู่ใต้เงานักการเมืองพันธุ์ชั่ว ด้าน ทีมกฎหมาย ปชป.เตรียมถอดถอน-อาญา “ปึ้ง” อีกรอบ
วันนี้ (16 ธ.ค.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ออกมายอมรับว่า ได้คืนหนังสือเดินทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯแล้ว ว่า ที่ผ่านมา นายสุรพงษ์ ดำเนินการอย่างไม่ใช่ลูกผู้ชายและไร้ยางอาย เป็นการโกหกต่อประชานคนไทยทุกคน เพราะช่วงสิ้นเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา นายสุรพงษ์ เพิ่งออกมาให้สัมภาษณ์เพื่อหยั่งกระแสสังคมในเรื่องนี้ ทั้งที่ความจริงได้คืนพาสปอร์ตไปแล้ว และในวันนี้ก็พูดเพียงว่า คืนไปแล้ว แต่ไม่ยอมตอบในรายละเอียด ว่า คืนไปเมื่อไหร่ จนกรมการกงสุลทนไม่ได้ต้องออกมาแถลงเองว่า ได้คืนพาสปอร์ตไปเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ยื่นคำร้องผ่านสถานทูตไทยในกรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม จึงเป็นความน่าละอายที่โกหกประชาชน เพื่อคนๆ เดียว เพื่อรักษาตำแหน่งรัฐมนตรีของตัวเอง จนมุมแล้วโยนเรื่องให้ข้าราชการกรมการกงสุลรับผิดชอบ ที่ นายสุรพงษ์ อ้างระเบียบกระทรวงการต่างประเทศ ข้อ 23(7) ซึ่งเป็นเหตุผลที่ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ในรัฐบาล ปชป.ยกเลิกพาสปอร์ตตามเหตุผลที่มีความเคลื่อนไหวของผู้ถือพาสปอร์ตที่กระทบกระเทือนสร้างความเสียหายต่อประเทศ โดยระบุว่า เมื่อไม่ส่งผลเสียหายแล้วก็คืนได้นั้น เป็นการกระทำผิดกฎหมายชัดเจน เพราะระเบียบการยกเลิกกับการออกให้ใหม่ใช้คนละข้อกัน
นายชวนนท์ กล่าวว่า การจะพิจารณาออกพาสปอร์ตให้ใหม่นั้น ระเบียบกระทรวงการต่างประเทศ ในหมวดที่ 7 เรื่องการปฏิเสธ หรือยับยั้งการออกหนังสือเดินทาง ในข้อ 21 ด้วยเกณฑ์ข้อห้าม 3 ใน 7 ข้อ ดังนี้ (2) กรณีผู้ยื่นคำร้องได้รับโทษในคดีอาญา หรืออยู่ระหว่างการปล่อยตัวชั่วคราว หรือเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาที่ได้มีการออกหมายจับไว้แล้ว ซึ่งศาลหรือพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจเห็นว่าไม่ควรออกให้ (3) เมื่อผู้ร้องเป็นผู้ที่ศาลหรือเข้าพนักงานซึ่งมีอำนาจตามกฎหมายอื่นสั่งห้ามไม่ให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร และ (4) เมื่อผู้ร้องกระทำผิดกฎหมายหรือระเบียบปฏิบัติราชการซึ่งขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ในเงื่อนไขนี้ถึง 3 ข้อ ทำไมนายสุรพงษ์ไม่พูดถึงเรื่องเหล่านี้
นอกจากนี้ ตนอยากทราบว่า กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทราบหรือไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกออกหมายจับ เป็นนักโทษหนีคดีอาญาอยู่ เพราะมีหนังสือจากผู้ช่วยเลขานุการแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา ส่งไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2551 ให้ข้อมูลไว้ เรื่องการปล่อยตัวชั่วคราว แต่ห้ามพ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่ได้รับการอนุมัติจากศาล นอกจากนี้ ในวันที่ 13 สิงหาคม 2551 ผู้ช่วยเลขานุการแผนกคดีอาญาฯ ได้ทำหนังสือถึง ผบ.ตร.ระบุศาลนัดจำเลยที่ 1 คือ พ.ต.ท.ทักษิณ และจำเลยที่ 2 คือ คุณหญิง พจมาน ณ ป้อมเพชร พิจารณาคดีในวันที่ 11 สิงหาคม 2551 แต่ไม่ยอมกลับประเทศ ศาลจึงสั่งให้ออกหมายจับและให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ดำเนินการติดตามจับกุมตัวกลับมาดำเนินคดี รวมทั้งมีการแจ้งไปยังสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ด้วย
“ขณะนี้ความผิดสำเร็จแล้ว เข้าใจว่า นายสุรพงษ์ ไม่กล้าพูดเอง ว่า ออกหนังสือให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไร้ยางอายสิ้นดี ที่โยนให้ข้าราชการจนพวกเขาทนไม่ได้ ต้องออกมาแถลงข่าวอย่างระส่ำระสาย เพราะเรื่องนี้เป้นความผิดทางคดีอาญา ผมไม่รู้จะเรียกร้องอะไรกับนายสุรพงษ์ เพราะไร้ยางอาย กล้าที่จะทำผิด แต่ไม่กล้ายอมรับ อย่าว่าแต่เป็น รมว.ต่างประเทศ เลย ท่านไม่สมควรมาดำรงตำแหน่งใดที่จะเกี่ยวพันกับความอยู่ดีมีสุขของประชาชน คนที่มีลักษณะปลิ้นปล้อน โกหก จนมุมแล้วโยนภาระให้คนอื่น”
นายชวนนท์ กล่าวว่า ทั้งหมดชัดเจนว่า การออกพาสปอร์ตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยกระทรวงการต่างประเทศนั้น เป็นการกระทำผิดกฎหมายชัดเจน ซึ่งฝ่ายกฎหมาย ปชป.กำลังเตรียมดำเนินคดีกับกระบวนการออกหนังสือเดินทางทั้งหมด ตั้งแต่ ผอ.กองหนังสือเดินทาง รองอธิบดี อธิบดี ไปจนถึง นายสุรพงษ์ ซึ่งมี 2 แนวทาง คือ ความผิดอาญา และการยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.ตามมาตรา 157 ซึ่งการดำเนินการกับนายสุรพงษ์ ต้องมากกว่าการยื่นถอดถอนแน่นอน เพราะถือเป็นความผิดรุนแรง นอกจากนี้ ในส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ถ้ารู้ว่านายสุรพงษ์ทำผิดแล้วไม่ลงโทษปลดออกจากตำแหน่งแล้วปล่อยให้อยู่ต่อไป ก็ต้องพิจารณาดูว่าถือว่าละเว้นการปฏิบัตินห้าที่หรือไม่ และมีความเป็นไปได้ที่จะถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ด้วย
“ผมขออยากเรียกร้องไปยังข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศทุกคนที่มีศักดิ์ศรี จบการศึกษาดี มีวุฒิภาวะ จะยอมทำงานกับคนอย่างนี้ได้อย่างไร คุ้มแล้วหรือที่จะฝากอนาคต หรือรับใช้นักการเมืองพันธุ์นี้ต่อไป แต่ถ้าไม่ยอมรับใช้ก็ต้องลุกขึ้นมาต่อสู้กับความถูกต้อง และบอกมาว่าใครคือจุดต้นเหตุที่แท้จริง ใครคือคนสั่งการ ส่วนคนที่รับใช้พ.ต.ท.ทักษิณ ขอบอกว่าเรื่องนี้ไม่ได้ต้องการกลั่นแกล้ง หรือตามล้างตามเช็ดใคร แต่เขาทำผิดกฏหมาย อยู่เหนือมาตรฐานที่ตัวเองเคยด่าว่าคนอื่นเรื่องดับเบิ้ลสแตนดาร์ดแล้วพวกท่านยังจะสนับสนุนอีกหรือ” นายชวนนท์ กล่าว
ด้าน นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ยอมรับว่า มีการออกพาสปอร์ตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า ขอให้ นายสุรพงษ์ นำสำเนาเอกสารการอนุญาตการออกพาสปอร์ต สำเนาคำสั่งยกเลิกคำสั่งของนายกษิต ภิรมย์ อดีต รมว.ต่างประเทศ และสำเนาการขอพาสปอร์ตดังกล่าว เพราะวันนั้งคมสงสัยว่านายสุรพงษ์ ดำเนินการเรื่องนี้ เพื่อรักษาดำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ หรือไม่ หรรือไปรับปากใครไว้ว่าเป็น รมว.ต่างประเทศ แล้วจะทำเรื่องนี้ให้ ซึ่งตามหลักสากลไม่มีประเทศไหนออกพาสปอร์ตให้กับผู้ร้ายหลบหนีคดี และถูกศาลพิพากษาจำคุก โดยตนจะรอเอกสารดังกล่าวภายใน 7 วัน หากไม่มีการจัดส่งมาให้ เราก็จะดำเนินการตามที่เห็นสมควร ทั้งการถอดถอนออกจจากตำแหน่ง และการดำเนินคดีอาญาฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ