xs
xsm
sm
md
lg

จับตาเกมใต้ดิน รอถล่มศาลรธน.

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวการเมือง


ตอนนี้ “ศาลรัฐธรรมนูญ”จะกลับมาเป็นที่ถูกจับจ้องจากสังคมอีกครั้ง

เพราะหลังจากที่จบจากคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ทั้งคดีเงินบริจาคทีพีไอ 258 ล้านบาทและคดีเงินกองทุนพรรคการเมือง 29 ล้านบาท ที่จบสิ้นกระบวนความกันไปก็ช่วงต้นเดือนธันวาคม 2553 ก็ไม่ค่อยมีข่าวอะไรเกี่ยวกับศาลรัฐธรรมนูญมากนัก

มาวันนี้ ก็ครบหนึ่งปีหลังจบจากคดียุบพรรคปชป.ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะกลับมาเป็นที่สนใจของสังคมอีกครา

เพียงแต่เปลี่ยนตัวผู้ถูกร้องจากพรรคประชาธิปัตย์ มาเป็นคนของพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดง กับการวินิจฉัยคดีสมาชิกภาพของนายจตุพร พรหมพันธุ์

หลังคณะกรรมการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติ 4 ต่อ 1 ให้นายจตุพร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยและแกนนำเสื้อแดง พ้นสภาพการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

เนื่องจากไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม 2554

ซึ่งกระบวนการหลังกกต.มีมติดังกล่าว ขั้นตอนต่อไป กกต.ก็จะมีหนังสือแจ้งมติและความเห็นดังกล่าวของกกต.ส่งไปถึงนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฏรเพื่อให้ประธานสภาฯ ส่งความเห็นดังกล่าวของกกต.ไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยต่อไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91

โดยทางฝ่ายกกต.ก็จะต้องทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรแจ้งมติกกต.ดังกล่าว ซึ่งแม้ตัวสมศักดิ์”ขุนค้อน”จะเป็นแกนนำพรรคเพื่อไทยพรรคเดียวกับจตุพร แต่ก็ยากที่จะช่วยเหลือได้ เพราะสมศักดิ์ก็มีหน้าที่เป็นแค่ผู้ส่งสาร จากกกต.ไปยังศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น ไม่มีทางทำอะไรเป็นอย่างอื่นได้เลย

แค่จะประวิงเวลาให้เรื่องยืดเยื้อก็ยังทำไม่ได้เลย เพราะสังคมจับจ้องอยู่ ดูกระบวนการแล้ว ทางกกต.ก็บอกแล้วว่าจะส่งเอกสารหนังสือให้ประธานสภาฯในสัปดาห์หน้านี้

ขั้นตอนต่อไป นายสมศักดิ์ก็คงมาดูเอกสารหนังสือต่างๆ ว่าถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ จากนั้นก็ส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญต่อไป ดูแล้วก็เชื่อว่าคงใช้เวลาภายในสัปดาห์หน้าหนังสือมติกกต.ก็คงจะส่งถึงศาลรัฐธรรมนูญได้แน่นอน

หลังจากเรื่องส่งไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ แล้ว ทางตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้งหมดก็ต้องนัดประชุมกันเพื่อลงมติว่าจะรับคำร้องไว้วินิจฉัยหรือไม่ ซึ่งดูแล้วก็คงรับคำร้องร้อยเปอร์เซนต์

หลังการรับคำร้องแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของกกต.ในฐานะผู้ร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่านายจตุพรพ้นจากการเป็นส.ส. ที่กกต.จะต้องส่งเอกสารสำนวนการสอบสวนทั้งหมดในคดีนี้ไปยังศาลรัฐธรรมนูญ

เพื่อส่งมอบสำนวนทั้งหมดให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไปพิจารณาดูว่าที่มาที่ไปของคดีนี้เป็นมาอย่างไร ใครเป็นผู้ร้อง ผู้ถูกร้องคือใคร มีการลำดับความเป็นมาตั้งแต่ต้น เมื่อมีคนมาร้องแล้ว กกต.ได้ทำอย่างไร มีการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนของกกต.แล้วเป็นอย่างไร อนุกรรมการได้มีการเรียกใครมาชี้แจงกับกกต.บ้าง แล้วสรุปผลออกมาอย่างไร แล้วนำเข้าที่ประชุมใหญ่กกต.เมื่อใด และมีความเห็นอย่างไร กกต.เสียงข้างมากเห็นอย่างไร เสียงข้างน้อยเห็นอย่างไร ประเด็นข้อกฎหมายตรงไหนที่กกต.เห็นว่านายจตุพรต้องพ้นจากสมาชิกภาพ

ขณะที่ผู้ถูกร้องคือนายจตุพร ก็ต้องส่งเอกสารสู้คดีไปให้ศาลรัฐธรรมนูญหลังศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้วินิจฉัย

หากข้อเท็จจริงมีมากพอแล้ว ถ้าศาลเห็นว่าไม่จำเป็นต้องมีการเปิดห้องพิจารณาคดีไต่สวน ดูแค่ประเด็นข้อกฎหมายเพียงพอแล้ว ศาลก็อาจไม่มีการเปิดห้องพิจารณาคดีคือตัดสินไปเลย เหมือนกรณีการตัดสินคดียุบพรรคพลังประชาชน-ชาติไทย-มัชฌิมาธิปไตย อาจทำแค่ให้ฝ่ายผู้ร้องกับฝ่ายผู้ถูกร้องมาแถลงปิดคดี

แต่หากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าข้อเท็จจริงยังไม่สมบูรณ์เพียงพอ ยังมีประเด็นข้อสงสัยอยู่อีกทั้งกรณีนี้หากตัดสินออกมาแล้วย่อมถือเป็นบรรทัดฐานในอนาคต จึงต้องการทำให้เกิดความชัดเจนไปเลย

ถ้าเป็นแบบนี้ ศาลรัฐธรรมนูญก็อาจ เรียกฝ่ายกกต.หรือฝ่ายนายจตุพร หรือพยานที่ไม่ใช่ฝายกกต.หรือฝายนายจตุพรมาเบิกความได้ ถ้าออกมาแบบนี้การพิจารณาคดีก็อาจใช้เวลาสักระยะหนึ่ง

ทั้งหมดก็อยู่ที่ดุลยพินิจของศาลรัฐธรรมนูญ ยังไม่มีใครให้ความเห็นได้

แม้ฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย จะมองว่าคดีนี้ถ้าให้ประเมินก็เชื่อว่าน่าจะเสร็จเร็ว เพราะมีแนวโน้มที่ศาลรัฐธรรมนูญจะดูแค่ข้อกฎหมายว่าการที่นายจตุพรไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งวันที่ 3 กรกฎาคม ทำให้ต้องขาดจากการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง และขาดจากการเป็น ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญหรือไม่

เนื่องจากที่มาที่ไปซึ่งทำให้นายจตุพรไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งเมื่อ 3 ก.ค. 2554 ข้อเท็จจริงทั้งหมดปรากฏอยู่ในสำนวนการสอบสวนของกกต.ที่ต้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญอยู่แล้วหากศาลรับคำร้อง รวมถึงข้อเท็จจริงเรื่องความพยายามต่อสู้ของนายจตุพรที่ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวต่อศาลระหว่างอยู่ในเรือนจำเพื่อออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งแต่ศาลไม่อนุญาต ก็ปรากฏอยู่ในสำนวนการสอบสวนของกกต.แล้วเช่นกัน

เว้นแต่ศาลอาจเห็นว่าสำนวนการสอบสวนของกกต.ที่ยื่นประกบเป็นเอกสารประกอบคำร้องยังมีตรงไหนสงสัยก็อาจมีการให้กกต.-นายจตุพร ทำหนังสือชี้แจงเพิ่มเติมมาก็ได้ แต่เชื่อว่าฝ่ายนายจตุพรต้องการให้มีการเปิดห้องพิจารณาไต่สวนคดีมากกว่า

เพราะจตุพรก็หวังจะใช้โอกาสช่วงสุดท้ายก่อนที่การเป็นส.ส.จะหมดไป แสดงบทบาทการเมืองในห้องพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากดูท่าทีจตุพรเห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวมองข้ามช็อตไปแล้วว่า อย่างไรเสียคงไม่รอดแน่นอน และอาจมีการขยายผลจากคดีนี้ไปสู่เรื่องอื่นๆ โดยเฉพาะการยุบพรรคเพื่อไทย เห็นได้จากคำแถลงของจตุพรที่ท้าทายองค์กรอิสระอย่างกกต.และศาลรัฐธรรมนูญ

“กกต.มีมติออกมาเช่นนี้ ก็เชื่อว่าเป็นสถานการณ์ไม่ปกติ และอาจจะมีเป้าหมายมากกว่านี้ เมื่อส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญแล้ว จะดำเนินการตัดสินก็ไม่มีปัญหา เพราะรู้อยู่แล้วว่าผลการวินิจฉัยจะเป็นอย่างไร

ขอตั้งคำถามว่าเป้าหมายของคนที่วางเกมนี้มีจุดประสงค์ที่จะยุบพรรคเพื่อไทยหรือไม่

จะเป็นสส.หรือไม่ เป็นเรื่องเล็ก เพราะเขารู้ดีว่าเมื่อให้อยู่ในสภาต่อไปจะเป็นอุปสรรค แต่ไม่รู้หรือว่ายิ่งให้อยู่ข้างนอกจะยิ่งเป็นอุปสรรคมากกว่า

จะเดินทางไปศาลรัฐธรรมนูญด้วย เพื่อจะไปดูหน้าคนตัดสิน แม้จะรู้คำตอบอยู่แล้วก็ตาม ถึงจะเข้าหลักประหาร ก็จะไม่ร้องขอชีวิต จะเดินหน้าสู้ต่อไป”

ซึ่งแม้จตุพรจะบอกว่าไม่ได้คาดหวังอะไรมากนักกับการสู้คดีในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ แต่ฝ่ายกฎหมายและทีมทนายความนปช.ก็บอกตรงกันว่า ยังพอมีช่องทางในสู้คดีอยู่

เพราะอย่างมติกกต. 4 ต่อ 1 ก็ยังมีความเห็นขัดแย้งในข้อกฎหมายกันเองของกกต. ที่ฝ่ายนายจตุพรอาจหยิบยกเอามาใช้ประโยชน์ได้ อีกทั้งก่อนหน้านี้ กกต.ชุดเดียวกันนี้ ก็เคยรับรองสมาชิกภาพการเป็นส.ส.ของนายจตุพรมาแล้วในช่วงการรับรองสมาชิกสภาส.ส.หลังการเลือกตั้งจนทำให้จตุพรใช้เอกสิทธิ์การเป็นส.ส.ขอประกันตัวต่อศาลจนได้ออกจากคุกมาใส่สูทเป็นส.ส.ได้ทุกวันนี้

อีกทั้งมีข่าวว่าฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทยก็กำลังเก็บข้อมูลหลายอย่างมาประกอบการต่อสู้คดีกันอยู่เพื่อช่วยเหลือจตุพรให้ได้เป็นส.ส.ให้นานที่สุด เพราะวันนี้ ตู่-จตุพรคือตัวหลักของพรรคเพื่อไทยในสภาฯและในทางการเมือง จะปล่อยให้ถูกสอยไม่ได้เด็ดขาด

“ทีมข่าวการเมืองASTVผู้จัดการ” เห็นว่าหากการต่อสู้คดีดำเนินไปตามปกติและเล่นในกติกา ก็คงไม่มีใครว่า

ขออย่างเดียว อย่าเล่นเกมใต้ดิน กดดันศาลรัฐธรรมนูญแบบที่เคยทำกันมาแล้วตอนคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ กับการเล่นเกมสกปรกทำลายเครดิตของศาลรัฐธรรมนูญสารพัดรูปแบบ เชื่อว่ารอบนี้ศาลรัฐธรรมนูญคงไม่ยอมแน่นอน

ยิ่งตอนนี้ได้ผู้นำศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ที่เด็ดขาด แต่อาจไม่เป็นที่ชอบพอของพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงอย่าง นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ หากฝ่ายไหนเล่นไม่ซื่อกับศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลรธน.นามนี้ไม่มีถอยแน่นอน

ก็เห็นกันอยู่ตอนช่วงตัดสินคดียุบพรรคปชป. พวกเล่นเกมใต้ดินถล่มศาลรัฐธรรมนูญหนักจริงๆ แต่ต่อมาความจริงก็ปรากฏออกมาเองว่า

เบื้องหลังเกมทำลายล้างทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นคลิปลับ -การปล่อยข่าวทำลายศาลรัฐธรรมนูญ ล้วนเป็นฝีมือของคนในพรรคเพื่อไทยทั้งสิ้น
จตุพร พรหมพันธุ์
กำลังโหลดความคิดเห็น