“สุเทพ” ข้องใจทนายแดงโผล่นครบาลชูโพยซักพยาน เชื่อมีเจ้าหน้าที่รุมซักตามใบสั่ง รับไม่มั่นใจตกเป็นจำเลยคดีสลายการชุมนุม เหตุ รัฐบาลหวังพลิกสถานการณ์ เป็นข้ออ้างออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม หรือปรองดอง ลั่นไม่ร่วมสังฆกรรม หากผิดจริงเตรียมตั้งทนายสู้ไม่หนีไปต่างประเทศ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวถึงการเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนในคดีการสลายชุมนุมในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 วานนี้ (14 ธ.ค.) ว่า ได้ใช้เวลาในการให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ประมาณ 7 ชั่วโมง เพราะเรื่องที่เขาสอบปากคำเป็นกรณีการเสียชีวิตในช่วงวันที่ 13-19 พ.ค.53 และมีผู้เสียชีวิตบางรายที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งเรื่องมาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพราะมีข้อสงสัยว่าอาจจะเสียชีวิตจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ที่มีการสั่งการจากตน ซึ่งตนก็ได้ชี้แจงไปอย่างครบถ้วน
“ผมได้ให้ข้อเท็จจริงตามที่พนักงานสอบสวนเขาซักถาม เขาถามถึงคำสั่งแต่ละคำสั่งที่ออกไปในแต่ละวัน ผมก็ยืนยันว่าผมเป็นผู้สั่งการแต่ผู้เดียว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกฯ ในขณะนั้นไม่ได้มาเกี่ยวข้องด้วย เพราะท่านทำหน้าที่ที่จะหาทางเจรจากับแกนนำผู้ชุมนุมอยู่ตลอดเวลา”
นายสุเทพกล่าวว่า พนักงานสอบสวนยังได้มีการถามตนถึงกรณีผู้เสียชีวิตที่วัดปทุมวนาราม 6 ศพ ตนก็เรียนไปว่าเป็นการเสียชีวิตภายหลังจากการปฏิบัติการขอคืนพื้นที่สวนลุมพินี และโรงพยาบาลจุฬาฯ จบสิ้นไปแล้ว และตนไม่สามารถที่จะตอบรายละเอียดได้เพราะบางข้อมูลยังสับสน จึงปล่อยให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่จะสะสางหาข้อเท็จจริง
ผู้สื่อข่าวถามว่า พนักงานสอบสวนได้สอบถามไปถึงจุดที่ช่างภาพชาวญี่ปุ่นเสียชีวิตหรือไม่ว่าทำไม นายสุเทพถึงรู้หรือไม่รู้ว่าจะมีช่างภาพเสียชีวิตในจุดนั้น นายสุเทพกล่าวว่า พนักงานสอบสวนถาม บางคำถามก็ถามชนิดที่ตนต้องย้อนกลับไปบ้าง เช่น ถามว่าตนอ้างว่ามีผู้ก่อการร้ายแต่ว่าคนที่ตายไม่เห็นมีใครมีอาวุธเลย ตนก็เลยคิดว่าชัดเจนเลย เพราะเสื้อแดงพูดอย่างนี้บ่อย แต่ตนก็ได้ตอบไปว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนตายเมื่อไปถึงโรงพยาบาลแล้วจะกอดปืนอาก้าเข้าไปด้วย เพราะระหว่างทางเพื่อนคงเอาไปเก็บไว้แล้ว และยังถามว่ารู้หรือไม่ช่างภาพชาวญี่ปุ่นเสียชีวิตตรงจุดใด ตนก็ตอบไปว่า ไม่ทราบ เพราะตนอยู่ที่ ศอฉ.ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ และไม่คิดว่าใครจะจำได้ว่าจุดที่ถูกยิงอยู่ตรงไหน แม้กระทั่งกล้องของช่างภาพชาวญี่ปุ่นก็หายไปหลายวัน ปรากฏว่าไปอยู่ที่เวทีคนเสื้อแดงซึ่งผ่านมาหลายวันจึงนำมาคืน และภาพที่บันทึกก็หายไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า สงสัยเกี่ยวกับการตั้งคำถามของพนักงานสอบสวนหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ตนไม่สงสัยพนักงานสอบสวน ตนเชื่อในกระบวนการยุติธรรม พนักงานสอบสวน อัยการ ศาล ก็ทำหน้าที่ของแต่ละฝ่าย พนักงานสอบสวนอาจจะถามคำถามบางคำถามที่รู้สึกแปลก แต่ตนก็ให้ความร่วมมือตอบทุกคำถาม อาจจะมีคนสั่งการให้ถามอย่างนั้นอย่างนี้ ตนก็เข้าใจ แต่ก็มีกรณีแปลกๆ ที่ตนแอบสังเกตเห็นโดยบังเอิญเช่น มีทนายความของอีกฝ่ายขึ้นไปอยู่ที่ทำการ บช.น.เสมือนหนึ่งเป็นการคอยส่งโพยว่าต้องถามอย่างไร หรือคอยสังเกตว่าตนตอบคำถามอย่างไร ซึ่งตนเห็นว่าปกติแล้วไม่ควรจะไป เพราะเวลาดึกแล้วไม่ใช่ที่ท่องเที่ยว แต่ว่าสถานที่ราชการใครก็มีสิทธิ์ไปเมื่อใดก็ได้ ซึ่งเขาก็อาจจะไปชมบรรยากาศ
เมื่อถามต่อว่า ผิดสังเกตหรือไม่เพราะก่อนนายสุเทพไปให้ปากคำในครั้งแรกไม่กี่ชั่วโมง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ก็เดินทางไปที่ บช.น. นายสุเทพกล่าวว่า ตนเรียนแล้วว่าคนที่ทำอะไร อย่าอวดดี ต้องคิดว่า อยู่ในสายตาประชาชนตลอดเวลา ประชาชนทุกวันนี้เขาก็มีหู มีตา ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ต้องทำหน้าที่ให้ดี ตรงไปตรงมา เพราะถ้าทำไม่ดีเจ้าหน้าที่ก็จะเดือดร้อน อย่างไรก็ตาม วันนี้ตนทำหน้าที่เป็นพยานเพื่อให้ข้อมูลที่สมบูรณ์ต่อพนักงานสอบสวน ส่วนวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นหรือเขาจะพยายามทำอะไรกันต่อไปเราก็อย่าพึ่งไปคาดการณ์ล่วงหน้า
ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจหรือไม่ที่จะยังคงสถานะพยานไม่ใช่ผู้ต้องหา นายสุเทพกล่าวว่า ไม่มั่นใจ เพราะดูท่าทีจาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ และคนในรัฐบาลหรือฝ่าย นปช.ก็พอจะเห็นว่า เขามีเป้าหมายชัดเจน ที่จะต้องหาทางพลิกสถานการณ์ให้นายอภิสิทธิ์และตนกลายเป็นผู้ต้องหา เพื่อที่จะได้เป็นข้ออ้างในการที่จะเสนอกฎหมายนิรโทษกรรม หรือแกล้งหลอกประชาชนว่าเป็นกฎหมายปรองดองว่าไม่ได้ทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แต่ทำเพื่อทุกฝ่าย
“ผมเรียนไว้เลยว่าไม่ต้องมาทำนิรโทษกรรมให้ผม ผมยืนยันว่าผมเคารพในกฎหมาย ถ้าสิ่งที่ผมทำเป็นคนผิด ผมก็ต้องรับโทษตามกฎหมาย ผมยืนยันว่า ผมไม่หนีไปต่างประเทศ ไม่เรียกร้องนิรโทษกรรมและปฏิเสธการนิรโทษกรรม และหากผมเป็นผู้ต้องหาจริงๆ ผมก็จะรวบรวมเอกสาร พยานบุคคล ตั้งทนายสู้คดีดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม” นายสุเทพกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้กระบวนการยุติธรรมตั้งต้นถูกใบสั่งได้ การเริ่มต้นคดีจะมีปัญหาหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า มันเป็นแค่จุดเริ่มต้นของกระบวนการยุติธรรม มันยังมีในชั้นอัยการ ศาล เราต้องเชื่อในระบบ ตนไม่อยากให้เราหวั่นไหว เราสู้ในระบบ และยืนยันว่าไม่มีความหวั่นไหว ตนไม่กลัวคนที่ทำไม่ดี ตนกลัวคนดี เพราะชีวิตมีเท่านี้ อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนหลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวนระบุว่าถ้าเขาจำเป็นต้องขอข้อมูลเพิ่มเติม จะขอความร่วมมือได้อีกหรือไม่ ซึ่งตนก็ยืนยันว่า ตนร่วมมือทุกอย่าง ขอเมื่อไหร่ก็ให้เมื่อนั้น แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะถูกเรียกไปรับทราบข้อกล่าวหาหรือไม่