ASTVผู้จัดการรายวัน-"เหลิม" งดพูดเรื่อง พ.ร.บ.ปรองดองเพื่อแม้ว แต่ไม่หยุดทำ อ้างไม่ได้ปรึกษานายกฯ เพราะไม่อยากให้ต้องมาหนักใจ ปัดไม่ได้รอเวลาเพื่อรอต่อรอง ฝ่ายค้าน-พันธมิตรฯ "ยิ่งลักษณ์" โบ้ยเป็นเรื่องของสภา "เหวง-ไอ้เต้น"ไม่รับมุกเหลิม ด้าน"มาร์ค-เทือก"ชี้เป็นการดูถูกประชาชนที่ตบตาเรื่องนิรโทษแม้ว ด้วยการเปลี่ยนชื่อกฎหมาย จวกยิ่งพล่ามเรื่องปรองดอง ยิ่งเกิดความขัดแย้ง
วานนี้ ( 15 ธ.ค.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าของพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่จะเปลี่ยนชื่อเป็นพ.ร.บ.ปรองดองว่า เรื่องนี้ตนไม่พูดอีกแล้ว รอวัน เวลาทำ และจะไม่ให้สัมภาษณ์อีก เพราะมันบ่อยไป และเป็นเรื่องที่มีเหตุมีผลอยู่ในตัว
ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ดูเหมือนทางพรรคเพื่อไทย ยังมีแนวคิดที่แตกต่างกันนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า คิดเห็นต่างกันได้ แต่สรุปทุกคนก็คิดดีทั้งนั้น ซึ่งรัฐธรรมนูญปี 50 ก็มาจากการปฎิวัติ ใครชอบล่ะ พวกที่ชอบก็ชอบไป ถึงได้แพ้การเลือกตั้งระเนระนาด
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเปลี่ยนชื่อ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เป็น พ.ร.บ.ปรองดอง นั้น เป็นการสับขาหลอก แต่ที่จริงก็คือ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพื่อช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เหมือนเดิม ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ยังไม่ตอบ ถึงเวลาก็รู้เอง
เมื่อถามว่าได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีเพื่อขอความเห็นบ้างหรือยัง รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้คุย ไม่กล้า เพราะท่านเป็นญาติกัน ผู้สื่อข่าวต้องเห็นใจตนเพราะตนปราศรัยเรื่องนี้ตั้งแต่ปี 52 และตนชนะเลือกตั้งมาตลอดถ้าตนไม่ทำก็เสียคน
เมื่อถามว่า นายกฯในฐานะผู้นำรัฐบาล จำเป็นต้องรับรู้เรื่องนี้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ทำไมต้องเสนอในนามรัฐบาล เสนอในนาม ส.ส.ในพรรคก็ได้ จะไปให้นายกฯหนักใจทำไม
เมื่อถามว่า จะต้องรออีกนานแค่ไหน และต้องดูอะไรเป็นองค์ประกอบ รองนายกฯ กล่าวว่า เปล่า ความพร้อมทางการเมือง เมื่อถามว่า จะรอต่อรองอะไรกับฝ่ายตรงข้ามอีกหรือเปล่า รองนายกฯ กล่าวว่า ต้องใช้เวลาอีกนิด และจะเปิดเผย ไม่มางุ๊บงิ๊บ เมื่อถามย้ำว่า จะเสร็จทันสมัยประชุมสภานิติบัญญัติหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่บอก ถึงเวลาพั้ว เมื่อถามย้ำอีกว่า รอต่อรองอะไรอยู่อีกหรือไม่ เช่น กลุ่มพันธมิตรฯ หรือพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่มี ใครจะไปต่อรอง จะไปต่อรองอะไร
** "ไอ้เต้น"ไม่รับมุก"เหลิม"
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะกมธ.ปรองดองฯ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ทราบรายละเอียดของร่างพ.ร.บ.ปรองดอง ที่ ร.ต.อ.เฉลิม ระบุ แต่คิดว่าน่าจะเป็นความเห็นของ ร.ต.อ.เฉลิมคนเดียว ส่วนการทำงานของ กมธ.ปรองดองฯ ที่หลายฝ่ายมองว่าจะเป็นเครื่องมือของรัฐบาลในการออกกฎหมายดังกล่าวนั้น คงเป็นการเข้าใจผิด เนื่องจากการทำงานของ กมธ.ปรองดองฯ ขณะนี้ ยังต้องรอผลการศึกษาของสถาบันพระปกเกล้า ที่รับงานไปศึกษาวิจัยถึงการสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง
สำหรับแนวทางสร้างความปรองดองด้วยการออกกฎหมายนั้น เชื่อว่าจะเห็นช่องทางหนึ่งที่ลดความขัดแย้งจากปัจจัยทางการเมืองได้ เพราะมีตัวอย่างจากต่างประเทศให้เห็นแล้ว แต่ในความเห็นส่วนตัวมองว่า การสร้างความปรองดองได้นั้น ต้องอาศัยเครื่องมือหลายอย่างประกอบ เช่น การเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ และการค้นหาความจริง
"การจะใช้รูปแบบของการออกกฎหมาย หรือ วิธีการใดเพื่อสร้างความปรองดอง เพราะต้องรอผลการศึกษาของคณะทำงานจากสถาบันพระปกเกล้าก่อน" นายณัฐวุฒิ กล่าว
** "ยิ่งลักษณ์"โบ้ยเป็นเรื่องของสภา
ด้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ให้เป็นขบวนการของรัฐสภาเป็นผู้พิจารณาจะดีกว่า เพราะต้องมีการถกกันในรายละเอียด
เมื่อถามว่า ฟังความคิดของร.ต.อ.เฉลิม แล้วรู้สึกอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงต้องดูรายละเอียด ความจริงแล้วไม่ว่าจะเชื่ออะไร โจทย์หลักสำคัญคือ เพื่อให้ประเทศชาติเกิดความปรองดอง และเกิดความสงบสุขในชาติ อันนั้นคือจุดใหญ่มากกว่า
เมื่อถามว่า วันนี้จุดยืนของนายกรัฐมนตรีต่อเรื่องนี้คืออะไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า จุดยืนคือ อยากเห็นความปรองดองและความสงบสุขของคนในชาติ และการใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม
** อัดเหลิมดูถูกประชาชน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม จะผลักดัน พ.ร.บ.ปรองดอง ที่ร่างเอาไว้เสร็จแล้วว่า เห็นว่าร่างมาหลายฉบับแล้ว ตั้งแต่อภัยโทษมาถึงนิรโทษ ก็คงเป็นความตั้งใจ เป็นความมุ่งหมายที่ไม่เปลี่ยนแปลง แต่คำพูดที่บอกว่าเปลี่ยนแค่ชื่อกฎหมาย ตนคิดว่าเป็นการดูถูกประชาชน และรัฐบาลนี้บอกว่า มี คอป.ที่จะกำหนดแนวทาง และยังมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อทำเรื่องนี้ ซึ่งหนึ่งในคณะกรรมาธิการฯได้บอกว่า ขอให้เขาได้ทำงานก่อน แต่ถ้าตั้งธงไว้ล่วงหน้าก็เป็นการฟ้องประชาชนไปในตัว ซึ่งไม่ต่างอะไรกับข้อเสนอ 6 ข้อที่ นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาพูด ในที่สุดก็ชี้ให้เห็นว่า ทั้งหลายทั้งปวงก็คิดถึงแต่ผลประโยชน์ของพ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคพวก
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตัวไปสอบในคดีสลายการชุมนุมทางการเมือง ว่า ตนและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ พร้อมที่จะต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม เพราะเราทำหน้าที่รักษาบ้านเมืองในกรอบของกฎหมาย และได้ใช้ความพยายามอย่างถึงที่สุดในการที่จะหลีกเลี่ยงความรุนแรงความสูญเสีย ตนเห็น ร.ต.อ.เฉลิม อ้างตอนแรกเรื่องว่า จะออกกฎหมายปรองดอง เพื่อช่วยทุกฝ่าย แต่สุดท้ายจะช่วยใครก็ตามก็จะต้องมีชื่อ พ.ต.ท.ทีกษิณร่วมด้วย ซึ่งจะเป็นการฟ้องประชาชนชัดเจนขึ้นทุกวัน แต่ที่ตลกคือ มีคนชอบมาใช้วาทกรรมว่า ทำไมพรรคประชาธิปัตย์ไม่เลิกพูดถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ความจริงพวกตนพยายามตรวจสอบเชิงนโยบาย เรียกร้องรัฐบาลแก้ปัญหาน้ำท่วม ทำตามนโยบาย ค่าแรงขั้นต่ำ เงินเดือน แต่ฝ่ายรัฐบาลไม่หยุดเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณไม่อยากเข้ามาสู่ระบบกฎหมายไทย ก็อยู่เมืองนอกไป แต่ถ้าอยากกลับมาเมืองไทย ก็ต้องเหมือนคนไทยคนอื่น ถูกศาลตัดสินให้จำคุกก็มาเข้าคุกก็จบ เข้าคุกแล้วก็มีสิทธิ์เหมือนกับคนอื่น จะได้รับการพระราชทานอภัยโทษอะไรก็ว่าไป แต่ว่ารัฐบาลยังไม่รู้ว่าตัวเองมาทำงานเพื่อประชาชน หรือเพื่อคุณทักษิณ ถึงได้เกิดความสับสนวุ่นวายในขณะนี้
"ผมยังไม่เห็นข้อเสนอไหนที่เสนอมาแล้วทำให้คนปรองดองกันมากขึ้น ได้ยินข้อเสนอแต่ละข้อเสนอมา วันรุ่งขึ้นมีแต่คนทะเลาะกันมากขึ้น เวลานี้การปรองดองที่ดีที่สุดคือรัฐบาลทำงานแก้ปัญหาประชาชนไป แล้วปล่อยให้ คอป.มาดูแลในเรื่องขบวนการยุติธรรมที่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทำอย่างนั้นก็จบ แต่ว่าถ้ามาสร้างเงื่อนไขใหม่ เรื่องของคุณนพดล หรือใครจะใช้ชื่ออะไรก็ตาม คนไทยไม่ได้โกงนะครับ วันนี้อยากทำอย่างนี้ พอถูกต่อต้านวันรุ่งขึ้นทำเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนชื่อ คนเขาจะยอมรับได้อย่างไร" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
** "เหลิม"เมาน้ำลาย ทำรัฐบาลตกต่ำ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ร.ต.อ.เฉลิม ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการช่วยเหลือพ.ต.ท.ทักษิณ ว่าจะมีการเปลี่ยนจากการทำ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เป็น พ.ร.บ.ปรองดอง ว่า วิธีการที่เขาทำ มันหลอกประชาชนมากเกินไป ยิ่งทำให้ประชาชนขมขื่น ทำตรงๆ ดีกว่า บอกกันให้ชัดไปเลย ตอนแรกก็ทำทีว่าไม่เอาแล้วเรื่องนิรโทษกรรม ตนก็พลอยยินดีไป ด้วยว่าบ้านเมืองจะได้สงบ แต่นี่มาเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นกฎหมายปรองดอง คนเขาก็เข้าใจว่าคุณต้องการอะไร ตนก็อยากจะฝากบอกว่าขอให้ตั้งสติ เรื่องที่มันขัดใจกับประชาชนอย่าทำเลย แม้จะเปลี่ยนชื่อมาแล้ว ก็คงจะตบตาประชาชนไม่ได้ อย่าประเมินประชาชนต่ำไป
"คุณเฉลิม ทำให้คะแนนของรัฐบาลตกไปทุกวัน ยิ่งพูดมาก เมาน้ำลายไปเรื่อยๆ คะแนนก็จะตกไปเรื่อยๆ เรื่องนี้คงยากที่จะทำสำเร็จได้" นายสุเทพ กล่าว
** "เทือก"หวั่นเกมพลิกตกเป็นผู้ต้องหา
นายสุเทพ ยังกล่าวถึงการเข้าให้ปากคำพนักงานสอบสวนในคดีการสลายชุมนุมในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.53 เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า ได้ใช้เวลาในการให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ประมาณ 7 ชั่วโมง เป็นเรื่องการเสียชีวิตในช่วงวันที่ 13-19 พ.ค. 53 และมีผู้เสียชีวิตบางรายที่ ดีเอสไอ ส่งเรื่องมาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพราะมีข้อสงสัยว่า อาจจะเสียชีวิตจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ ที่มีการสั่งการจากตน ซึ่งตนก็ได้ชี้แจงไปอย่างครบถ้วน ว่าตนเป็นผู้สั่งการแต่ผู้เดียว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกฯ ในขณะนั้นไม่ได้มาเกี่ยวข้องด้วย เพราะท่านทำหน้าที่ที่จะหาทางเจรจากับแกนนำผู้ชุมนุมอยู่ตลอดเวลา
เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ ที่จะยังคงสถานะพยาน ไม่ใช่ผู้ต้องหา นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มั่นใจ เพราะดูท่าทีจาก ร.ต.อ.เฉลิม และคนในรัฐบาล หรือฝ่าย นปช. ก็พอจะเห็นว่า เขามีเป้าหมายชัดเจน ที่จะต้องหาทางพลิกสถานการณ์ให้นายอภิสิทธิ์ และตน กลายเป็นผู้ต้องหา เพื่อที่จะได้เป็นข้ออ้างในการที่จะเสนอกฎหมายนิรโทษกรรม หรือแกล้งหลอกประชาชนว่าเป็นกฎหมายปรองดอง ว่าไม่ได้ทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ทำเพื่อทุกฝ่าย แต่ตนยืนยันได้เลยว่าไม่ต้องมาทำนิรโทษกรรมให้ตน
" ผมยืนยันว่า ผมเคารพในกฎหมาย ถ้าสิ่งที่ผมทำเป็นคนผิด ผมก็ต้องรับโทษตามกฎหมาย ผมยืนยันว่า ผมไม่หนีไปต่างประเทศ ไม่เรียกร้องนิรโทษกรรม แต่จะปฏิเสธการนิรโทษกรรม และหากตกเป็นผู้ต้องหาจริงๆ ผมก็จะรวบรวมเอกสาร พยานบุคคล ตั้งทนายสู้คดีดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม" นายสุเทพ กล่าว
** ไม่เชื่อ"ไอ้กี้ร์"กลับตัวเป็นคนดี
นายสุเทพ ยังกล่าวถึงกรณีนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำนปช. ให้การกับศาลโดยอ้างว่า ที่เรียกคนไปชุมนุมเมื่อช่วงปี 53 เพราะเกรงว่าจะมีการปฏิวัติเกิดขึ้นว่า ไม่ว่านายอริสมันต์ จะพูดอย่างไรในวันนี้ แต่การที่พูดไว้หลายครั้งในการชุมนุม คนเขาบันทึกไว้หมด เมื่อวานตนก็ได้เอาวีดีโอชุดหนึ่งไปเปิดให้พนักงานสอบสวนได้ดู ได้เห็นว่านายอริสมันต์ ระบุว่า เขาทำงานกัน โดยมี 3 ฝ่ายคือ พรรคการเมือง มวลชนจัดตั้ง และกองกำลังติดอาวุธ พร้อมที่จะขึ้นต่อสู้กับทหาร เป็นต้น แม้นายอริสมันต์จะพูดอย่างไรก็แล้วแต่ สิ่งที่ทำในอดีตก็ชี้ชัดอยู่แล้ว นายอริสมันต์ หากกลับเนื้อกลับตัวได้ ก็คงจะดีได้ แต่ทั้งนี้ก็อย่าไปคิดว่าทำไม่ได้ เพียงแต่ต้องดูกันไปก่อน เพราะพฤติกรรมในอดีตไม่ค่อยจะทำให้มั่นใจได้ว่าจะเป็นคนดีสงบเรียบร้อย มันไม่น่าเชื่อ
ส่วนที่นายอริสมันต์ ระบุว่าถูกรัฐบาลชุดที่แล้วจัดหน่วยไล่ล่าตัวนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่จริงเลย ไม่มีการจัดหน่วยไล่ล่าอย่างที่นายอริสมันต์คิด แต่นายอริสมันต์ หนีทุกโอกาส มีครั้งหนึ่งที่ไปก่อเหตุที่พัทยา จ.ชลบุรี พอถูกควบคุมตัว จะเอาขึ้นเฮลิคอปเตอร์ นำตัวไป ก็อาละวาดต้องเอาเครื่องบินลงกลางทาง นายอริสมันต์ ในอดีตพฤติกรรมที่ผ่านมาไม่ใช่คนที่เคารพกฎหมาย กล้าที่จะทำผิดกฎหมาย และไม่ยอมพิสูจน์พฤติกรรมของตัวเองตามกระบวนการยุติธรรม" นายสุเทพ กล่าว
**"เหวง"ปูดร่างแก้รธน.50 เสร็จแล้ว
นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แกนนำ นปช. เปิดเผยถึงแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ว่า ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายของพรรค ได้เขียนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 50 มาตรา 291 เพื่อเปิดโอกาสให้ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) จำนวนประมาณ 90 คน ประกอบด้วย ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้ง 77 คน และจากผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนประมาณ 20 คน เมื่อเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วจะส่งเรื่องให้รัฐบาล ซึ่งมีนโยบายในการเป็นเจ้าภาพในการแก้รัฐธรรมนูญ และเชื่อว่าจะนำเข้าที่ประชุม ครม. เห็นชอบต้นปี 55
"เมื่อได้ ส.ส.ร.ทั้ง 90 คนแล้วจะลงพื้นที่ไปสอบถามประชาชนว่า ต้องการรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 40 หรือปี 50 เพื่อนำมาเป็นต้นแบบ โดยการแก้ไขเรื่องใดๆ นั้นเป็นหน้าที่ของ ส.ส.ร.โดยจะไม่มีการแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง หรือการกดดันจากฝ่ายใดๆ ทั้งสิ้น และเชื่อว่า ส.ส.ร.จะใช้เวลาทำงานกันประมาณ 1 ปี คาดว่าประชาชนจะได้ลงประชามติรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ภายในต้นปี56" นพ.เหวง ระบุ
นพ.เหวง ยังปฏิเสธแนวทางการเสนอกฎหมายนิรโทษกรรม ของ ร.ต.อ.เฉลิม ว่า "เรื่องนี้ไม่มีครับ เราไม่ต้องการให้นิรโทษกรรม เพราะต้องการให้พิสูจน์ความจริง และเอาคนผิดมาลงโทษ" นพ.เหวง กล่าว
วานนี้ ( 15 ธ.ค.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าของพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่จะเปลี่ยนชื่อเป็นพ.ร.บ.ปรองดองว่า เรื่องนี้ตนไม่พูดอีกแล้ว รอวัน เวลาทำ และจะไม่ให้สัมภาษณ์อีก เพราะมันบ่อยไป และเป็นเรื่องที่มีเหตุมีผลอยู่ในตัว
ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ดูเหมือนทางพรรคเพื่อไทย ยังมีแนวคิดที่แตกต่างกันนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า คิดเห็นต่างกันได้ แต่สรุปทุกคนก็คิดดีทั้งนั้น ซึ่งรัฐธรรมนูญปี 50 ก็มาจากการปฎิวัติ ใครชอบล่ะ พวกที่ชอบก็ชอบไป ถึงได้แพ้การเลือกตั้งระเนระนาด
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเปลี่ยนชื่อ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เป็น พ.ร.บ.ปรองดอง นั้น เป็นการสับขาหลอก แต่ที่จริงก็คือ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพื่อช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เหมือนเดิม ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ยังไม่ตอบ ถึงเวลาก็รู้เอง
เมื่อถามว่าได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีเพื่อขอความเห็นบ้างหรือยัง รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้คุย ไม่กล้า เพราะท่านเป็นญาติกัน ผู้สื่อข่าวต้องเห็นใจตนเพราะตนปราศรัยเรื่องนี้ตั้งแต่ปี 52 และตนชนะเลือกตั้งมาตลอดถ้าตนไม่ทำก็เสียคน
เมื่อถามว่า นายกฯในฐานะผู้นำรัฐบาล จำเป็นต้องรับรู้เรื่องนี้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ทำไมต้องเสนอในนามรัฐบาล เสนอในนาม ส.ส.ในพรรคก็ได้ จะไปให้นายกฯหนักใจทำไม
เมื่อถามว่า จะต้องรออีกนานแค่ไหน และต้องดูอะไรเป็นองค์ประกอบ รองนายกฯ กล่าวว่า เปล่า ความพร้อมทางการเมือง เมื่อถามว่า จะรอต่อรองอะไรกับฝ่ายตรงข้ามอีกหรือเปล่า รองนายกฯ กล่าวว่า ต้องใช้เวลาอีกนิด และจะเปิดเผย ไม่มางุ๊บงิ๊บ เมื่อถามย้ำว่า จะเสร็จทันสมัยประชุมสภานิติบัญญัติหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่บอก ถึงเวลาพั้ว เมื่อถามย้ำอีกว่า รอต่อรองอะไรอยู่อีกหรือไม่ เช่น กลุ่มพันธมิตรฯ หรือพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่มี ใครจะไปต่อรอง จะไปต่อรองอะไร
** "ไอ้เต้น"ไม่รับมุก"เหลิม"
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะกมธ.ปรองดองฯ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ทราบรายละเอียดของร่างพ.ร.บ.ปรองดอง ที่ ร.ต.อ.เฉลิม ระบุ แต่คิดว่าน่าจะเป็นความเห็นของ ร.ต.อ.เฉลิมคนเดียว ส่วนการทำงานของ กมธ.ปรองดองฯ ที่หลายฝ่ายมองว่าจะเป็นเครื่องมือของรัฐบาลในการออกกฎหมายดังกล่าวนั้น คงเป็นการเข้าใจผิด เนื่องจากการทำงานของ กมธ.ปรองดองฯ ขณะนี้ ยังต้องรอผลการศึกษาของสถาบันพระปกเกล้า ที่รับงานไปศึกษาวิจัยถึงการสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง
สำหรับแนวทางสร้างความปรองดองด้วยการออกกฎหมายนั้น เชื่อว่าจะเห็นช่องทางหนึ่งที่ลดความขัดแย้งจากปัจจัยทางการเมืองได้ เพราะมีตัวอย่างจากต่างประเทศให้เห็นแล้ว แต่ในความเห็นส่วนตัวมองว่า การสร้างความปรองดองได้นั้น ต้องอาศัยเครื่องมือหลายอย่างประกอบ เช่น การเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ และการค้นหาความจริง
"การจะใช้รูปแบบของการออกกฎหมาย หรือ วิธีการใดเพื่อสร้างความปรองดอง เพราะต้องรอผลการศึกษาของคณะทำงานจากสถาบันพระปกเกล้าก่อน" นายณัฐวุฒิ กล่าว
** "ยิ่งลักษณ์"โบ้ยเป็นเรื่องของสภา
ด้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ให้เป็นขบวนการของรัฐสภาเป็นผู้พิจารณาจะดีกว่า เพราะต้องมีการถกกันในรายละเอียด
เมื่อถามว่า ฟังความคิดของร.ต.อ.เฉลิม แล้วรู้สึกอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงต้องดูรายละเอียด ความจริงแล้วไม่ว่าจะเชื่ออะไร โจทย์หลักสำคัญคือ เพื่อให้ประเทศชาติเกิดความปรองดอง และเกิดความสงบสุขในชาติ อันนั้นคือจุดใหญ่มากกว่า
เมื่อถามว่า วันนี้จุดยืนของนายกรัฐมนตรีต่อเรื่องนี้คืออะไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า จุดยืนคือ อยากเห็นความปรองดองและความสงบสุขของคนในชาติ และการใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม
** อัดเหลิมดูถูกประชาชน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม จะผลักดัน พ.ร.บ.ปรองดอง ที่ร่างเอาไว้เสร็จแล้วว่า เห็นว่าร่างมาหลายฉบับแล้ว ตั้งแต่อภัยโทษมาถึงนิรโทษ ก็คงเป็นความตั้งใจ เป็นความมุ่งหมายที่ไม่เปลี่ยนแปลง แต่คำพูดที่บอกว่าเปลี่ยนแค่ชื่อกฎหมาย ตนคิดว่าเป็นการดูถูกประชาชน และรัฐบาลนี้บอกว่า มี คอป.ที่จะกำหนดแนวทาง และยังมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อทำเรื่องนี้ ซึ่งหนึ่งในคณะกรรมาธิการฯได้บอกว่า ขอให้เขาได้ทำงานก่อน แต่ถ้าตั้งธงไว้ล่วงหน้าก็เป็นการฟ้องประชาชนไปในตัว ซึ่งไม่ต่างอะไรกับข้อเสนอ 6 ข้อที่ นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาพูด ในที่สุดก็ชี้ให้เห็นว่า ทั้งหลายทั้งปวงก็คิดถึงแต่ผลประโยชน์ของพ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคพวก
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตัวไปสอบในคดีสลายการชุมนุมทางการเมือง ว่า ตนและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ พร้อมที่จะต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม เพราะเราทำหน้าที่รักษาบ้านเมืองในกรอบของกฎหมาย และได้ใช้ความพยายามอย่างถึงที่สุดในการที่จะหลีกเลี่ยงความรุนแรงความสูญเสีย ตนเห็น ร.ต.อ.เฉลิม อ้างตอนแรกเรื่องว่า จะออกกฎหมายปรองดอง เพื่อช่วยทุกฝ่าย แต่สุดท้ายจะช่วยใครก็ตามก็จะต้องมีชื่อ พ.ต.ท.ทีกษิณร่วมด้วย ซึ่งจะเป็นการฟ้องประชาชนชัดเจนขึ้นทุกวัน แต่ที่ตลกคือ มีคนชอบมาใช้วาทกรรมว่า ทำไมพรรคประชาธิปัตย์ไม่เลิกพูดถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ความจริงพวกตนพยายามตรวจสอบเชิงนโยบาย เรียกร้องรัฐบาลแก้ปัญหาน้ำท่วม ทำตามนโยบาย ค่าแรงขั้นต่ำ เงินเดือน แต่ฝ่ายรัฐบาลไม่หยุดเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณไม่อยากเข้ามาสู่ระบบกฎหมายไทย ก็อยู่เมืองนอกไป แต่ถ้าอยากกลับมาเมืองไทย ก็ต้องเหมือนคนไทยคนอื่น ถูกศาลตัดสินให้จำคุกก็มาเข้าคุกก็จบ เข้าคุกแล้วก็มีสิทธิ์เหมือนกับคนอื่น จะได้รับการพระราชทานอภัยโทษอะไรก็ว่าไป แต่ว่ารัฐบาลยังไม่รู้ว่าตัวเองมาทำงานเพื่อประชาชน หรือเพื่อคุณทักษิณ ถึงได้เกิดความสับสนวุ่นวายในขณะนี้
"ผมยังไม่เห็นข้อเสนอไหนที่เสนอมาแล้วทำให้คนปรองดองกันมากขึ้น ได้ยินข้อเสนอแต่ละข้อเสนอมา วันรุ่งขึ้นมีแต่คนทะเลาะกันมากขึ้น เวลานี้การปรองดองที่ดีที่สุดคือรัฐบาลทำงานแก้ปัญหาประชาชนไป แล้วปล่อยให้ คอป.มาดูแลในเรื่องขบวนการยุติธรรมที่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทำอย่างนั้นก็จบ แต่ว่าถ้ามาสร้างเงื่อนไขใหม่ เรื่องของคุณนพดล หรือใครจะใช้ชื่ออะไรก็ตาม คนไทยไม่ได้โกงนะครับ วันนี้อยากทำอย่างนี้ พอถูกต่อต้านวันรุ่งขึ้นทำเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนชื่อ คนเขาจะยอมรับได้อย่างไร" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
** "เหลิม"เมาน้ำลาย ทำรัฐบาลตกต่ำ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ร.ต.อ.เฉลิม ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการช่วยเหลือพ.ต.ท.ทักษิณ ว่าจะมีการเปลี่ยนจากการทำ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เป็น พ.ร.บ.ปรองดอง ว่า วิธีการที่เขาทำ มันหลอกประชาชนมากเกินไป ยิ่งทำให้ประชาชนขมขื่น ทำตรงๆ ดีกว่า บอกกันให้ชัดไปเลย ตอนแรกก็ทำทีว่าไม่เอาแล้วเรื่องนิรโทษกรรม ตนก็พลอยยินดีไป ด้วยว่าบ้านเมืองจะได้สงบ แต่นี่มาเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นกฎหมายปรองดอง คนเขาก็เข้าใจว่าคุณต้องการอะไร ตนก็อยากจะฝากบอกว่าขอให้ตั้งสติ เรื่องที่มันขัดใจกับประชาชนอย่าทำเลย แม้จะเปลี่ยนชื่อมาแล้ว ก็คงจะตบตาประชาชนไม่ได้ อย่าประเมินประชาชนต่ำไป
"คุณเฉลิม ทำให้คะแนนของรัฐบาลตกไปทุกวัน ยิ่งพูดมาก เมาน้ำลายไปเรื่อยๆ คะแนนก็จะตกไปเรื่อยๆ เรื่องนี้คงยากที่จะทำสำเร็จได้" นายสุเทพ กล่าว
** "เทือก"หวั่นเกมพลิกตกเป็นผู้ต้องหา
นายสุเทพ ยังกล่าวถึงการเข้าให้ปากคำพนักงานสอบสวนในคดีการสลายชุมนุมในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.53 เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า ได้ใช้เวลาในการให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ประมาณ 7 ชั่วโมง เป็นเรื่องการเสียชีวิตในช่วงวันที่ 13-19 พ.ค. 53 และมีผู้เสียชีวิตบางรายที่ ดีเอสไอ ส่งเรื่องมาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพราะมีข้อสงสัยว่า อาจจะเสียชีวิตจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ ที่มีการสั่งการจากตน ซึ่งตนก็ได้ชี้แจงไปอย่างครบถ้วน ว่าตนเป็นผู้สั่งการแต่ผู้เดียว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกฯ ในขณะนั้นไม่ได้มาเกี่ยวข้องด้วย เพราะท่านทำหน้าที่ที่จะหาทางเจรจากับแกนนำผู้ชุมนุมอยู่ตลอดเวลา
เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ ที่จะยังคงสถานะพยาน ไม่ใช่ผู้ต้องหา นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มั่นใจ เพราะดูท่าทีจาก ร.ต.อ.เฉลิม และคนในรัฐบาล หรือฝ่าย นปช. ก็พอจะเห็นว่า เขามีเป้าหมายชัดเจน ที่จะต้องหาทางพลิกสถานการณ์ให้นายอภิสิทธิ์ และตน กลายเป็นผู้ต้องหา เพื่อที่จะได้เป็นข้ออ้างในการที่จะเสนอกฎหมายนิรโทษกรรม หรือแกล้งหลอกประชาชนว่าเป็นกฎหมายปรองดอง ว่าไม่ได้ทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ทำเพื่อทุกฝ่าย แต่ตนยืนยันได้เลยว่าไม่ต้องมาทำนิรโทษกรรมให้ตน
" ผมยืนยันว่า ผมเคารพในกฎหมาย ถ้าสิ่งที่ผมทำเป็นคนผิด ผมก็ต้องรับโทษตามกฎหมาย ผมยืนยันว่า ผมไม่หนีไปต่างประเทศ ไม่เรียกร้องนิรโทษกรรม แต่จะปฏิเสธการนิรโทษกรรม และหากตกเป็นผู้ต้องหาจริงๆ ผมก็จะรวบรวมเอกสาร พยานบุคคล ตั้งทนายสู้คดีดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม" นายสุเทพ กล่าว
** ไม่เชื่อ"ไอ้กี้ร์"กลับตัวเป็นคนดี
นายสุเทพ ยังกล่าวถึงกรณีนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำนปช. ให้การกับศาลโดยอ้างว่า ที่เรียกคนไปชุมนุมเมื่อช่วงปี 53 เพราะเกรงว่าจะมีการปฏิวัติเกิดขึ้นว่า ไม่ว่านายอริสมันต์ จะพูดอย่างไรในวันนี้ แต่การที่พูดไว้หลายครั้งในการชุมนุม คนเขาบันทึกไว้หมด เมื่อวานตนก็ได้เอาวีดีโอชุดหนึ่งไปเปิดให้พนักงานสอบสวนได้ดู ได้เห็นว่านายอริสมันต์ ระบุว่า เขาทำงานกัน โดยมี 3 ฝ่ายคือ พรรคการเมือง มวลชนจัดตั้ง และกองกำลังติดอาวุธ พร้อมที่จะขึ้นต่อสู้กับทหาร เป็นต้น แม้นายอริสมันต์จะพูดอย่างไรก็แล้วแต่ สิ่งที่ทำในอดีตก็ชี้ชัดอยู่แล้ว นายอริสมันต์ หากกลับเนื้อกลับตัวได้ ก็คงจะดีได้ แต่ทั้งนี้ก็อย่าไปคิดว่าทำไม่ได้ เพียงแต่ต้องดูกันไปก่อน เพราะพฤติกรรมในอดีตไม่ค่อยจะทำให้มั่นใจได้ว่าจะเป็นคนดีสงบเรียบร้อย มันไม่น่าเชื่อ
ส่วนที่นายอริสมันต์ ระบุว่าถูกรัฐบาลชุดที่แล้วจัดหน่วยไล่ล่าตัวนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่จริงเลย ไม่มีการจัดหน่วยไล่ล่าอย่างที่นายอริสมันต์คิด แต่นายอริสมันต์ หนีทุกโอกาส มีครั้งหนึ่งที่ไปก่อเหตุที่พัทยา จ.ชลบุรี พอถูกควบคุมตัว จะเอาขึ้นเฮลิคอปเตอร์ นำตัวไป ก็อาละวาดต้องเอาเครื่องบินลงกลางทาง นายอริสมันต์ ในอดีตพฤติกรรมที่ผ่านมาไม่ใช่คนที่เคารพกฎหมาย กล้าที่จะทำผิดกฎหมาย และไม่ยอมพิสูจน์พฤติกรรมของตัวเองตามกระบวนการยุติธรรม" นายสุเทพ กล่าว
**"เหวง"ปูดร่างแก้รธน.50 เสร็จแล้ว
นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แกนนำ นปช. เปิดเผยถึงแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ว่า ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายของพรรค ได้เขียนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 50 มาตรา 291 เพื่อเปิดโอกาสให้ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) จำนวนประมาณ 90 คน ประกอบด้วย ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้ง 77 คน และจากผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนประมาณ 20 คน เมื่อเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วจะส่งเรื่องให้รัฐบาล ซึ่งมีนโยบายในการเป็นเจ้าภาพในการแก้รัฐธรรมนูญ และเชื่อว่าจะนำเข้าที่ประชุม ครม. เห็นชอบต้นปี 55
"เมื่อได้ ส.ส.ร.ทั้ง 90 คนแล้วจะลงพื้นที่ไปสอบถามประชาชนว่า ต้องการรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 40 หรือปี 50 เพื่อนำมาเป็นต้นแบบ โดยการแก้ไขเรื่องใดๆ นั้นเป็นหน้าที่ของ ส.ส.ร.โดยจะไม่มีการแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง หรือการกดดันจากฝ่ายใดๆ ทั้งสิ้น และเชื่อว่า ส.ส.ร.จะใช้เวลาทำงานกันประมาณ 1 ปี คาดว่าประชาชนจะได้ลงประชามติรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ภายในต้นปี56" นพ.เหวง ระบุ
นพ.เหวง ยังปฏิเสธแนวทางการเสนอกฎหมายนิรโทษกรรม ของ ร.ต.อ.เฉลิม ว่า "เรื่องนี้ไม่มีครับ เราไม่ต้องการให้นิรโทษกรรม เพราะต้องการให้พิสูจน์ความจริง และเอาคนผิดมาลงโทษ" นพ.เหวง กล่าว