ผอ.ศูนย์ติดตามนโยบายรัฐบาล ปชป.จี้ “ปู” แจงงบฯ ฟื้นฟูน้ำท่วม 8 แสน้านไม่ผ่าน กมธ.วิสามัญงบฯ ปี 55 ข้องใจ ครม.นัดพิเศษถกงบ 1.2 แสนล้าน มึนอีก 6 แสนล้านไปไหน ดักคอเหลือบการเมืองรุมทึ้ง ซัด รบ.ปั้นตัวเลข ศก.เวอร์ สวนทางวิกฤตการเงินโลก เสนอ 5 โมเดลเร่งด่วนฟื้นฟูประเทศหลังน้ำลด
วันนี้ (11 ธ.ค.) นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ผอ.ศูนย์ติดตามนโยบายรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า แผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังน้ำท่วมของรัฐบาล โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ และแกนนำการเมืองที่บริหารงานผิดพลาด ทั้งนี้ ต้องการที่จะตำหนิแนวทางการฟื้นฟูความเชื่อมั่นที่ไปโรดโชว์ต่างประเทศ ตรงกันข้ามกับการบริหารในประเทศ ทำให้สิ่งที่ประชาคมโลกและนักลงทุนต่างชาติรับรู้นั้นสวนทางต่อความสำเร็จในการสร้างความเชื่อมั่น ดังนี้
1.การพยากรณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2555 เติบโต 7% จากการกระตุ้นกำลังซื้อ การเพิ่มค่าแรง และการลงทุนภาครัฐ ซึ่งการคาดเดาอย่างนี้แทนที่จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่น กลับจะเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือ เพราะแสดงให้เห็นถึงการไม่มีข้อมูลในการประเมิน เนื่องจากในเดือน พ.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคตกต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี 2.การส่งออกในปีหน้าที่หลายฝ่ายคาดว่าจะลดลงอย่างมากจากวิกฤตด้านอุปสงค์ในยูโรโซน และในภาคผลิตที่ 40% อยู่ในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์ ที่เสียหายจากน้ำท่วมนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งจะต้องใช้เวลา 6 เดือนกว่าจะฟื้นกลับมาอีกครั้ง 3.การลงทุนที่มีการย้ายฐานการผลิตจากสาเหตุที่รัฐบาลไม่สามารถฟื้นความเชื่อมั่นในการป้องกันน้ำท่วมที่เสี่ยงจะเกิดขึ้นในปีถัดไปได้
“การพยากรณ์ทางเศรษฐกิจที่สูงกว่าความเป็นจริง ก็ยังไม่สามารถฟื้นความเชื่อมั่นกลับมาได้เพราะประเมินออกมาไม่สอดคล้องกับวิกฤตเศรษฐกิจโลก รวมทั้งการเดินสายไปญี่ปุ่น และอังกฤษ เพื่อยืนยันว่าปีหน้าน้ำจะไม่ท่วม 100% ถือว่าสำคัญมากเพราะทีมบริหารน้ำก็ยังย้ำสวนทางว่าปีหน้าจะเกิดน้ำท่วมอีกแน่นอนและระบบการป้องกัน ระบายน้ำยังมีไม่เพียงพอ ถือว่าสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ เอสเอ็มอีอีกกว่า 550,000 รายที่ได้รับผลกระทบก็ยังไม่มีมาตรการเยียวยารองรับ ซึ่งเป็นส่วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากขนาดใหญ่ ในส่วนของดัชนีเศรษฐกิจปากท้องก็เห็นได้ชัดว่า ค่าครองชีพ สินค้าอุปโภคบริโภค อาหาร ก๊าซหุงต้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง” นพ.บุรณัชย์กล่าว
นพ.บุรณัชย์กล่าวอีกว่า พรรคประชาธิปัตย์เสนอให้รัฐบาลเร่งสร้างความเชื่อมั่น 5 ด้าน 1.รีบจัดทำแผนป้องกันอุทกภัยที่ครบวงจร และสามารถสร้างความมั่นใจได้ในทางปฏิบัติจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศก่อนจะไปโรดโชว์ 2.การฟื้นฟูเยียวยากิจการควรจะขยายการให้ประโยชน์ไปยังเอสเอ็มอี โดยให้ธนาคารของรัฐสนับสนุนวงเงินสินเชื่อและผ่อนระยะเวลาชำระดอกเบี้ยโดยด่วน และลดภาระภาษีด้านต่างๆ ด้วย เช่น การชะลอจ่ายเงินสมทบประกันสังคมทั้งนายจ้างและลูกจ้างออกไปอย่างน้อย 6 เดือน 3.แก้ปัญหาด้านการประกันภัยที่อาจเสี่ยงต่อการที่บริษัทประกันจะเพิ่มค่าเบี้ยประกันในปีหน้า 4.ควรประกาศผังเมืองที่จะมีผลกระทบจากอุทกภัย 5.การจัดทำงบฯ พิเศษที่รัฐบาลระบุว่าจะมีเงินส่วนนี้มากถึง 8 แสนล้านบาท ซึ่งโครงการที่รัฐบาลจะทำภายใต้งบฯ ส่วนนี้จะต้องเป็นโครงการที่อยู่บนพื้นฐานของการฟื้นฟูอย่างแท้จริง จะต้องไม่มีกระบวนการทางการเมืองมานำการใช้จ่ายงบฯ ส่วนนี้
ทั้งนี้ ในการประชุม ครม.นัดพิเศษที่จะพิจารณางบฯ 1.2 แสนล้านบาท แต่นายกฯ บอกว่ามีงบอยู่ 8 แสนล้านบาท แล้วเงินที่เหลือไปไหนอีก 6.8 แสนล้านบาท และทำไมงบฯ ส่วนนี้จึงไม่มีการนำเข้ามาพิจารณาในที่ประชุมกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ ที่มีการประชุมอยู่ในขณะนี้