ASTVผู้จัดการรายวัน - "ประสาร" ไม่กังวลแนวคิดนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนพรรคเพื่อไทยสวนทางกับ ธปท. เตรียมหารือ รมว.คลัง คนใหม่ ถกประเด็นอัตราแลกเปลี่ยนคงที่-อัตราดอกเบี้ยอ่อน ยันถ้าไทยมีนโยบายทางเศรษฐกิจที่ดีกับขุนคลังมีฝีมือ เงินจะทะลักเข้าไทยในครึ่งปีหลัง ระบุขึ้นค่าจ้างรวดเดียว 300 บาท ทำได้ยาก
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงแนวคิดของทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยต้องการให้ ธปท.หันมาใช้อัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ หรือระบบคณะกรรมการค่าเงิน (Currency Board) เช่นเดียวกับฮ่องกง พร้อมทั้งต้องการให้ผ่อนคลายนโยบายอัตราดอกเบี้ยลง ซึ่งแนวทางเหล่านี้ต่างกับการดำเนินนโยบายการเงินของธปท.ในปัจจุบันว่าขณะนี้อยู่ระหว่างจัดตั้งรัฐบาลและคัดเลือกตัวบุคคลในตำแหน่งต่างๆ ทำให้แนวคิดการดำเนินนโยบายการเงิน และอัตราแลกเปลี่ยนที่ออกมายังไม่เห็นภาพที่ชัดเจนว่าทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยต้องการคืออะไรบ้าง
ทั้งนี้ ในการบริหารประเทศทุกยุคที่ผ่านมา ธปท.กับกระทรวงการคลัง มีความเกี่ยวข้องและต้องทำงานร่วมกันมาก ดังนั้น ควรจะมีการทำความเข้าใจในแนวคิด และนโยบายต่างๆ ของกันและกันที่ชัดเจนก่อนที่จะตัดสินใจดำเนินนโยบายทั้งในด้านเศรษฐกิจ การคลัง และการเงิน
ส่วนการพูดถึงอัตราเงินเฟ้อ 5-6% อัตราแลกเปลี่ยนคงที่หรือลอยตัวแบบมีการจัดการ รวมถึงอัตราดอกเบี้ยอ่อนรับได้หรือไม่ นายประสาร กล่าวว่า หากพูดเป็นคำๆ อาจจะเข้าใจไม่ตรงกัน และไม่รู้ข้อจำกัดของแต่ละเรื่อง แต่ถ้ารมว.คลัง คนใหม่กับธปท.ได้มีการหารือกัน บางทีแนวคิดที่ว่าแตกต่างกัน ความจริงอาจจะไม่ได้แตกต่างกันเลยทำงานไปพร้อมกันได้ก็มีความเป็นไปได้มาก เช่น ถ้าพูดถึงเงินเฟ้อ ก็ต้องพูดถึงเรื่องความสามารถในการแข่งขันด้านการค้าของไทยกับต่างประเทศ ต้นทุนราคาสินค้า และผลกระทบต่อกำลังซื้อของคนในประเทศด้วย
อย่างไรก็ตาม การที่ประเทศสามารถผ่านการเลือกตั้งไปอย่างเรียบร้อย และผู้นำของประเทศ ทั้งคุณยิ่งลักษณ์ และคุณอภิสิทธิ์ แสดงความมีวุฒิภาวะที่ดี และมีความเป็นผู้ใหญ่ มีการยอมรับในเสียงของประชาชน และกติกา ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นที่ดี ทำให้ในช่วงที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติที่ขายหุ้นเพื่อนำเงินออกไป เพื่อรอดูสถานการณ์ ทำให้การลงทุนในไทยต่ำกว่าน้ำหนักการลงทุนที่เหมาะสม เริ่มนำเงินกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นใหม่อีกครั้ง และหลังจากนี้ นักลงทุนคงต้องจับตาการจัดตั้งครม. ตัวทีมเศรษฐกิจ และนโยบายของรัฐบาล ถ้าเป็นไปในทิศทางที่ดี เชื่อว่า เงินลงทุนของต่างชาติในครึ่งปีหลังจะไหลเข้ามาลงทุนในประเทศอย่างต่อเนื่อง และเป็นจำนวนที่ค่อนข้างมาก
“ถ้าประเทศมีเสถียรภาพทางการเมืองที่ดี มีครม. มีนโยบายทางเศรษฐกิจที่ดี เชื่อว่า ครึ่งปีหลังเงินทุนจากต่างประเทศน่าจะกลับมาไหลเข้าประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะมีผลต่อค่าเงินบาทบ้าง แต่ธปท.มีหน้าที่ที่จะบริหารจัดการเงินทุน และค่าเงินบาทให้ผันผวน และช่วยในการแข่งขันของประเทศอยู่แล้ว ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง เงินทุนไหลเข้ามาเป็นเรื่องที่ดีมากกว่าไม่ดี เพราะประเทศที่มีความเชื่อมั่นมีเสถียรภาพเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว”
ทั้งนี้ แนวนโยบายของรัฐบาลใหม่ ที่จะกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ และการดำเนินนโยบายการเงิน ของธปท. นั้น นายประสาร กล่าวว่า ทีมวิเคราะห์เศรษฐกิจของธปท. ในฐานะเลขาของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะรวบรวมข้อมูลล่าสุดที่ทันสมัยให้ กนง.พิจารณาในการประชุม 13 ก.ค.นี้
**ชี้ขึ้นค่าจ้างรวดเดียว 300 บาททำยาก**
นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธปท.กล่าวถึงการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศตามนโยบายหาเสียงของรัฐบาลชุดใหม่ว่า การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำในครั้งเดียว 300 บาทเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก และน่าจะเป็นการทยอยปรับขึ้นมากกว่า เพราะต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการไตรภาคี จึงเชื่อว่ามีผลต่ออัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นไม่มากนัก
**เผยต่างชาติขนเงินไปลงทุนทองคำ**
ด้านนางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธปท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา การเคลื่อนไหวค่าเงินบาทค่อนข้างนิ่ง เนื่องจากแม้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น แต่มีนักลงทุนต่างชาติบางส่วนเริ่มไหลออกไปลงทุนตลาดทองคำในต่างประเทศ ซึ่งเป็นผลจากราคาทองคำเริ่มกลับมาอยู่ในช่วงขาขึ้น.
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงแนวคิดของทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยต้องการให้ ธปท.หันมาใช้อัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ หรือระบบคณะกรรมการค่าเงิน (Currency Board) เช่นเดียวกับฮ่องกง พร้อมทั้งต้องการให้ผ่อนคลายนโยบายอัตราดอกเบี้ยลง ซึ่งแนวทางเหล่านี้ต่างกับการดำเนินนโยบายการเงินของธปท.ในปัจจุบันว่าขณะนี้อยู่ระหว่างจัดตั้งรัฐบาลและคัดเลือกตัวบุคคลในตำแหน่งต่างๆ ทำให้แนวคิดการดำเนินนโยบายการเงิน และอัตราแลกเปลี่ยนที่ออกมายังไม่เห็นภาพที่ชัดเจนว่าทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยต้องการคืออะไรบ้าง
ทั้งนี้ ในการบริหารประเทศทุกยุคที่ผ่านมา ธปท.กับกระทรวงการคลัง มีความเกี่ยวข้องและต้องทำงานร่วมกันมาก ดังนั้น ควรจะมีการทำความเข้าใจในแนวคิด และนโยบายต่างๆ ของกันและกันที่ชัดเจนก่อนที่จะตัดสินใจดำเนินนโยบายทั้งในด้านเศรษฐกิจ การคลัง และการเงิน
ส่วนการพูดถึงอัตราเงินเฟ้อ 5-6% อัตราแลกเปลี่ยนคงที่หรือลอยตัวแบบมีการจัดการ รวมถึงอัตราดอกเบี้ยอ่อนรับได้หรือไม่ นายประสาร กล่าวว่า หากพูดเป็นคำๆ อาจจะเข้าใจไม่ตรงกัน และไม่รู้ข้อจำกัดของแต่ละเรื่อง แต่ถ้ารมว.คลัง คนใหม่กับธปท.ได้มีการหารือกัน บางทีแนวคิดที่ว่าแตกต่างกัน ความจริงอาจจะไม่ได้แตกต่างกันเลยทำงานไปพร้อมกันได้ก็มีความเป็นไปได้มาก เช่น ถ้าพูดถึงเงินเฟ้อ ก็ต้องพูดถึงเรื่องความสามารถในการแข่งขันด้านการค้าของไทยกับต่างประเทศ ต้นทุนราคาสินค้า และผลกระทบต่อกำลังซื้อของคนในประเทศด้วย
อย่างไรก็ตาม การที่ประเทศสามารถผ่านการเลือกตั้งไปอย่างเรียบร้อย และผู้นำของประเทศ ทั้งคุณยิ่งลักษณ์ และคุณอภิสิทธิ์ แสดงความมีวุฒิภาวะที่ดี และมีความเป็นผู้ใหญ่ มีการยอมรับในเสียงของประชาชน และกติกา ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นที่ดี ทำให้ในช่วงที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติที่ขายหุ้นเพื่อนำเงินออกไป เพื่อรอดูสถานการณ์ ทำให้การลงทุนในไทยต่ำกว่าน้ำหนักการลงทุนที่เหมาะสม เริ่มนำเงินกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นใหม่อีกครั้ง และหลังจากนี้ นักลงทุนคงต้องจับตาการจัดตั้งครม. ตัวทีมเศรษฐกิจ และนโยบายของรัฐบาล ถ้าเป็นไปในทิศทางที่ดี เชื่อว่า เงินลงทุนของต่างชาติในครึ่งปีหลังจะไหลเข้ามาลงทุนในประเทศอย่างต่อเนื่อง และเป็นจำนวนที่ค่อนข้างมาก
“ถ้าประเทศมีเสถียรภาพทางการเมืองที่ดี มีครม. มีนโยบายทางเศรษฐกิจที่ดี เชื่อว่า ครึ่งปีหลังเงินทุนจากต่างประเทศน่าจะกลับมาไหลเข้าประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะมีผลต่อค่าเงินบาทบ้าง แต่ธปท.มีหน้าที่ที่จะบริหารจัดการเงินทุน และค่าเงินบาทให้ผันผวน และช่วยในการแข่งขันของประเทศอยู่แล้ว ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง เงินทุนไหลเข้ามาเป็นเรื่องที่ดีมากกว่าไม่ดี เพราะประเทศที่มีความเชื่อมั่นมีเสถียรภาพเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว”
ทั้งนี้ แนวนโยบายของรัฐบาลใหม่ ที่จะกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ และการดำเนินนโยบายการเงิน ของธปท. นั้น นายประสาร กล่าวว่า ทีมวิเคราะห์เศรษฐกิจของธปท. ในฐานะเลขาของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะรวบรวมข้อมูลล่าสุดที่ทันสมัยให้ กนง.พิจารณาในการประชุม 13 ก.ค.นี้
**ชี้ขึ้นค่าจ้างรวดเดียว 300 บาททำยาก**
นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธปท.กล่าวถึงการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศตามนโยบายหาเสียงของรัฐบาลชุดใหม่ว่า การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำในครั้งเดียว 300 บาทเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก และน่าจะเป็นการทยอยปรับขึ้นมากกว่า เพราะต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการไตรภาคี จึงเชื่อว่ามีผลต่ออัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นไม่มากนัก
**เผยต่างชาติขนเงินไปลงทุนทองคำ**
ด้านนางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธปท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา การเคลื่อนไหวค่าเงินบาทค่อนข้างนิ่ง เนื่องจากแม้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น แต่มีนักลงทุนต่างชาติบางส่วนเริ่มไหลออกไปลงทุนตลาดทองคำในต่างประเทศ ซึ่งเป็นผลจากราคาทองคำเริ่มกลับมาอยู่ในช่วงขาขึ้น.