“ปู” ยืนยัน นโยบาย พท.ไม่ทำให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อ และส่งผลกระทบต่อค่าเงิน ระบุ ไม่มีแนวคิดเปลี่ยนค่าเงินจากลอยตัวเป็นแบบคงที่ เพราะนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน ไม่ได้ถูกดึงมาเป็นนโยบายพรรค ตามที่ทีม ศก.ออกมาให้สัมภาษณ์ ลั่นไม่แทรกแซงบาท เพราะบาทแข็งจะทำให้ราคาสินค้านำเข้าลดลง พร้อมระบุ ประชาชนอยากเห็นการเพิ่มรายได้มากกว่า เตรียมชี้แจงรายละเอียดอย่างเป็นทางการอีกครั้ง พร้อมโต้เลิกกองทุนน้ำมันฯ แค่เลิกจัดเก็นชั่วคราว เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เผยใช้เงินกองทุนให้หมดแล้วค่อยจัดงบใหม่
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีผู้แสดงความเป็นห่วงนโยบายของพรรคเพื่อไทย (พท.) อาจทำให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อ โดยระบุว่า ทางพรรคได้มีนโยบายที่พยายามจะลดค่าใช้จ่ายในหลายด้าน ซึ่งคิดว่า นโยบายที่ออกมาคงไม่กระทบค่าเงินมานัก
“นโยบายของพรรคที่จะดำเนินการทั้งหมดนี้ ยืนยันว่า จะดูแลไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อ แต่เชื่อว่าหากนโยบายสามารถกระตุ้นให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนในตลาดเพิ่มมากขึ้นซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนอยากจะเห็น ส่วนเม็ดเงินลงทุนในนโยบายทั้งหมดของรัฐบาลนั้น ขอเวลาให้ผู้เกี่ยวข้องและทีมงานเศรษฐกิจได้จัดทำร่างนโยบายให้แล้วเสร็จก่อนจึงจะแจ้งให้ทราบ และยืนยันว่าจะดูแลไม่ให้กระทบกับฐานะการเงินการคลังของประเทศ”
ด้านมาตรการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศ 40% เป็น 300 บาท หรือประมาณ 10 ดอลลาร์ต่อวันในกรุงเทพมหานครนั้น จะมีผลบังคับใช้ในช่วงต้นปี 2555 แต่กลุ่มนายจ้างก็จะได้ประโยชน์จากการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคลซึ่งเธอวางแผนไว้ว่าจะปรับให้ลงมาอยู่ที่ระดับ 23% จากเดิมที่ 30% และจากนั้นจะปรับลดลงอีกจนถึงระดับ 20% ในปี 2556
นางสาวยิ่งลักษณ์ ยอมรับว่า การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำอาจจะส่งผลให้เกิดเงินเฟ้อ โดยในช่วงปีแรกนั้น อาจจะมีผลกระทบบ้างเล็กน้อย แต่เรากำลังให้ความสำคัญกับอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) อยู่ในขณะนี้ เราคาดว่าการปรับขึ้นค่าจ้างจะช่วยเพิ่มอัตราการอุปโภคบริโภค ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจได้อีกทางหนึ่ง
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการชดเชยอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า รัฐบาลของตนเองจะพยายามลดต้นทุนสินค้าที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน เช่นน้ำมันปรุงอาหารหรือน้ำตาล พร้อมกับกล่าวว่า รัฐบาลกำลังวางแผนที่จะยกเว้นการส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้ราคาค้าปลีกน้ำมันเบนซินและดีเซลปรับตัวลดลง
“นี่เป็นมาตรการเบ็ดเสร็จ ถ้าเราดูแลความต้องการพื้นฐานของประชาชนได้ เราก็จะเริ่มจัดการกับความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศของเราต่อไป เป้าหมายแรกของเรา คือ เรื่องเศรษฐกิจ การปรับขึ้นค่าครองชีพถือเป็นปัญหาเร่งด่วน เรากำลังทำเพื่อทุกคน”
ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญอยู่ที่ประชาชนอยากจะเห็นรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นมากกว่า ส่วนการออกมาวิพากษวิจารณ์ของผู้เชี่ยวชาญในขณะนี้ ตนเห็นว่าเป็นความคิดเห็นส่วนตัว แต่ในส่วนของพรรคเพื่อไทยก็จะออกมาชี้แจงเกี่ยวกับนโยบายต่างๆ อย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง อีกทั้งยังจะต้องดูสภาพการเงินการคลังในขณะนี้ด้วย
ส่วนเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของประเทศไทย ว่าที่นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ตอนนี้ยังไม่ได้ถูกดึงเข้ามาเป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย พร้อมยืนยันว่าจะไม่มีการเข้าแทรกแซงค่าเงินบาท เพราะในขณะนี้ค่าเงินบาที่ลอยตัว ก็ยังส่งผลดีต่อการที่ต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
“ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยไม่มีนโยบายเปลี่ยนแปลงระบบอัตราแลกเปลี่ยนจากลอยตัวมาเป็นแบบคงที่เหมือนประเทศจีน ตามที่ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช ทีมเศรษฐกิจพรรคในฐานะอดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ เราไม่มีนโยบายจะเข้าไปแทรกแซงค่าเงินบาท แต่จะให้เป็นไปตามกลไกในปัจจุบัน”
โดยเมื่อเช้าวันนี้ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทย กล่าวให้สัมภาษณ์กับวอลล์สตรีท เจอร์นัล เป็นครั้งแรก โดยระบุว่า ไทยจะยังคงปล่อยให้ค่าเงินบาทแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้ราคาสินค้านำเข้าหลักๆ ปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ดี หากมีโอกาสจะหารือกับผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน รวมทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ด้วย พร้อมระบุว่า เรื่องอัตราแลกเปลี่ยนยังไม่ใช่นโยบาย เป็นเพียงการวิเคราะห์ เราจะไม่เข้าไปแทรกแซงค่าเงินบาท เราอยากใช้ระบบกลไกที่มีอยู่ในระดับหนึ่งก่อน
ส่วนกรณีที่ผู้เชี่ยวชาญออกมาคัดค้านพรรคเพื่อไทยในการยุบกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงนั้น ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้มีนโยบายจะยุบกองทุนน้ำมันฯ เพียงแต่จะยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันแบบชั่วคราว ในรายการน้ำมันเบนซิน 95 เบนซิน 91 และดีเซล แต่ก็ยังคงต้องรอดูระยะเวลาในการยกเลิกก่อนว่าจะนานเท่าใด เนื่องจากพรรคเพื่อไทยไม่ได้มีนโยบายที่จะยกเลิกตลอด แต่จะดูระบบเศรษฐกิจเป็นที่ตั้ง อีกทั้งยังต้องรอดูแผนงบประมาณต่างๆ ด้วย
“เป็นการยกเลิกการส่งเงินเข้ากองทุนฯ เฉพาะน้ำมันเบนซิน 95 เบนซิน 91 และดีเซล ชั่วคราว จนกว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น จึงจะกลับมาจัดเก็บตามเดิม ทั้งนี้ ทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย จะมีการจัดทำแผนงบประมาณที่จะใช้รองรับ”
โดยเบื้องต้น มาตรการที่ออกมาคาดว่าจะใช้เงินที่ยังคงมีเหลือจากกองทุนน้ำมันก่อน โดยเมื่อเงินหมดก็จะเป็นหน้าที่ภาระของรัฐบาลที่จะจัดสรรเงินจากส่วนต่างๆ ซึ่งอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับค่าครองชีพ และราคาของสินค้าต่างๆ อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยขอเวลาอีกสักระยะหนึ่งในการหารือและสร้างแผนงบประมาณ
สำหรับกรณีหากราคาน้ำมันลดลงจะทำให้การใช้พลังงานทดแทนลดน้อยลงหรือไม่นั้น คิดว่าในปัจจุบันพลังงานทดแทนก็ยังไม่มีเพียงพอต่อประชาชน ซึ่งในอนาคตก็จำเป็นที่จะต้องมีสร้างพลังงานทดแทนมากขึ้น
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายเกรงว่า การยกเลิกการส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ อาจกระทบกับราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) และเชื้อเพลิงธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) เชื่อว่า ไม่น่าจะส่งผลกระทบ เพราะเป็นการแก้ไขปัญหาระยะสั้น ซึ่งจะใช้กองทุนน้ำมันฯ ที่เหลืออยู่เข้ามารองรับ และหลังจากนั้น ก็จะเป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะต้องรับภาระ รวมถึงการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนในทุกด้าน