xs
xsm
sm
md
lg

ให้เวลาปู1ปี ไร้ฝีมือเจ๊งเอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- ภาคเอกชนให้โอกาสรัฐบาลเพื่อไทยต้องเห็นผลงานเป็นรูปธรรมใน 1 ปีหากไม่มีก็อยู่ไม่ได้ โดย 3 เดือนแรกต้องเห็นกรอบทำงานแล้ว แนะนโยบายใช้เงินเก่งต้องหาเก่งหากกู้เงินทั้งหมดพาชาติตามรอยกรีซ แอฟริการับไม่ได้ ค้านเร่งนิรโทษกรรมและแก้รัฐธรรมนูญ หวังปรองดอง และต้านคอร์รัปชั่น ขณะที่“คมนาคม”พร้อมปรับแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตาม ปลัดคลังระบุรมว.คลังต้องเป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ

นายดุสิต นนทะนาคร ประธานคณะกรรมการหอการค้าไทยเปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการร่วม ภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) วานนี้(4ก.ค.) ว่า จากกรณีที่พรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลนั้นภาคเอกชนจะให้เวลาในการทำงานโดย 3 เดือนแรกควรจะมีกรอบการทำงานออกมา และ 6 เดือนควรจะเห็นทิศทางการดำเนินงานตามนโยบายที่วางไว้และ 9 เดือนควรเริ่มเห็นผลงานซึ่งหาก 1 ปีไม่มีผลงานเลยก็คงจะอยู่ไม่ได้ซึ่งเอกชนหวังว่ารัฐบาลควรจะอยู่ครบเทอม สำหรับนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่เน้นการใช้เงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายโครงการที่เป็นประชานิยมหากดำเนินการจริงจะต้องคิดว่าจะหารายได้จากไหนด้วยหากคิดเข้ามาแล้วกู้เงินอย่างเดียวท้ายสุดไทยจะเดินตามรอยประเทศกรีซ หรือแอฟริกาเอกชนคงยอมไม่ได้ ดังนั้นจะต้องเลือกว่าจะโตแบบนี้หรือจะเติบโตแบบสิงคโปร์หรือมาเลเซียที่รัฐบาลทำให้ภาคธุรกิจเข้มแข็งซึ่งท้ายสุดจะนำมาซึ่งรายได้ผ่านภาษีฯต่างๆซึ่งถือเป็นเรื่องท้าทายรัฐบาลชุดนี้

นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)กล่าวว่า ต้องการเห็นรัฐบาลฟอร์มทีมคณะรัฐมนตรีที่คัดสรรบุคคลที่มีความรู้ความสามารถทำงานเพื่อประโยชน์ชาติมากกว่าพรรคพวกหรือกลุ่มตนเองซึ่งพรรคเพื่อไทยได้คะแนนค่อนข้างมากหากทำไม่ดีจริงประชาชนจะผิดหวังไปเองดังนั้นการทำงานจึงควรเน้นเอกภาพแก้ปัญหาปากท้องชาวบ้านและสำคัญต้องนำไปสู่ความปรองดองและแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่นเป็นสำคัญ

นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า มีความเห็นเหมือนนายนายดุสิต โดยสิ่งที่อยากเห็นรัฐบาลเตรียมความพร้อมกับการรับมือการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ที่จะมีผลบังคับใช้ในปี’58

**“คมนาคม”พร้อมปรับแผนเมกะโปรเจ็กต์

นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า แนวทางการดำเนินโครงการส่วนใหญ่ โดยเฉพาะการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานนั้น สอดคล้องกับนโยบายที่พรรคเพื่อไทยได้หาเสียงไว้ ซึ่ง กระทรวงคมนาคมได้จัดเตรียม ข้อมูลการดำเนินงานต่างๆ ให้รัฐบาลชุดใหม่พิจารณาไว้เรียบร้อย ซึ่งต้องรอให้มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาก่อนเนื่องจากการดำเนินโครงการต่างๆนั้น จะต้องยึดตามแนวทางของรัฐบาลเป็นหลัก โดยจะมีการกำหนดเป็นแผนการดำเนินงานในระยะเวลา 4 ปี และแผนการดำเนินงานในแต่ละปีด้วย โดยทั้งโครงการรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ และระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพล้วนเป็นโครงการที่สอดคล้องกับนโยบายของพรรคเพื่อไทยดังนั้นคาดว่าการดำเนินโครงการทั้งหมดจะรวดเร็วยิ่งขึ้น

“ตอนนี้กระทรวงคมนาคมมีข้อมูลทั้งในส่วนของโครงการเก่า โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ และโครงการใหม่ แต่ต้องรอฟังนโยบายที่ชัดเจนจากรัฐบาลก่อน หลังจากนั้นก็จะมีการปรับแผนการดำเนินงานเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบาย จึงจะนำเสนอรัฐบาลพิจารณาได้ โดยคาดว่าจะสามารถนำเสนอได้ประมาณปลายเดือนส.ค.-ต้นเดือนก.ย. หลังจากมีคณะรัฐมนตรี (ครม.)ชุดใหม่แล้ว”นายสุพจน์กล่าว

***ปลัดคลังชี้ รมว.คลังทุกฝ่ายต้องยอมรับ

นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้เตรียมข้อมูลเพื่อเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ว่าในแต่ละเรื่องจะดำเนินการอย่างไร โดยจะฉายภาพให้ชัดเจนถึงภาระและแนวทางต่างๆว่าจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างไร รวมถึงหารือถึงแผนภาษีต่างๆ เพราะยังมีภาระการจัดทำงบประมาณประจำปี 25 55 และกรอบการจัดทำงบประมาณสมดุลในปี 2558 ด้วย ดังนั้นรัฐบาลใหม่คงต้องพิจารณาเกี่ยวกับรายจ่ายและรายรับของรัฐบาล และพิจารณาถึงฐานะการคลังของประเทศในแต่ละปีด้วย

ทั้งนี้กระทรวงการคลังเป็นกระทรวงสำคัญที่ดูแลเศรษฐกิจการเงินของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาบุคคลที่มารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ ดังนั้นจึงหวังว่า รัฐบาลใหม่จะเลือกบุคคลที่มีความรู้ เป็นที่ยอมรับในทุกระดับ ทั้งในและต่างประเทศ และเชื่อว่า การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจในระยะข้างหน้าไม่น่าจะมีปัญหา และยังคงยึดกรอบการจัดทำงบประมาณสมดุลใน 5 ปี เพื่อรักษาวินัยทางการเงินการคลัง แต่หากจะไม่สมดุลใน 5 ปี ก็เป็นที่ยอมรับได้ หากเป็นการใช้เงินเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน

** ชม.ฝากดูค่าแรง-รถไฟความเร็วสูง

นายองอาจ กิตติคุณชัย ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สำหรับในส่วนของสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่นั้น สิ่งที่ได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษคือนโยบายเรื่องค่าแรง เนื่องจากที่ผ่านมาถือว่าได้มีการปรับค่าแรงขึ้นมามากแล้ว หากพรรคเพื่อไทยจะดำเนินนโยบายเรื่องอัตราค่าแรงตามที่ได้หาเสียงไว้ ในกลุ่มผู้ประกอบการขนาดใหญ่น่าจะยังสามารถรองรับนโยบายดังกล่าวได้ แต่นโยบายดังกล่าวน่าจะส่งผลต่อกลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็กและ SMEs ที่จะได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของอัตราค่าแรงค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตามคงต้องติดตามดูว่ารัฐบาลใหม่จะมีนโยบายหรือมาตรการที่เข้ามาช่วยบรรเทาปัญหาในส่วนนี้อย่างไร

ด้านนายสราวุฒิ แซ่เตี๋ยว นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า เรื่องที่ภาคธุรกิจโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวอยากให้รัฐบาลชุดใหม่เร่งดำเนินการ ได้แก่การเดินหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงและการสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ โดยเรื่องรถไฟความเร็วสูงนั้นเชื่อว่าเป็นสิ่งที่รัฐบาลใหม่จะดำเนินการอย่างแน่นอน เพราะเป็นหนึ่งในนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ ซึ่งหากสามารถผลักดันให้เกิดระบบรถไฟความเร็วสูงมาสู่จังหวัดเชียงใหม่ได้แล้วจะสร้างประโยชน์ให้กับการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่เป็นอย่างมาก

**นักวิชาการ มข.เชื่ออนาคตคนอีสานมีหนี้เพิ่ม

ดร.สมพันธ์ เตชะอธิก นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า พรรคการเมืองส่วนใหญ่จะใช้นโยบายประชานิยมมาขอคะแนนเสียงจากประชาชน ซึ่งการหาเสียงในครั้งนี้พรรคเพื่อไทยเสนอนโยบายที่โดนใจกับความต้องการของประชาชน ภาพรวมนโยบายของรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เศรษฐกิจจะกระเตื้องแบบเห็นผลทันตาในระยะเวลาอันสั้น เป็นเศรษฐกิจแบบชั่ววูบ ชาวบ้านจะรู้สึกว่ามีเงินหมุนเวียน ไว้จับจ่ายใช้สอยกันคล่องมือ แต่ก็คงเป็นเพียงในระยะเวลาสั้นๆ

ส่วนระยะยาวเศรษฐกิจจะกลับมาซบเซาอีก เพราะประชาชนใช้เงินในอนาคตจนหมดแล้ว ที่น่าห่วงคือนโยบายที่จะมาสร้างกระแสบริโภคนิยมให้กับประชาชนชาวอีสาน เกิดการใช้จ่ายเกินตัว ส่งผลให้มีภาระหนี้สินเพิ่มขึ้น การแก้ไขปัญหาความไม่พอเพียงทางเศรษฐกิจของคนอีสานให้ลดลง ไปสู่เศรษฐกิจที่เน้นการพึ่งพาตนเอง ด้วยการผลิตเอง ใช้เอง ลดการนำเงินออกจากหมู่บ้าน ชุมชน ลดการบริโภคนิยมตามกระแส ซึ่งสิ่งเหล่านี้ยังไม่มีนโยบายพรรคใดที่มาผลักดันเพื่อคนอีสาน

**ชาวหาดใหญ่ขอ รบ.ใหม่เร่งแก้คอร์รัปชัน

นายทนงศักดิ์ พงศ์จินดามณี พันธมิตรฯสงขลา กล่าวถึงผลการเลือกตั้งครั้งนี้ว่า ไม่ว่าพรรคไหนจะเข้ามาเป็นรัฐบาลก็ขอให้ทำงานอย่างจริงจังทำตามนโยบายที่ได้สัญญากับประชาชนไว้ เพราะที่ผ่านมาไม่ว่ารัฐบาลไหนๆ ไม่เคยทำได้อย่างที่พูดไว้ได้เลยแม้แต่พรรคเดียว อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ภาคใต้จะเป็นฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ที่เหนียวแน่นและมั่นคง แต่กระแสโหวตโนหรือกาช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนในพื้นที่จังหวัดสงขลา นับว่ามาแรงเกือบจะทำให้ประชาธิปัตย์สั่นคลอนได้ มีคะแนนเป็นอันดับแรกในภาคใต้ทั้งแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อ ด้วยคะแนนกว่า 70,000 คะแนน

**ปธ.หอฯสงขลาเชื่อ รบ.ใหม่ไม่ทิ้งศก.ใต้

ดร.สุรชัย จิตภักดีบดินทร์ ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา กล่าวว่า จากนี้ไปในฐานะภาคเอกชนคนหนึ่งหวังว่าการเมืองภายในประเทศจะสามารถก้าวเดินไปได้อย่างราบเรียบและจะไม่มีการก่อบรรยากาศอันไม่พึงประสงค์เพื่อทำให้การบริหารประเทศสะดุด หรือพบกับอุปสรรคเหมือนช่วงที่ผ่านมาอีก เพราะถือว่าที่ผ่านมาเศรษฐกิจของประเทศได้เผขิญกับความสูญเสียอย่างเหลือคณานับ ดังนั้น จึงอยากให้ทุกฝ่ายยอมรับผลการเลือกตั้งที่ออกมา

“เรื่องเศรษฐกิจคือปัญหาเร่งด่วนที่จะต้องแก้ไข โดยเฉพาะปัญหาปากท้องประชาชน รวมถึงเรื่องของธุรกิจขนาดเล็ก และขนาดกลาง ซึ่งถือเป็นหัวใจที่สำคัญของเศรษฐกิจที่แท้จริงในสังคมไทย ดังนั้น หากการเมืองเดินเรียบไม่สะดุดปัญหาใดๆก็วาดหวังว่าคุณยิ่งลักษณ์จะใช้ประสบการณ์และความสามารถในเชิงธุรกิจที่มีอยู่มาช่วยเหลือตรงประเด็น นอกจากนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่ทอดทิ้งเรื่องเศรษฐกิจในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ แม้จะไม่มี ส.ส.จากพรรคแกนนำรัฐบาลก็ตาม"

**เอกชนตราดเตือนอย่าใช้อำนาจเกินขอบเขต

นายสุมิตร เขียวขจี ประธานหอการค้าจังหวัดตราด กล่าวว่า แต่สิ่งที่ต้องการเตือนรัฐบาลชุดนี้ก็คืออย่าให้ซ้ำรอยรัฐบาลทักษิณที่ใช้อำนาจจนเกินขอบเขตและอย่าคิดจะนิรโทษกรรมเพื่อคน ๆ เดียว และคิดจะคืนเงิน 4.6 หมื่นล้านบาท เพราะกลุ่มพลังมวลชนจะออกมาคัดค้าน จะขับไล่จนรัฐบาลไม่สามารถดำรงอยู่ได้ ทุกอย่างควรจะต้องฟังเสียงของประชาชน แต่อย่าใช้ความคิดว่า เมื่อประชาชนเลือกพรรคมามากถึงระดับนี้ ก็หมายถึงให้ทำอะไรตามใจชอบที่ประชาชนไม่เห็นด้วยเป็นอันขาดเพราะจะทำให้รัฐบาลอายุสั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น