“มาร์ค” ย้ำ กองทัพไม่รุกรานกัมพูชา แต่พร้อมตอบโต้หากถูกละเมิดอธิปไตยก่อน โต้ “เจ๊ปู” ขัดแย้งกัมพูชาไม่มีผลกระทบการค้าชายแดน เชื่อ ถ้าได้รัฐบาลที่ต่อเนื่องการเจรจาต่อรองจะง่ายขึ้น เพราะกัมพูชาอยากได้รัฐบาลที่ยอมเขา แต่ถ้าเป็นมิตรกับ “ฮุนเซน” แล้วไทยเสียดินแดน ปชป.ไม่ยอม แนะประชาชนตัดสินใจจะเอาพรรคที่ทำให้เสียอธิปไตยหรือไม่ ส่วนกระแสข่าวปฏิวัติมาจากความพยายามของบางคนที่จะดึงฝ่ายอื่นเข้ามาเป็นปั้ญหาความขัดแย้ง หวังสร้างเงื่อนไขให้เกิดปัญหา เผยหลังปราศรัยแยกราชประสงค์ย้ำข้อมูลเผาเมือง ทำกระแสดีขึ้น ยังหวังชนะเลือกตั้ง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์กล่าวระหว่างหาเสียงที่บางซื่อ ปฏิเสธข่าวที่มีสื่อบางสำนักลงข่าวว่าตัวเองหาเสียงจนเป็นลม ตรงนี้ขอชี้แจงว่า การหาเสียงที่ จ.สมุทรสาคร ตอนที่จะลงจากเวที มีผู้หญิงคนหนึ่งบอกว่า คุณแม่มาด้วย แต่เป็นลมอยู่ที่ศาลา จะให้ตนเข้าไปเยี่ยม ซึ่งตนก็พยายามจะเดินไป แต่ไปไม่ได้เพราะคนมันแน่นมาก จึงได้ตะโกนบอกว่ามีคนเป็นลม ฝากให้ไปช่วยดูด้วย แต่กลับไปลงข่าวว่าตนเป็นลม พอเห็นข่าวก็ตกใจ มีคนโทร.มาถามเหมือนกันว่าไปเป็นลมที่ไหน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย กล่าวบนเวทีปราศรัยว่ารัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ ทำให้สนามการค้าบริเวณชายแดนกลายเป็นสนามรบ ว่า โดยข้อเท็จจริงแล้วไม่ใช่ หากไปดูตัวเลขจะพบว่าการค้าชายแดนเพิ่มขึ้นมากในช่วงรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเราได้แยกแยะประเด็นในเรื่องความสัมพันธ์โดยทั่วไปกับปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะจุด ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นตรงนั้นว่าเป็นเรื่องของพรรคพลังประชาชนต่อเนื่องมาเป็นพรรคเพื่อไทยที่ไปสร้างปมปัญหา หากใครติดตามข่าวสารก็จะทราบยังชัดเจน
ส่วนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุว่า หากตนเองได้เป็นรัฐบาลจะทำให้กลับมาเป็นสนามการค้าเหมือนเดิมและจะสานสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การค้าจะมีบางจุดเท่านั้นที่เป็นปัญหาอยู่ แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องรักษาอธิปไตย และเราก็พยายามทำไม่ให้กระทบกระเทือนกับความสำคัญด้านอื่นๆ ซึ่งตรงนี้เป็นที่ทราบกันดี แม้แต่เวลาที่ทางกัมพูชาพูดถึงเรื่องนี้ ก็ยังยืนยันว่าความสัมพันธ์ทางด้านอื่นไม่ได้กระทบอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ กลายเป็นว่า ทางกัมพูชาถูกโยงมากับการเมืองภายในประเทศ โดยธรรมชาติหรือเป็นความจงใจให้เป็นเครื่องมือระหว่างกัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่า เป็นข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งว่าทางกัมพูชาพยายามจับตาดูการเมืองไทย ตนคิดว่าหากเรามีรัฐบาลที่มีความต่อเนื่อง การเจรจาต่อรองของเราจะง่ายขึ้นมาก เพราะกัมพูชาอยากจะได้รัฐบาล พูดง่ายๆ ว่ายอมเขามากกว่า ตนยืนยันว่าที่ตนไม่ยอมเพราะเป็นผลประโยชน์ของชาติ และเป็นเรื่องของอธิปไตย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้นำแลกได้หรือไม่กับอธิปไตยของชาติ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ประชาชนต้องเลือก ถ้าบอกว่า อยากเป็นมิตรกับสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และยอมเสียดินแดนตามที่เขาขอมาก็สามารถสนับสนุนพรรคเพื่อไทยได้ แต่ถ้าเลือกพรรคประชาธิปัตย์ เราก็จะยืนยันในการปกป้องผลประโยชน์ของเรา เมื่อถามต่อว่า ทางกัมพูชาพยายามโหมกระแสว่าไทยจะทำสงครามในวันที่ 1 ก.ค. อยู่ตลอดเวลา เป็นไปได้ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีหรอก และที่ผ่านมาก็ยืนยันว่ากองทัพเราไม่เคยไปรุกรานใคร แต่ถ้ามีใครรุกรานก็จำเป็นต้องปฏิบัติหน้าที่และตอบโต้อย่างเต็มที่
ผู้สื่่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีกังวลหรือไม่ ทุกครั้งที่มีการปลุกกระแสนี้ขึ้นมา มักจะเกิดการปะทะกันขึ้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทาง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม และทางกองทัพได้ติดตามเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ทราบสถานการณ์ดี เมื่อถามว่า คิดว่ามีเงื่อนไขอะไรที่คนจะใช้เหตุจากการปะทะมาเป็นการได้ประโยชน์ทางการเมืองในประเทศ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีหรอก เพราะไม่มีประโยชน์อะไร ตนอยากจะย้ำว่ามีการพยายามสร้างกระแสต่างๆ มาตลอด จะเห็นว่าตั้งแต่ก่อนที่ตนจะยุบสภา พรรคเพื่อไทยก็บอกว่าไม่เชื่อว่าจะมีการยุบสภา พอมีการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยก็บอกว่าจะมีคนที่ไม่ยอมให้มีการเลือกตั้ง จะพยายามสร้างเงื่อนไขความขัดแย้งอยู่ตลอดเวลา ตนจึงบอกว่า พอแล้วกับการเมืองแบบนี้ มาสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าดีกว่า
ต่อข้อถามว่า ขณะนี้มีการจุดประเด็นเรื่องการปฏิวัติ ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ไปพูดคุยกับทูตสหรัฐอเมริกา ในเรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะไม่จบหรอก จะมีคนพยายามสร้างเงื่อนไขตลอด พยายามสร้างภาพว่าจะเกิดการเอารัดเอาเปรียบในทางการเลือกตั้ง ซึ่งขณะนี้เหลืออีกไม่กี่วัน ก็เห็นได้ชัดเจนว่าทางรัฐบาลต้องการให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม
เมื่อถามว่า ทำไมจึงต้องมีการจุดประเด็นเรื่องการปฏิวัติขึ้นมา ขณะที่เขาระบุว่าเสียงของเขาดี นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เขาก็ชอบพูดจาขัดแย้งกันเองอยู่แล้ว แต่เรื่องการจุดประเด็นขึ้นมา ตนคิดว่าพยายามจะดึงฝ่ายนั้นฝ่ายนี้เข้ามาเป็นปัญหาความขัดแย้ง ตนถึงบอกว่าเราไม่ควรสนับสนุนพรรคการเมืองที่พยายามแบ่งแยกประชาชน พยายามที่จะสร้างเงื่อนไขความขัดแย้งกับกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ เดินหน้าไปข้างหน้าดีกว่า ให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้ มาแก้ปัญหาประชาชนดีกว่า
ส่วนสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้มีเงื่อนไขอะไรที่จะทำให้เกิดการรัฐประหาร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีหรอก ขอให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยบริสุทธิ์ ยุติธรรม และขอให้ทุกคนเคารพกระบวนการของรัฐสภาและรัฐธรรมนูญ ก็จะเรียบร้อยดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการที่นายกรัฐมนตรีไปย้ำทุกพื้นที่ในเรื่องการแบ่งแยกหรือเรื่องของพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทย กระแสตอบรับเป็นอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา การตอบรับของพี่น้องประชาชนดีขึ้นมาก สิ่งหนึ่งที่ตนจับอารมณ์ความรู้สึกได้ คือเหมือนเขาอึดอัดมาโดยตลอด อาจจะเจอกระแสเทียมบ้าง หรือเจอลักษณะที่ทำให้เกิดความหวาดกลัว แต่หลังจากที่เราออกมาแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน โดยเฉพาะจากการที่เราไปที่ราชประสงค์เพื่อบอกว่าไม่มีอะไรที่ต้องกลัวแล้ว ตรงนี้เราจะต้องเดินหน้าพาประเทศไทยไปด้วยกัน ตนคิดว่าตรงนี้ทำให้การตอบรับดีขึ้นมาก
ส่วนสิ่งที่จะทำให้ประชาชนตัดสินใจชี้ขาดในการเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค.นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ผลประโยชน์ของประเทศ อนาคตของชาติ วันนี้จะเอาอย่างไร ว่าเรายังอยากจะจมอยู่กับปัญหาความขัดแย้ง พัวพันอยู่กับคนๆ เดียวก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ตนเชื่อว่าคนส่วนใหญ่มองว่าอนาคตเราก้าวพ้นได้แล้ว โอกาสก้าวพ้นมาแล้ว ถ้าเลือกพรรคประชาธิปัตย์ไปเป็นรัฐบาล ตนคิดว่าเป็นโอกาสที่เราจะเดินไปข้างหน้าและทิ้งปัญหาความขัดแย้งต่างๆ ไว้ข้างหลัง ประชาชนจะได้ประโยชน์การแก้ไขเศรษฐกิจเป็นไปได้จริง และจะมีประสิทธิภาพ
ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้ตัวเลขของพรรคเพื่อไทยดูไม่นิ่ง นายเสนาะ เทียนทอง ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ระบุล่าสุดว่าจะได้เกิน 300 เสียง หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ใครขัดขวางการจัดตั้งรัฐบาลจะเลิกเล่นการเมือง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าได้ 300 ใครจะไปขัดขวางได้ นับมือมั้ง เมื่อถามต่อว่า ในส่วนของการจัดตั้งรัฐบาล หลังจากการเลือกตั้งไปแล้ว คิดว่าจะมีปัญหาอะไรตามมาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ควรจะมี ทุกคนต้องเคารพกระบวนการของประเทศ เรามีกฎกติกาสูงสุดคือรัฐธรรมนูญให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม และสุดท้ายก็เข้าสู่กระบวนการของรัฐสภา ทุกคนต้องยอมรับ
ต่อข้อถามว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ได้อันดับที่ 2 จะรอให้เขาจัดตั้งรัฐบาลก่อนหรือไม่ หากคะแนนห่างกันไม่มาก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “ผมว่า น่าจะมาที่ 1 มั้ง ประชาธิปัตย์ ” เมื่อถามอีกว่า ที่มีการปูทางว่าหากพรรคอันดับ 1 ไม่ได้จัดตั้งรัฐบาลก่อน ก็จะเกิดปัญหาตามมา ตรงนี้การปฏิบัติในส่วนของการเมือง ความจริงควรจะเป็นอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนมั่นใจ พรรคประชาธิปัตย์มาที่ 1 ก็จัดตั้งรัฐบาลได้