นายกฯ เผย “สุวิทย์” เตรียมรายงาน ครม.พรุ่งนี้ เหตุถอนตัวจากภาคีมรดกโลก พร้อมสั่งหน่วยงานรวบรวมผลกระทบและแนวทางที่จะดำเนินการทั้งในส่วนเขมร และยูเนสโก ในการปกป้องสิทธิของไทย โต้ “นพเหล่” ตัวการสร้างปัญหาทำให้รัฐบาลต้องตามแก้มา 3 ปี แถม “นช.แม้ว” ก็เคยเป็นที่ปรึกษา “ฮุนเซน” ส่วนกองทัพเฝ้าระวังชายแดนเต็มที่ หวังตั้งรัฐบาลเร็วเพื่อแก้ปัญหาไทย-กัมพูชา
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ระหว่างหาเสียงที่ จ.ยโสธร ถึงท่าทีของไทยหลังถอนตัวจากการเป็นภาคึมรดกโลกว่า พรุ่งนี้ (28 มิ.ย.) นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนการเจรจามรดกโลกฝ่ายไทย จะรายงานที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งมีประเด็นที่จะให้หน่วยงานเร่งไปดูในข้อมติของมรดกโลกหลังจากที่เราได้เดินออกจากที่ประชุมแล้ว มีผลและมีความหมายอย่างไร รวมถึงขั้นตอนในการดำเนินการต่อจากการแสดงเจตนาของนายสุวิทย์จะเป็นอย่างไร เข้าใจว่าคงต้องเป็นรัฐบาลหลังการเลือกตั้งที่จะมาทำต่อ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การถอนตัวจะมีผลกระทบต่อมรดกโลกของไทยที่ขึ้นทะเบียนไปแล้วหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ยังเพราะมีอีกหลายขั้นตอน ฉะนั้นตอนนี้จะให้ทุกหน่วยงานไปรวบรวมข้อมูลและผลกระทบที่จะเกิดขึ้น นอกจากนี้มติที่ออกมาในท้ายที่สุดยังไม่มีการพูดถึงการไปอนุมัติหรือเห็นชอบกับแผนบริหารจัดการ ตนมองว่าสถานะของการขึ้นทะเบียนเหมือนเดิม คือยังไม่สมบูรณ์ ยังมีปัญหาอยู่ เป็นเรื่องที่เรากำลังให้หน่วยงานไปดูข้อมติอย่างละเอียด เพราะในข้อมติจะอ้างอิงต่ออนุสัญญาและข้อบังคับอะไรต่างๆ ตรงนี้ให้ไปดูให้ละเอียด
“ในการประชุม ครม.วันพรุ่งนี้ คงจะรับทราบสิ่งที่นายสุวิทย์ได้ไปดำเนินการมาภายใต้มติ ครม.เดิม และขั้นตอนที่จะทำต่อไป คิดว่าคงจะเน้นเรื่องการให้หน่วยงานเร่งไปศึกษาผลกระทบทั้งหมด”
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อถอนตัวแล้วจะสามารถสมัครกลับเขาไปเป็นสมาชิกมรดกโลกได้หรือไม่นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การสมัครเข้าไปใหม่มีสิทธิที่ทำได้อยู่แล้ว แต่วันนี้ยังไม่ต้องมองไปถึงตรงนั้น วันนี้เราต้องมาดูผลกระทบและแนวทางที่จะดำเนินการในการเจรจาทั้งในส่วนของกัมพูชา ยูเนสโก ว่าจะปกป้องสิทธิของเราอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าจะกระทบต่อเรื่องปัญหาชายแดน โดยเฉพาะเอ็มโอยูที่ทำกันไว้จะต้องยุติไว้ก่อนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ปฏิเสธว่าจะไม่กระทบ การเจรจากับกัมพูชาเพื่อแก้ปัญหาเป็นกลไกหลักที่เรายืนยันว่าต้องใช้ต้องเดินหน้าต่อไป
ส่วนที่ นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ และทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกมาบอกว่าการทำแบบนี้เหมือนปิ้งปลาประชดแมวและจะกระทบกับส่วนอื่นๆ ที่ไทยกำลังจะขึ้นทะเบียนมรดกโลก นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ผลกระทบทั้งหลายจะต้องมีการพิจารณาอย่างท่องแท้ แต่ผลกระทบต่อการจะขึ้นทะเบียนอะไร อย่างไรก็ไม่รุนแรง หากว่าถ้าว่าเราเสียดินแดน
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นายนพดลน่าจะทราบว่าสิ่งที่ตนเองทำไว้เมื่อปี 2551 สร้างปัญหามาอย่างไร ทำให้ทุกวันนี้ที่เราพยายามแก้กันมา 3 ปี ไม่ให้มีการไปเสนอแผนบริหารพื้นที่ ซึ่งมันจะคาบเกี่ยวกับพื้นที่ของเราเป็นปัญหามาโดยตลอด
ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อต้องรอรัฐบาลใหม่ตัดสินใจ จะมีผลต่อนโยบายของรัฐบาลที่จะเข้ามาสานต่อหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อยากให้ประชาชนที่เป็นห่วงเรื่องนี้ดูว่า พรรคการเมืองมีจุดยืนต่อการรักษาอธิปไตยอย่างไร ที่ผ่านมาปัญหาที่สืบเนื่องมาจากปี 2551 คือปมปัญหาของการทำงานเรื่องนี้ยากลำบากมาโดยตลอด ทั้งนี้ คิดว่าพรรคการเมืองหลายพรรคได้ทำงานร่วมกัน พิสูจน์ให้เห็นว่าเราไม่ต้องการที่จะสูญเสียดินแดน และพยายามทุกวิถีทางในการเดินงาน ทั้งในส่วนการต่างประเทศ งานเจรจาและงานอื่นๆ ฉะนั้น ทางเลือกค่อนข้างชัดว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างไร อย่าลืมว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ไปเป็นที่ปรึกษาของนายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาอยู่ช่วงหนึ่ง
ส่วนที่ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ประกาศว่าการถอนตัวเป็นชัยชนะของเขา นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป้าหมายไม่ได้อยู่ที่ถอนตัวหรือไม่ถอนตัว ชัยชนะอยู่ที่การรักษาอธิปไตย รักษาดินแดน ตนยินดีที่จะทำหน้าที่ตรงนี้ให้เต็มที่และพันธมิตรฯ ที่หวงแหนเรื่องนี้ก็ต้องติดตามเรื่องต่อไป เพราะการถอนออกไปไม่ได้จบ ต้องช่วยกันรักษาดินแดน ป้องกันไม่ให้มีการเดินเกมส์ในลักษณะระหว่างประเทศ ที่จะมากระทบสิทธิ์ของไทย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ชายแดนทางกัมพูชาเริ่มเคลื่อนไหว นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนเองได้คุยกับทางกองทัพตั้งแต่ก่อนที่จะถอนตัว โดยสอบถามว่ามีการเฝ้าระวังแค่ไหน ซึ่งกองทัพยืนยันว่าเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลาและรายงานให้ตนทราบว่ามีการเคลื่อนไหวอย่างไร
ส่วนที่ทางกัมพูชาค่อนข้างจะกร้าว บอกจะไม่ให้มีรุกล้ำเขามาแม้แต่มิลลิเมตรเดียว นาอภิสิทธิ์ยกล่าวว่า เราไม่มีไปรุกรานใครอยู่แล้ว มีแต่ปกป้องอธิปไตยของเรา แม้ว่าจะถอนตัวออกมาอย่างไร เราก็ยังยืนยันว่ากัมพูชาต้องถอนทหารออกจากบริเวณปราสาทด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่าช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลจะเป็นปัญหาต่อการดูแลแนวชายแดนกัมพูชา หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คงเป็นช่วงสั้นๆ จนถึงถ้าเลือกตั้งเสร็จทำอย่างไร เพื่อให้มีการตั้งรัฐบาลโดยเร็ว เราจะได้มาสะสางปัญหานี้ต่อไป ขอยืนยันว่าถ้ามีความชัดเจนว่าเรามีรัฐบาลที่เข้มแข็งในการปกป้องอธิปไตยอย่างต่อเนื่อง คิดว่าทางกัมพูชาจะปรับท่าที เพราะบางครั้งกัมพูชาพยายามจะดูเงื่อนไขการเมืองภายในประเทศ บางทีก็ลุ้นอยู่ว่าถ้าเปลี่ยนแปลงรัฐบาลจะหารัฐบาลที่พูดคุยกันง่ายกว่าหรือเปล่า
ส่วนจะบอกประชาชนที่ใช้ชีวิตตามแนวชายแดนที่ตอนนี้อาจกังวลความตึงเครียดของ 2 ประเทศที่มีอยู่นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า กองทัพมีการเฝ้าระวังติดตามเป้าหมาย คือทำอย่างไรไม่ให้มีการปะทะกัน และไม่ให้มีการมารุกล้ำซึ่งกันและกัน ขอยืนยันว่ารัฐบาลจะพยายามทำทุกวิถีทางให้พี่น้องประชาชนใช้ชีวิตได้ตามปกติ เมื่อถามย้ำว่าคิดว่าจะหลีกเลี่ยงการปะทะได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “ได้ครับ”
จากนั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาปราศรัยช่วยลูกพรรคหาเสียงที่ หน้า อบจ.อำนาจเจริญ โดยมีนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอำนาจเจริญ และประชาชนให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นกว่า 20,000 คน